ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Phlae Kao 2479.djvu/13

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

ไทรใกล้น้ำที่ทรงสาขางอกงามอายุนาน มีแพรแดงผืนใหญ่ห่มอยู่รอบต้น ที่หน้าศาลเทพารักษ์มีเครื่องบนบวงต่าง ๆ ทั้งตุ๊กตาไทยกับเข้าของกินเครื่องเส้นเสียกระบาน ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของไทรต้นนี้ ชาวบ้านจึงขนานนามกันว่าศาลเจ้าพ่อไทร

กำลังเที่ยงซึ่งเปนเวลาไล่ ๆ กับเมื่อวันวาน อ้ายเรียวคงยังฟ่องฟอดอยู่ในลำน้ำ แต่เจ้าของ ๆ มันคือเจ้าขวัญ เจ้าหนุ่มลูกตาเขียนผู้ใหญ่บ้านของทุ่งแสนแสบ หรือปลายลำน้ำบางกะปิกำลังยืนลับ ๆ ล่อ ๆ ชะเง้อชะแง้คอยเจ้าเรียมลูกตาเรืองมหาสัตรู

เมื่อรู้สึกเมื่อยที่ยืนชะเง้อชะงกคอยป้องหน้าเบิ่งไปหาร่างเจ้าเรียมสาวงามกลางทุ่ง เจ้าขวัญก็ซุดกายลงนั่งพักเอนหลังลงใกล้ศาล ในใจก็พร่ำบนบวงภาวนาขอให้เจ้าเรียมมาเสียเร็ว ๆ เถิด เพราะการคอยหายทำให้เจ้าขวัญมีหัวใจนึกหวาดไป นึกว่าเจ้าเรียมจะลืมนัดเสียบ้าง ขี้เกียจมาหรือมาไม่ได้บ้าง

เจ้าหนุ่มลูกทุ่งต้องผงะขึ้นทั้งหงาย นั่งทรงตัวเหลียวไปรอบ ๆ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าคนและเสียงจามแรง ๆ ของควายใกล้เข้ามา

เจ้าเรียมกำลังจูงอีเกเลี้ยวคุ้งไผ่โน้นมา และตะโกนอย่างดีเนื้อดีใจ

"พี่ขวัญ"

"เออเรียม" เจ้าขวัญขานรับ "ทำไมช้านักล่ะ ฉันมาคอยตั้งแต่ก่อนเพนนึกว่าจะลืมเสียแล้ว นั่นเอาอีเกมาด้วยทำไมเล่า อ้ายเรียวก็อยู่ในน้ำไม่เห็นหรือ?"

"เปล่า" เจ้าเรียมตอบพอดีเดินมาถึง "ฉันไม่เห็นอ้ายเรียวก็นึกว่าพี่ขวัญจะยังไม่มาน่ะซี แหมที่เริญทำพิษใหญ่ วันนี้เขาอยู่บ้านทั้งวันเพราะพ่อจ้อยมาเลยรั้งฉันไว้ด้วย รำคาญเหมือนอกจะแตก"

พอได้ยินชื่อพ่อจ้อย เจ้าขวัญหน้าผิดสี เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าจ้อยเปนคนมีอัฐ และติดพันเจ้าเรียมมานานนักหนา นัยว่าทั้งตาเรืองและเจ้าเริญก็ออกจะเต็มใจอยู่ด้วย ขัดแต่เจ้าเรียมคนเดียวจึงยังไม่สำเร็จ

๑๒