ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Phlae Kao 2479.djvu/73

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

ซึ่งมีอาการหนักจะไปจะอยู่เท่ากันเสียอีก จึงหมดโอกาสที่จะปลีกตัวไปหาความเพลิดเพลินในธรรมชาติของบ้านเดิมเหล่านี้กับเจ้าขวัญได้

แต่เจ้าขวัญเปนชายทรหด หัวใจทุก ๆ ห้องแกร่งแกล้วเปนชาติชาตรีเหี้ยมหาญไม่พรันทุกขณะ ความคิดก็เด็ดเดี่ยว เยิ้มอยูด้วยความรักในตัวเจ้าเรียมอย่างดุดัน อะไรขืนขวางหน้าก็พินาสสบั้นไป เจ้าขวัญยึดเอาเวลาเดือนขึ้น แม้จะดึกแสนดึก ก็อุส่าห์ข้ามลำกระโดงมาหาเจ้าเรียม บางวันเมื่อมันเห็นเจ้าเรียมที่แคร่หลังคอกควาย ก็อุส่าห์ย่องเข้าไปในโรงนาเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเรียมยังอยู่บางกะปิเท่านั้น เวลา ๓ คืนเดือนก็ยิ่งดึกขึ้นทุกที และกว่าจะตกก็ร่วมสว่าง เจ้าขวัญก็ถือเวลามาในเดือนขึ้นพาเจ้าเรียมไปคุยที่ลำกระโดง แล้วกลับเมื่อเดือนตกทุกวัน พอรุ่งขึ้นวันที่ ๔ เวลาค่ำ แม่ของเจ้าเรียมก็ถึงแก่กรรม และคืนนั้นทั้งคืนที่มันกับเจ้าเรียมมิได้พบกันตลอดสว่าง

เรียมมีจดหมายส่งข่าวไปกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น บอกความจำเปนที่เธอจะต้องอยู่บางกะปิต่อไปอีกเพื่อทำศพมารดาและจัดการให้เรียบร้อยตามประเพณี

คืนนั้น ในโรงนาของตาเรืองได้ถูกตบแต่งสถานที่ไหม่เพื่อตั้งศพ ที่ลานนวดเข้ากวาดเตียนรื่นสำหรับแขกบ้านใกล้และพวกพ้องที่เคารพนับถือจะได้มาฟังสวดพระธรรมและเยี่ยมเยียนศพตามประเพณี

เจ้าเริญเปนฝ่ายเลี้ยงดูแขกผู้ชายและโดยมากเปนนักเลงรุ่นเดียวกับเจ้าเริญ เหล้ายาปลาปิ้ง น้ำขาวเหล้าเถื่อน หาไม่ยากตามท้องนา เพียงออกปากครู่เดียวก็แบกกันมาเปนไห ๆ เพื่อความเพลิดเพลินและดับความทกร้อน เจ้าเริญก็เมากล่ำอยู่ก่อนตั้งแต่เย็น พวกเพื่อน ๆ ที่นับว่าถูกคอและใช้ได้ของเจ้าเริญราว ๑๐ คนมาใกลบ้างใกล้บ้างและเมาตามมากตามน้อยไปด้วยกันทั้งสิ้น

นับว่ามีหน้ามีตาอยู่มากที่ตาเรืองมีสวดถึง ๓ คืน จนชาวบ้านแถบนั้นคิดไปว่า ตาเรืองคงเปนเศรษฐีเพราะลูกสาวเปนแน่ และที่จริงการที่มีสวดตั้ง ๓ 

๖๗