หลีกกันให้ราบ ทีท่าของมันคล้ายวัวเปลี่ยวเขาคมพลัดเข้าฝูงโคบ้าน
ตาเรืองยืนรี ๆ ขวาง ๆ มือถือปืน ข้างหลังมีเจ้าเริญ เพื่อนหัวไม้ ๕–๖ คน ยืนถือดาบหลบ ๆ ตาจับอยู่ที่อ้ายขวัญ อ้ายเจ้าทุ่งผู้มีอานุภาพอย่างพึงพิศวงตลอดย่านบางกะปิและลำน้ำอันคดเคี้ยววิเวก
"มึงมาหาใคร" เจ้าเริญซึ่งได้สติแข็งใจถามขึ้นก่อน แต่หาอาจที่จะสบตามันไม่
เจ้าเสือลำน้ำแสนแสบถลึงตามองดูอ้ายเริญกับพวก มันเม้มริมฝีปากเพื่ออดใจ ตาข้ามไปจับอยู่ที่เจ้าเรียมดวงใจของมันซึ่งเพิ่งอยุดร้องไห้โดยตกใจในการมาของมัน
"ข้าตั้งใจมาดีหรอกว๊ะ อ้ายเริญ มึงดูดอกไม้ธูปเทียนที่มือกูก่อนแล้วกันว่ากูจะมาไหว้ศพแม่มึงหรือมิใช่" อ้ายขวัญกวาดตาข้ามหลังเจ้าเริญไปอีก ชี้มือปราดไปที่เจ้าแฉ่ง "อ้ายแฉ่ง กูเห็นแก่งานของพ่อเรืองหรอก หาไม่กูก็อยากจะรู้ว่าเมื่อครู่มึงเอาชื่อของกูมากล่าวให้เจ้าเรียมช้ำใจด้วยเรื่องอะไร"
เจ้าแฉ่งนิ่งตรองชั่วอึกใจ ความอายเกรงเสียนักเลงที่มันคุยไว้นักหนา ทำให้มันตอบอย่างไว้เชิงนักเลง
"ก็มันใครอื่นเล่าโว้ย อ้ายขวัญ มันน้องอ้ายเริญ ก็เหมือนน้องกู จะเย้านิดเย้าหน่อยเท่านั้น มันไปเกี่ยวอะไรกะมึงด้วยล่ะ"
"แล้วกัน อ้ายแฉ่ง มึงพูดอะไรอย่างงั้นเล่า มึงยกชื่อกูขึ้นกล่าวขับเจ้าเรียมจนต้องได้อายไปนั่นน่ะ ยังไม่เกี่ยวกะกูอีกหรือ―เฮ้อ อ้ายแฉ่ง วันนี้กำลังการงานของพ่อเรียมแกหรอกว๊ะ กูยอมให้มึง อีกอย่าง ความตั้งใจของกูก็จะมาไหว้ศพแม่แกสักหน่อย หาตั้งใจที่จะมาต่อปากคำกับมึงหรอก เราไว้พูดกันวันหลังได้ไม่ใช่หรือเว้ย อ้ายแฉ่ง"
"ก็เปนไรมี" เจ้าแฉ่งตอบไม่สู้เต็มคำ ยืนดาบไขว้หลังเปนที่ว่ามันก็คนหนึ่ง
เจ้าขวัญหัวเราะอย่างกันเอง แต่ใคร ๆ ก็ฟังออกว่า มันหัวเราะฝากเจ้าแฉ่งไว้พอข้ามไปชั่วคืนนี้เถอะ อ้ายแฉ่ง