หน้า:Phlae Kao 2479.djvu/80

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

"ช่างมั่งเถอะวะ อ้ายเริญ เมื่อเขาจะมาดี เราก็ชาตินักเลง ลองปล่อยเขาซิ เพราะข้าก็ได้ลั่นคำอนุญาตเขาไว้"

เจ้าขวัญมองดูหน้าตาเรืองอย่างขอบใจ

"ถูกแท้เทียวจ้ะ พ่อเอ้ย พ่อพูดอย่างนี้ ฉันเชื่อใจจริง ๆ เอ้า นี่น่ะ เมื่อไม่เชื่อว่า ฉันมาดี ก็เอาอ้ายนี่ไว้" พูดแล้วมันก็ชักมีดพากขาวปลาบที่มันใช้คู่มือออกมายื่นส่งให้ตาเรือง เล่นเอาเจ้าเริญกับพวกสะดุ้งไปตาม ๆ กัน อ้ายนี่เสือแท้ เขี้ยวเล็บมันติดตัวอยู่ทุกฝีก้าว

เจ้าขวัญหลับตาอธิษฐานเรื่องของมันกับเจ้าเรียม และกล่าวคำขอขมาลาโทษที่มันได้ล่วงเกินผู้ตายมาแล้วแต่หนหลัง ๆ

เสร็จงานไปแล้วสามวัน ตาเรืองจัดแจงเอาศพภรรยาไปฝากไว้ที่วัดเรียบร้อย แล้วก็ทำบุญตักบาตรเปนการอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ และจัดเข้าของตกแต่งในโรงนาเสียใหม่โล่งโถงสะอาดตาตามคำแนะนำของลูกสาวเพื่อให้หายน่ากลัวและลืมรูปลักษณะของโรงนาเก่าอันเปนที่ตายของมารดาเธอ ทั้งนี้ ทำให้พื้นและห้องหับทั้งชั้นบนชั้นล่างของโรงนาตาเรืองเปนระเบียบเรียบร้อยสะอาดหมดจกน่าอยู่ขึ้นอีกมาก

เรียมซูบซีดลงกว่าเดิม เพราะเหน็ดเหนื่อยอดหลับอดนอนมาแต่ครั้งพยาบาลแม่จนกระทั่งตาย และก็ต้องทำงานเรื่อย ๆ มา แถมยังมีทุกข์ทับถมขึ้นอีกเปนสองเท่า คือ แม่ตาย อย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งก็คือ กำหนดกลับไปจากบ้านใกล้เข้ามาทุกวัน เปนความจริงที่เรียมมาอยู่นี่ย่างเข้าสิบห้าวันเท่านั้น หัวใจเธอก็เริ่มเปลี่ยนเปนอื่น เธอนึกถึงวันกลับพระนครทีไร ก็มองเห็นสภาพและวิญญาณที่หมดอิสระคล้ายนกต้องขังอยู่ในกรง แม้เจ้าของจะถนอมคอยระวังให้เข้าให้น้ำตามเวลาก็จริง นกนั้นก็คงหาความสุขได้อย่างมากเพียงกระโดดไปกระโดดมาอยู่ในกรง ซึ่งผิดธรรมชาติกับนกที่มีปีกใช้บินอยู่ตามทุ่งตามท่า ไปไหนมาไหนได้โดยอิสระ

ความกลัดกลุ้มเหล่านี้เรียมมักจะไปปรับทุกข์กับเจ้าขวัญเสมอ และสองหนุ่มสาวก็คงยึดเอาลำกระโดงชายนา

๗๓