"ดูนี่ซิยะ คุณ" แม่นั่นว่า "คนเจ็บแท้ ๆ ยังไม่ช่วย พูดแล้วเปิดผ้าคลุมโปงนั้นออกให้เห็นสภาพคนเจ็บที่เขาว่า แสงไฟเราสว่างจ้า มองเห็นถนัด ผมและวิชัยสะดุ้งทั้งตัว นั่นมันศพแท้ ๆ ไม่ใช่คนเจ็บอย่างพูด ศพนั้นมีผ้าพันตัวและเชือกตราสังมัดอยู่ ส่วนตอนหน้านั้นเปิดเห็นถนัด มันเป็นศพแห้งตายซาก มีกระดูกบางส่วนโผล่ออกจากเนื้อที่แห้งกรังนั้น เบ้าตากลวงลึก
"อ้อ! นี่ย้ายศพกันแบบนี้หรือ" ผมตะโกนด้วยความโกรธด้วยนึกสะอิดสะเอียน มนุษย์อะไร มีปากพูดมาได้ขออาศัยรถ ใครเล่าจะลงทุนเอารถขนศพให้
"หลีกทางซิ" ผมตวาดออกไปอย่างโทโสที่สุด แม่คนนั้นไม่พูดอะไร ก้มลงจับคานเลื่อนค่อย ๆ เลื่อนไปทีละน้อยอย่างยากเย็น มีทีท่าโกรธเรา ไม่ยอมหันหน้าดูเราเลย ก้มหน้าลากยักแย่ยักยัน ดูแกไม่ค่อยจะมีแรง การหลีกทางของแกจึงชักช้ามาก
"อยากไปเร็ว ๆ ลงมาช่วยกันลากสิ" แม่คนนั้นพูดอย่างแดกกันเรา ทั้ง ๆ ไม่ทันหน้ามาทางเรา ศพที่นอนบนเลื่อนโดนแรงที่ลากบ้างหยุดบ้างขยักขย่อนก็กระเทือน จึงกลอกหน้ากลอกตาน่าเกลียดขยะแขยงอย่างนั้นหรือ แกร้องว่า อยากจะไปเร็ว ๆ ก็ให้ลงไปช่วยแกลาก เหตุใดเล่า? อยู่ดี ๆ จะลงไปลากศพโดยใช่เรื่อง แต่ครั้นจะหันหัวรถไปทางคนลากแล้วรีบพุ่งรถไป ถ้าหากเคราะห์ไปโดนแกเข้า เรามิแย่หรือ หากจะตัดสินใจหักพวงมาลัยไปทางท้ายเลื่อนแล้วออกวิ่ง ถ้าไม่พ้นล่ะ โดนเอาศพเข้า จะเลอะเทอะกันใหญ่ จำเป็นจริง ๆ ที่ต้องเดินเครื่องรอคอยการลากของแกที่ค่อย ๆ พ้นไปทีละฝ่ามือ ดู ๆ ว่า จะมีกลิ่นศพโชย ๆ มา
"ศพอะไร! ทำแปลก ๆ" วิชัยโมโห ตะโกนออกไป แม่คนนั้นคล้ายแกจะขบขันตัวเองหรือขบขันเสียงตะโกนของวิชัย แกหัวเราะลั่น หัวเราะไป ก้มหน้าก้มตาฉุดไป พอแกลากพ้นไปพอมีทางเราจะผ่านได้ แกจึงเงยหน้าขึ้นหัวเราะกับเรา ผมแทบช็อกคารถ แม่คนลากเลื่อนตอนแรกแกก็สาว ๆ นี่เอง แต่บัดนี้ ที่ตาเราเห็น แกก็คือซากศพเหมือนกัน อ้าปากมีฟันในปากอย่างกะพร่องกะแพร่ง หัวเราะก้องถนน วิชัย