พระสงฆ์องค์เจ้าไม่ละเว้น ผู้ที่ไม่ตายก็พากันหนาวสะท้านไปตาม ๆ กัน ทั้งหนาวกลัวโรคและหนาวกลัวภูตผีปิศาจที่ตายซับตายซ้อนแทบไม่เว้นแต่ละวัน ในอยุธยาเงียบเหงาเศร้าโศก ที่ใดที่เคยมีผู้ชุมนุมคับคั่งก็บางตาแทบจะไม่มีคน ไม่มีการเที่ยวเตร่ชื่นบานกันอย่างเคย เก็บตัวอยู่กับบ้าน บ้านใคร ๆ อยู่ ระวังตัวกลัวตายไปทั้งนั้น การสุขาภิบาลของเราตอนนั้นยังไม่เข้มแข็ง ชาวบ้านหันเข้าพึ่งพระ รดน้ำมนต์ปัดรังควานกันไป บ้างก็ผูกสายสิญจน์ที่คอและข้อมือ ในยามค่ำคืนจะได้ยินแต่เสียงสุนัขหอนอย่างเยือกเย็นไปทุกหนทุกแห่ง ยายของผมแกว่า เสียงอย่างนี้เป็นสัญญาณแห่งมรณะ และการไข้จะลุกลามอีกอย่างไม่หยุดหย่อน
ความตายที่จะเกิดจากโรคนั้น ตัวผมไม่รู้สึกกลัว แต่เรื่องกลัวผีนี่น่ะซีหนาวสะท้านเข้าหัวใจ ข่าวการตายได้เพิ่มแก่หูอยู่ทุกวัน รู้สึกว่าแทบทุกแห่งจะมีเงาของปิศาจวูบวาบไปทั้งหมด เข้านอนกลางคืน พอดับไฟหมดแล้ว ไม่อยากจะหายใจดัง เกรงปิศาจจะได้ยิน นอกบ้านออกไปไกลได้ยินเสียงสุนัขหอนเป็นหมู่เยือกเย็นไม่ขาดเสียง ยิ่งนึกถึงคำพูดของยายที่ว่าเสียงอย่างนี้เป็นสัญญาณแห่งมรณะ ยิ่งหนาวสะท้าน กลิ่นธูปที่ยายจุดบูชาพระตลบทั่วบ้าน ทำให้เกิดความกลัวเพิ่มขึ้นอีก ยายของผมอาจจะกลัวตายมากกว่ากลัวผี ผมไปโรงเรียนแกสั่งให้รีบกลับ ห้ามแวะเวียนไปไหนกลัวจะไปนำเชื้อโรคกลับมา ตอนเย็นจวนค่ำแกปิดประตูหน้าต่างหมด แล้วเริ่มจุดธูปเทียนบูชาพระแล้วพูดดัง ๆ ขอพรพระมิให้โรคเข้ามาใกล้กราย
เช้าวันหนึ่งเป็นวันพระ ผมหยุดโรงเรียน ชะโงกหน้าต่างมองไปที่ทางเดิน เห็นคนหามโลงศพเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ ผมหลบหน้าวูบเข้าบังฝาเลย ใจคอสั่น นั่นหมายถึงว่า มีใครตายใกล้บ้านเราเข้าแล้วสิ ผมร้องบอกยาย แต่ยายรีบเอามืออุดปากผม ผมเลยนิ่งเงียบ ยายนั่งลงพนมมือไหว้พระแล้วสวดมนต์ ผมไม่ได้สวด แต่ก็แอบนั่งอยู่ใกล้ ๆ นั่นเอง
ตกตอนสาย ผมคงขลุกอยู่ในห้อง ลูบคลำกังหันลมที่ลองทำขึ้นเองเพราะเคยเห็นเพื่อนบ้านเขาทำกัน เวลาลมจัด ๆ กังหันชนิดนี้จะร้องหึ่ง ๆ ได้ แต่ที่ผมทำเองนั้นจะร้องได้หรือมิได้ยังหารู้ไม่ ผมพยายามทำเองอย่างไม่มีครู เห็นเขามาก็มาคิดทำเอง จึงยังไม่แน่ใจว่าจะดังหรือไม่ดัง ความจริงน้าชายห่าง ๆ ของผมคนหนึ่ง แกชื่ออั๋น บ้านแกอยู่ในคลองบางสะแก