ไปถวายโดยการแสดงทางพระราชไมตรีอันสนิทเสนหาถาวรชั่วฟ้าแลดิน
อนึ่ง เราขออำนาจสิ่งซึ่งเปนใหญ่เปนประธานในสกลโลกนี้จงโปรดให้ท่านมีพระชนมายาวยืน จะได้ทำนุบำรุงพระสาสนาของท่านโดยช้านาน ให้รุ่งเรืองแผ่ไพศาลทั่วพิภพโลกทั้งปวง ความปราถนาอันสุจริตของเรามีดังนี้เปนต้น
เราเปนมิตรที่สัตย์ซื่อของท่าน (ที่ประทับพระราชลัญจกร) (ลงชื่อ โฟกอง คือ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์) พระราชสาส์นส่งมาแต่พระราชวังลพบุรีณเดือนอ้าย ขึ้นสามค่ำ ปีเถาะ นพศก พุทธศักราช ๒๒๓๑⟨"⟩
ครั้นโปปทรงทอดพระเนตรพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสยามเสร็จแล้ว จึงพระราชทานคืนกลับให้แก่บาดหลวงตาชาต ๆ มอบส่งให้บาดหลวงเจ้าพนักงานกรมวัง ๆ เชิญพระราชสาส์นนั้นไปเก็บไว้ในห้องทรงพระอักษรของโปป แล้วบาดหลวงตาชาตจึงไปรับเครื่องราชบรรณาการสิ่งสำคัญที่อุปทูต แลของถวายออกยาวิชาเยนทร์ที่ตรีทูตนำมาถวายต่อพระหัดถ์โปป ๆ ทรงรับไว้ ราชบรรณาการในถุงที่อุปทูตถือมานั้น คือ หีบทำด้วยลวดทองคำถัก เปนฝีมือช่างชาวสยามอย่างละเอียดงามที่สุด หนักทองสามตำลึง
ของออกยาวิชาเยนทร์ฝากมาถวายนั้น คือ หีบเงินหนักประมาณ ๕ ชั่ง เปนฝีมือช่างชาวยี่ปุ่นทำจำหลักลายกุดั่นเปนรูปนกไม้แลลายต่าง ๆ มีพานเงินรองหีบหนักประมาณ ๕ ชั่ง เปนฝีมือช่างจีนด้วยลวดถักอย่างงามดี
ครั้นโปปทรงรับเครื่องราชบรรณาการแลของถวายแล้ว จึงรับสั่งให้บาดหลวงเรียกทูตานุทูตสยามเข้ามาใกล้พระองค์ ขณะนั้น ทูตานุทูตสยามคลานมาสองสามก้าวก็หยุดถวายบังคม ๓ หนครั้ง ๑ แล้วก็คลานเข้าไปอิกสองสามก้าวก็หยุดถวายบังคม ๓ หนอิกครั้ง ๑ แล้วคลานเข้าไปอิกสองสามก้าวใกล้พระแท่น แล้วจึงถวายบังคม ๓ หนอิก ครั้ง ๑ ในครั้งที่สุดท้ายนั้น ราชทูตถวายบังคมก้มศีศะลงให้ยอดลำพอกจดชายฉลองพระองค์ทั้งสามครั้ง แล้วคลานถอยหลังออกมาห่างพระแท่นถึงท้ายเก้าอี้มหาสังฆราชทั้ง ๘ รูป แล้วอุปทูตตรีทูตก็ผลัดกันคลานเข้าไปทำเช่นราชทูตนั้นทุกคน แล้วจึงคลานออกมาเรียงอยู่ตามลำดับตำแหน่งยศทูตานุทูตในกลางท้องพระโรงนั้น
ฝ่ายบาดหลวงตาชาตจึงเข้าไปคุกเข่าตรงน่าพระแท่น แล้วจึงก้มศีศะลงจูบที่ฉลองพระบาทยุคล แล้วเดินถอยหลังออกมายืนเฝ้าอยู่หลังราชทูตสยามตามเดิม
ในขณะนั้น มหาสังฆราชผู้หนึ่งเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงน่าพระแท่น แล้วจึงปลดพระภูษาที่คล้องพระสอทับนอกฉลองพระองค์นั้นออกแล้ว โปปจึงตรัสพระราชทานพระพรแก่ทูตานุทูตสยามตามธรรมเนียมเสร็จแล้วจึงเสด็จขึ้น
ฝ่ายทูตานุทูตสยามกับบาดหลวงล่ามผู้กำกับพร้อมกันถวายคำนับแล้วเดินออกจากท้องพระโรง แลมหาสังฆราชอรรคมหาเสนาบดี ชื่อ ชิโบ ก็นำทูตานุทูตสยามลงไปยังห้องที่พักแห่งตน เชิญให้นั่งเก้าอี้มีพนัก แล้วจัดการต้อนรับโดยความยินดีเปนอันมากแลสนทนากับทูตสยามตามสมควรแล้ว ทูตานุทูตสยามก็ลาออกจากห้องนั้นมาขึ้นรถพระที่นั่งดังเดิมกลับไปยังที่พักของราชทูต ขณะนั้น ทหารแตรก็เป่าแตรทำเพลงสรรเสริญรับรองราชทูตสยามตามธรรมเนียม
ขณะเมื่อราชทูตานุทูตสยามพักอยู่ในกรุงโรมนั้น ได้ไปเที่ยวชมถิ่นฐานบ้านเมือง แลตึกใหญ่น้อย แลวัดวาอารามทุก ๆ แห่งในจังหวัดกรุงโรม แลได้ไปดูสิ่งของโบราณ มีตึกแลโบถวิหารเปนต้น