นั้นเสวยราชสมบัติในบุพวิเท่หะ แลพระราชกุมารทัง ๔ พระองคก็ย่อมเหาะมาเฝ้าพระราชบิดาทุก ๆ วัน
ครั้นนานมาพระราชบิดานั้นชิวงคต แลพระราชกุมารทัง ๔ พระองคก็ต่างองคต่างอยู่ ย่อมมีไม้ตรีจิตไปมาหากัน ครั้นนานมา ๆ ต่างองคต่างนานไปมา ทางพระราชไม้ตรีสำพันทญาติก็ค่อยขาดสูญไปตราบเท้าทุกวันนิ้
แลพระเชษฐาธิราชผู้เสวยราชสมบัติในชมภูทวีปนั้น ก็มีพระราชกุมารสิบพระองค แลในชมภูทวีปแบ่งเปนสิบเอ็ดส่วน ๆ หนึ่งพระองคอยู่ สิบส่วนนั้นให้พระราชโอรสอยู่องคลส่วน พระราชกุมารผู้ใหญ่นั้นเปนมหาอุปราช อยู่จำเนียรนานมาพระราชบิดาถึงชิวงคต พญาอุปราชก็ได้เสวยราชสมบัติแทนพระบิดานั้น แลพระราชกุมารทัง ๑๐ พระองคก็ไปมาหากันเป็นนิจ ครั้นนานมาพระราชกุมารทังปวงมิได้ไปมาหากัน ต่างองคต่างอยู่ แลอยู่มาพระนัดดาพญามหาสมมุติราชทัง ๑๐ พระองค มีพระราชกุมารองคละสิบพระองคเล่า แลเชษฐกุมารนั้นตั้งเปนอุปราช แลกุมารอันดัพนั้นก็แต่งให้เสวยราชในประเทศต่าง ๆ กัน ครั้นนานมาพระราชบิดาถึงชิวงคต แลพญาอุปราชได้มุรธาภิเศกเอกะราชสมบัติแทนพระราชบิดา ก็ยังไปมาหากันเปนนิจ แลพระมหากระษัตรทังร้อยเอ็ดพระองคนั้นเปนสำพันทญาติราชสุริวงษเดียวกัน ครั้นนานมาต่างองคต่างทรงพระชะราภาพ จะไปมาหากันนั้นมิได้ ต่างองคต่างใช้ให้แต่มหาอำมาตไปมาจำทูลทางพระราช