จึงเปิดประตู เอาชลอมลงจุ้มน้ำยกขึ้นใส่เกวียนบรรทุกลงแล้ว นักคุ้มกลัวก็ยกไปจากที่นั้น ครั้นแรมร้อนมาถึงแดนด่าน คนคุมน้ำมา สงไสยในใจอยู่ว่าชลอมจะขังน้ำจะได้ฤๅ บันดาลให้น้ำในเล่มเกวียนนั้นไหลลงเห็นทั่วกัน จึงสรรเสริญ ฉนั้นจึงจาฤกลงไว้ ที่นั้นจึงเรียกว่าด่านพระจาฤก จึงยกไปทางตึกโช ครั้นถึงเมืองเข้าแล้ว ผู้คนก็เล่าฦๅกันว่า เอาชลอมบรรทุกมาไม่มีน้ำ พระเจ้ากัมพูชาจึงเอานักคุ้มนายกองคุมเกวียนไปถาม ก็ทูลทุกประการ ยกชลอมน้ำแกล้งเทลงในพเนียงจนไม่มีที่ใส่ เสนาอำมาตย์จึงกราบทูลพระเจ้ากัมพูชา ๆ ตกพระไทยว่าผู้มีบุญเกิดแล้ว เราคิดว่าจะจับตัวฆ่าเสียให้ได้ เสนาพฤฒามาตย์ราชปโรหิตพระยาพระเขมรก็เห็นด้วย จึงเกณฑ์ทัพเมืองขอมไปตามจับ ขอมรับอาสาตามจับ นายร่วงรู้ข่าวดังนั้นก็หนีไปถึงแดนเมืองพิจิตร ไปอาไศรยเขาอยู่ริมวัด ขอเข้าชาวบ้านกิน ชาวบ้านเาเข้ามาให้แก่นายร่วงกับปลาหมอตับหนึ่ง นายร่วงอดอาหารมาก็กิน หยิบปลาข้างละแถบ แล้วโยนลงไปในสระ ให้ปลาเปนว่ายไป จนคุ้มเท่าบัดนี้ นายร่วงก็หนีไปจากที่นั้น ไปอาไศรยอยู่วัดเมืองศุโขไทยพอได้อุปสมบท สมภารจึงเรี่ยรายชาวบ้านเอานายร่วงอุปสมบทเปนภิกขุ จึงเรียกพระร่วง ขอมดำดินมาถึงเมืองลโว้ที่สระน้ำเสวยนั้น ถามชาวบ้านว่า นายร่วงนายกองส่วยน้ำอยู่ฤๅ ชาวบ้านบอกกว่า ขึ้นไปเมืองเหนือ ขอมรู้ดังนั้นก็ยกแยกกันไป ครั้นไปถึงเมืองสวรรคโลก ถามชาวบ้านว่า นายร่วงมาแต่เมืองใต้มาอยู่นี่ฤๅ ชาวบ้านบอกว่า เขาเล่าฦๅกันว่าไปอยู่เมืองศุโขไทย บวชเปนภิกขุอยู่ ขอมได้ความดังนั้นก็ไปเมืองศุโขไทย ผุดขึ้น
หน้า:Prachum Phongsawadan (01) 2457.djvu/59
หน้าตา