กระบี่เข้าไปร้องประกาศในที่ชุมนุมขุนนางทั้งปวงว่า หองจูเปียนนั้นหาสติปัญญามิได้ จะให้ถอดเสีย เราจะให้ตั้งหองจูเหียบซึ่งมีสติปัญญาหลักแหลมขึ้นเสวยราชสมบัติ ถ้าผู้ใดมิลงใจพร้อมด้วยเราจะฆ่าเสียขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงนิ่งอยู่สิ้น แต่อ้วนเสี้ยวนั้นลุกขึ้นยืนแล้วร้องว่าหองจูเปียนเปนพระราชบุตรเอก พระราชบิดายกราชสมบัติให้หองจูเปียนเสวยราชย์ก็มิได้มีความผิดสิ่งใด ตัวจะมาถอดเสียแล้วจะยกหองจูเหียบพระราชบุตรโทขึ้นเสวยราชย์นั้น ตัวจะคิดอ่านเป็นขบถหรือ ตั้งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงตอบว่า ราชสมบัติทุกวันนี้อยู่ในเงื้อมมือเรา ๆ เห็นไม่ชอบจึงจะทำให้ชอบ ถ้าตัวมิฟังจะขืนขัดอยู่ฉนี้ ตัวจงแลดูกระบี่ที่เราถืออยู่นี้จะคมหรือไม่ อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่ากระบี่เราถือมาก็มีอยู่ ถ้าตัวมิฟังจะขืนตั้งหองจูเหียบขึ้นให้ผิดอย่างธรรมเนียม ตัวจงดูกระบี่ซึ่งเราถือมานี้เห็นจะคมหรือไม่คมเล่า ตั๋งโต๊ะก็โกรธถอดกระบี่ออกจะฟันด้วนเสี้ยว ๆ ก็ถอดกระบี่ออกจะสู้ตั๋งโต๊ะ ลิยูเห็นดังนั้นจึงเข้าห้ามตั๋งโต๊ะไว้ แล้วค่อยกระซิบว่า เราจะคิดการใหญ่อยู่ ครั้นจะฆ่าฟันกันขึ้น การซึ่งคิดไว้นั้นก็จะเสียไป ตั๋งโต๊ะฟังลิยูห้าม ขุนนางทั้งปวงก็ห้ามอ้วนเสี้ยวไว้ อ้วนเสี้ยวจึงลาขุนนางทั้งปวงแล้วถือกระบี่เดิรออกมา พาทหารแลพรรคพวกยกไปเมืองกิจิ๋ว
ฝ่ายตั๋งโต๊ะจึงว่าแก่อ้วนหงุยผู้เป็นอาว์อ้วนเสี้ยวว่า อ้วนเสี้ยวทำองค์อาจขีดขวาง นี่หากว่าเราคิดถึงท่าน หาไม่เราจะฆ่าเสีย ซึ่งเราคิดการทั้งนี้ท่านยังเห็นชอบผิดประการใด อ้วนหงุยจึงว่า ซึ่งท่านเปนผู้ใหญ่คิดจะ