หน้า:Siam (IA siampeepsatmany00youn).pdf/53

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
พุทธประวัติ

ชีวิตที่ต้องคอยข่มตนและผจญความทุกข์ทนเช่นนี้จะไม่นำไปสู่สิ่งที่กำลังทรงแสวงหาได้ ดังนั้น จึงทรงเลิกอดอาหาร และรับประทานข้าวปลาอีกครั้งดุจดังคนปรกติ ฉะนี้เป็นเหตุให้สาวกสองสามรายที่ได้มาอยู่กับพระองค์ในที่สันโดษเกิดความรังเกียจ และพวกเขาก็หนีหายไป ทิ้งให้ทรงอยู่ลำพังพระองค์เอง ครั้นเขาไปแล้ว พระองค์ก็ทรงเดินทอดพระชงฆ์ไปตามฝั่งแม่น้ำใกล้เคียง ก็ในขณะที่ทรงพระดำเนินไปนั้น บุตรีชาวบ้านคนหนึ่งมาถวายอาหารบางอย่างต่อพระองค์ พระองค์ทรงรับไว้ และเสด็จไปประทับนั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ ต้นไม้นี้เป็นที่รู้จักว่าต้นโพในหมู่ชาวพุทธทั้งผอง และเป็นของศักดิ์สิทธิ์ต่อพวกเขาเท่า ๆ กับที่กางเขนเป็นสำหรับชาวคริสต์ ในเวลาที่ทรงนั่งใต้ต้นไม้นั้น โคตมะทรงครุ่นคำนึงถึงอดีตและอนาคตอย่างเป็นจริงเป็นจัง พระองค์ทรงรู้สึกผิดหวังกับความล้มเหลวและการสูญเสียเพื่อนฝูงผู้ล่วงลับ มารร้ายมาหาพระองค์อีกครา และพรรณนาต่อพระองค์ด้วยเสียงกระซิบกระซาบถึงความรักและอำนาจ ถึงราชทรัพย์และเกียรติยศ แล้วเร่งเร้าให้พระองค์ทรงมุ่งมองหาบ้าน ภรรยา และบุตร โคตมะทรงนั่งอยู่ใต้ต้นโพถึง 48 วัน 48 คืน มีพระทัยลังเลไปในเรื่องที่ว่า หน้าที่ของพระองค์คืออะไร ในบั้นปลายแห่งช่วงเวลานั้น ความสงสัยก็สิ้นสูญ ความกระจ่างก็เพิ่มพูนในพระทัย ภัยพายุก็ยุติ และพระองค์ก็ทรงกลายเป็น "พระพุทธเจ้า" กล่าวคือ "ผู้รู้แจ้ง" บัดนี้ ทรงรู้แล้วว่า เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะต้องทรงจาริกไปเทศนาประชาชนถึงหนทางสู่ความสุขและสันติ แสดงให้เขาเห็นวิธีหลีกลี้จากทุกข์โศก และวิธีที่แม้กระทั่งจะพิชิตความตายนั้นเองก็ยังได้ ทีนี้ ถ้าจะให้บรรยายต่อท่านว่า พระพุทธเจ้าทรงเทศนาอะไรให้คนผู้มีใจจะรับฟังพระองค์บ้าง ก็คงจะใช้เวลายืดยาวเหลือเกิน บางทีเมื่อท่านโตขึ้น ท่านต้องหาอ่านเรื่องนี้เองในหนังสืออื่น

บัดนี้ โคตมะทรงกลับคืนสู่พนารส[1] และทรงปราศรัยต่อ

31
  1. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ a