เทวรุกขกุมารชาดก

จาก วิกิซอร์ซ

พระศาสดาเมื่อทรงประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภทานบารมีของพระองค์ ตรัสคำนี้ว่า อิมินา จ ปน ภนฺเต ดังนี้ ความมีอยู่ว่า ครั้งนั้น บุรุษคนหนึ่งออกจากบ้าน ถือเอาดอกไม้ธงและอาหารเช้าไปสู่พระเชตวัน ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้่า ยืนอยู่ที่ควรข้างหนึ่ง บูชาพระธรรมด้วยดอกไม้ธงและอาหาร ขณะนั้น ดอกไม้ธงและอาหารแตกกระจายออกไปตั้งพน เกิดขึ้นขึ้นบูชาพระธรรมตรงพระพักตร์ของพระศาสดา ด้วยเดชและด้วยกำลังแห่งการบูชา บุรุษนั้นเห็นอัศจรรย์แล้วเกิดโสมนัส สรรพรัตนะปรากฎขึ้นแล้วในบ้านของตน จึงถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจนตลอดชีวิต ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรม พรรณนาอยู่ว่า ชื่อว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงไว้ซึ่งกำลังคุณมากมาย สัตว์ทั้งหลายมีเทวดามนุษย์คนธรรพ์ครุฑนาคกินนรและพรหมเป็นต้น ทำการบูชารัตนตรัยด้วยกำลังศรัทธา สมบัติทั้งหลายได้ปรากฏเห็นประจักษ์อย่างนี้ สัมปรายภพเป็นอย่างไร ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสดับด้วยทิพยโสตเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ จึงตรัสว่า ชื่อว่าทานอันบุคคลให้แล้วด้วยศรัทธาจิต ผลอันอุกฤษฏ์ย่อมปรากฏในปัจจุบันทีเดียว ผลทานเป็นของอัศจรรย์ นักปราชญ์แต่ปางก่อน ได้บูชาพระพุทธรูปซึ่งมีญาณยังไม่แก่กล้า ย่อมได้สมบัติในปัจจุบัน ด้วยกำลังแห่งผลบูชา ดังนี้แล้ว ทรงนิ่งไป อันพระภิกษุทั้งหลายทูลขอ จึงทรงนำอดีตนิทานแสดงว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในอดีตการ มีพระราชาองค์หนึ่ง ครองราชสมบัติอยู่ในปุรินทนคร คราวนั้น พระโพธิสัตว์ได้เกิดในตระกูลคนเข็ญใจ ชื่อว่าเทวรุกขกุมาร วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ ลุกขึ้นแต่เช้า เกี่ยวหญ้าและหาฟืนมาขาย ได้ทรัพย์มาเลี้ยงชีพ พระโพธิสัตว์นั้น รักษาปัญจศีลสมาทานอุโบสถ วันต่อมา เข้าไปสู่ป่า ได้เห็นต้นรัง ส่งรัศมี ประหนึ่งแสงสุริโยทัย พระโพธิสัตว์นึกไปว่า ไม้รังต้นนี้สวยงาม ชะรอยอะไรจะมีในที่นี้ จึงเดินเข้าไปใช้ต้นรังนั้น มองดูที่นั้น ได้เห็นพระพุทธรูป ตบอก ไว้พระพุทธรูป กล่าวว่า ข้าแต่พระโลกนาถผู้เจริญ ผู้เป็นที่พ่งกรุณาของโลก ก็แล ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว นำดอกไม้ทั้งหลายมาบูชาพระพุทธรูป ฉีกผ้าห่มของตนออกทำเป็นวิชนี ปัดกวาดภายใต้ต้นรัง ฉีกผ้าซึ่งไม่มีค่าของตนออกทำเป็นแผ่นธงบูชาพระพุทธรูปไหว้โดยเคารพ ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ทำความปรารถนาว่า ด้วยบุญกรรมอันนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดกว่าสรรพสัตว์ ในกาลหน้า ก็ถ้าเมื่อยังเที่ยวอยู่ในสงสารวัฏ พึงไปเกิดในอุดมตระกูล บริบูรณ์ด้วยกำลัง รูปงาม มีปัญญา ประเสริฐสุดกว่าเหล่ามนุษย์ พวกปัจจามิตรมีโจรเป็นต้น อย่าได้มีมาเฉพาะหน้าของข้าพเจ้า ขอให้ข้าล่วงพ้นเวรภัยทั้งมวลเป็นบรมสุข คราวนั้น มีหญิงหม้ายคนจนผู้หนึ่ง รักษาศีลห้า มีอาชีพเกี่ยวหญ้าหาฟืนขายเลี้ยงมารดา ในเวลาต่อมาหญิงนั้นกลับจากป่าเดินมาพบพระพุทธรูป ได้เข้าไปนมัสการฉีกผ้าโพกศีรษะตรงกลางออก บูชาพระพุทธรูปท่อนหนึ่ง ตั้งความปรารถนาว่า ด้วยการบูชาด้วยผ้านี้ ขอให้ข้าพเจ้าพึงไปเกิดเป็นหญิงมีรูปทรงผิวพรรณงาม ดังเทพกัญญา จงได้เป็นอัครชายาของชายคนนั้น ขออย่าให้ข้าเป็นคนเข็ญใจ นับได้แสนแห่งชาติ ขอให้ไปเกิดในสกุลพราหมณ์หรือกษัตริย์เป็นใหญ่กว่านรชนทั้งมวล อันมนุษย์และเทพยดาทั้งหลายบูชาแล้ว ผ้าอาภรณ์พึงให้เกิดมีร่ำไป กว่าข้าพเจ้าจะได้ถึงพระนิพพาน ดังนี้แล้ว ไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ลุกออกจากอาสนะมานั่งอยู่ในที่นั้นนั่นเอง ลำดับนั้น ด้วยเดชแห่งบุญแห่งชนทั้งสองที่ได้ทำไว้แล้วในปางก่อน และด้วยอานุภาพกุศลที่ชนทั้งสองได้สร้างในปัจจุบัน ชนทั้งสองก็ได้เป็นสามีภรรยากัน ตามปรารถนา พระศาสดาทรงหมายเอาเรื่องนี้ จึงตรัสสอนพุทธบริษัทสี่อย่างนี้ว่า ชนเหล่าใด แม้จะเป็นเด็กหนุ่มสาว สูงอายุ คนพาล บัณฑิต ผู้มั่งมีหรือยากจนทั้งมวล ย่อมมีความตายเป็นไปในเบื้องหน้า ชนทั้งปวงนั้น สมาทานศีลห้า รักษาไม่ให้ขาด เว้นจากปาณาติบาต งดเว้นสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ทุกวันข้างขึ้น ข้างแรม สิบห้าค่ำ แปดค่ำ สิบสี่ค่ำ ชนเหล่าใด ทำพุทธบูชา ชนเหล่านั้น ย่อมยินดีในเทวโลก ชนเหล่าใด ถวายผ้าทำเพดานพระพุทธเจดีย์เป็นต้น ชนเหล่านั้น ย่อมจะได้รื่นรมย์ในเทววิมาน ด้วยผลแห่งบุญที่บำเพ็ญแล้วนั้น ชนเหล่าใด ได้ทำเพ็ญทศทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องยานพาหนะ ที่นั่ง ที่นอน ประทีป สิบอย่างนี้หรือบริจาคแต่อย่างหนึ่งก็ดี ชนเหล่านั้น ครั้นทำลายขันธ์แล้ว จะได้ไปรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก จะได้เป็นพระอินทร์เจ็ดชาติ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชและประเทศราชถึงพันชาติ จะไม่เกิดในอบายภูมิสี่ จะเกิดในมนุษยโลก จะไม่เกิดในตระกูลต่ำมีทาสทาสีเป็นต้น ย่อมจะเกิดในตระกูลกษัตริย์และพราหมณ์ ด้วยอำนาจแห่งผลบุญนั้น ถ้าสัตว์เดียรัจฉานปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าไซร้ เมื่อได้อัตภาพเป็นมนุษย์แล้ว จะบริบูรณ์ด้วยลักษณ์ ๓๒ ประการ ประกอบด้วยวิสารทญาณเฉียบแหลม ถ้าบุญนั้นบกพร่อมไป จะได้ผลติดต่อก่อขึ้นใหม่ในปัจจุบัน บุญเก่านั้นยังไม่สิ้นไปตราบใด อันตรายจักวินาศไปตราบนั้น โรค ๙๖ ชนิดภายในมีวรรณโรคเป็นต้นจักพินาศไป ภัย ๑๐๘ ชนิดมีราชภัยเป็นต้น จักไม่มีมาพ้องพาน จะเป็นอิสรภาพทั่วทุกสถาน ชนทั้งหลาย อันมนุษย์และเทพยดาจะบูชาเป็นนิตย์ จะมีความสุขสบายจิตทุกๆ อิริยาบถ ด้วยผลแห่งบุญนั้น