ข้ามไปเนื้อหา

เปิดกรุผีไทย/เล่ม 2/เรื่อง 10

จาก วิกิซอร์ซ
. . .น่าประหลาด. . .ถ้าคิดว่าฝัน. . .ทำไมในระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่กับเงินยวง ผมยังได้ยินเสียงข้างล่างโรงแรม เสียงบ๋อย. . .มันไม่ใช่ฝันเสียแล้ว. . .ใจวังเวงพิลึก. . .
เงินยวง

ท่านผู้อ่านที่เคารพของผม ท่านอาจจะลืมผมเสียแล้วก็ได้ เพราะไม่ได้มาพบท่านนานแล้ว ผมคือนายแก้ว คนแก่ที่มีอาชีพเร่รอนไปขายยาตามหัวเมือง เมื่อก่อนผมเคยเล่าถึงชีวิตของผมที่เคยเก็บเอาเด็กหญิงผู้ไร้ญาติ และมียายแก่ผู้ยากจนแทบเอาตัวไม่รอดรับอุปการะไว้ โดยให้ขายกล้วยทอดช่วยค่าข้าวสุกไปวันหนึ่ง ๆ ที่ตำบลทะเลสาบปลอม ของหมู่บ้านเศรษฐกิจธนบุรี ครั้นผมได้รับเอาเด็กนั้นมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม โตจนเป็นสาวแล้ว กลับถูกหนุ่ม ๆ บ้ากามแอบฉุดไปกระทำการข่มขืน และผมผู้เป็นพ่อบุญธรรมทนไม่ไหว ได้ตามพบหนุ่มบ้ากามเหล่านั้น แล้วได้ยิงตายสมแค้น ตัวผมเองก็ติดคุก ในที่สุด ตอนหลัง ลูกบุญธรรมผู้น่าสงสารของผมได้กินยาพิษทำลายตัวเองหนีจากผมไป

ผมออกจากคุกมา ก็ทรมานใจอยู่นานทีเดียว แต่ก็คงได้ทำงานที่ห้างเก่า หน้าที่เก่า คือ นำรถขายยาไปจำหน่ายโฆษณาไปตามหัวเมืองทั่วทั้ง

เงินยวง

ประเทศไทย แต่บัดนี้ ได้เกิดความกระเทือนขึ้นอีกแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับเด็กหญิงอีกนั่นแหละ ซึ่งคล้ายจะซ้ำแบบเดิมกับบุญแอบ ลูกบุญธรรมที่ตายไปแล้ว เด็กหญิงคนใหม่นี้ ผมได้พบที่ตำบลสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ในระหว่างที่ผมกำลังจอดรถและขายยาอยู่ชุลมุน ลูกน้องผมอีกคนก็หยิบยาขายมือไม่แห้งเช่นกัน มีเด็กสาวอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดยืนเกาะรดซื้อยาอยู่ข้างผม เมื่อผมก้มหน้าไปพบเธอ เธอก็ยิ้มกับผมอย่างกันเอง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะการซื้อขายมักจะมีสีหน้ายิ้มแย้มเข้าหากันทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ เด็กสาวนั้น แม้แต่จะซื้อยาไปแล้ว ก็ยังคงเกาะรถอยู่นานเท่านาน พอเห็นว่างคน เธอก็เรียกผมเบา ๆ ว่า

"คุณตาขา คุณตาขา" ผมนึกว่า แกจะต้องการยาอะไรอีก จึงก้มหน้าดูแก

"จะต้องการยาอะไรอีกคะหนู?" ผมถาม

"เปล่าค่ะ หนูอยากถามอะไรคุณตาสักหน่อยค่ะ" เธอพูดพร้อมกับจ้องแจ๋วแหวว

"เอ้า! ว่าไปเลยค่ะหนู" ผมพูดโดยชักสนใจ

"คุณตาขายยายังงี้ รู้จักนายอเนกไหมคะ เขาก็ขายยาอย่างคุณตานี่แหละค่ะ" เธอพูดแล้วยิ้มแห้ง ๆ ผมได้ยินถึงชื่อคนที่ถูกถาม ก็นิ่งนึกอยู่เป็นครู่ ก็นึกออกว่า คนชื่ออเนกนี้ก็เป็นคนขายยาแบบเดียวกับผม แต่คนละห้าง เมื่อสองสามวันมานี้ ได้ข่าวว่า ถูกรถยนต์ชนเอาบาดเจ็บเข้านอนในโรงพยาบาล ในใจนึกแวบไปว่า พ่ออเนกหน้ามนคนนั้นแอบมาก่อกรรมเอาไว้กับเด็กสาวผู้มีหน้าตาน่าดูคนนี้เข้ากระมัง

"หนูรู้จักกะเขาหรือ?" ผมถามไป สงสัยว่า ที่คิดไว้คงไม่ผิด คงจะเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กันแน่ ๆ แม่คนนี้มีเค้าเป็นลูกจีน เพราะคนสุพรรณลงมีผิวขาวก็หมายถึงมีเชื้อจีนผสม

"ค่ะ" เธอตอบเบา ๆ แล้วยิ้มแห้ง ๆ หลบตาด้วยกิริยาอาย

"หนูชื่ออะไรล่ะคะ ชอบกับนายอเนกนานแล้วหรือ บอกตาไปเถิด อย่าปิดบังเลย" ทําไมผมจึงพูดไปอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว ความจริงผมไม่ควรจะถามเธออย่างนั้น เธอถามรู้จักนายอเนกไหม ถ้ารู้จักก็บอกไป ถ้าไม่รู้จักก็บอกไป ไม่ใช่เรื่องอะไรของเราเลยที่จะพูดไปมาก หรือว่า จะเป็นโดยจิตใจผมยังไม่ลืมเจ้าบุญแอบ ลูกบุญธรรม เลยทําให้เกิดความสนใจและห่วงว่า จะเกิดทุกข์ร้อนอะไร

"หนูชื่อเงินยวงค่ะ" แม่หนูนั่นตอบแล้วนั่งก้มหน้าไม่สู้ดวงตา "หนูรู้จักเขานานแล้วค่ะ แต่เขาหายหน้าไปหลายอาทิตย์แล้ว หนูอยากรู้ข่าวค่ะ"

ผมฟังแล้วกว่าจะตอบออกไปได้ต้องคิดอยู่นาน เพราะมันเป็นข่าวร้าย ถ้าจะบอกออกไป แต่เมื่อคิดถี่ถ้วนแล้ว ก็เห็นว่า จําเป็นจะต้องพูดความจริง

"นายเอนกเวลานี้มีเคราะห์ ถูกรถยนต์ชน" ผมตอบ แม่เด็กน้อยตาเหลือกปากอ้า

"เขาตายรึคะ?" เธอถามเกือบเป็นตะโกน หน้าซีดขาว

"โอ! เปล่า เพียงเจ็บหนักเท่านั้น" เมื่อตอบไปแล้ว ความยุ่งใจก็เกิดขึ้นทันที แม่เด็กผู้น่าสงสารก็ซบหน้าร้องไห้อยู่ข้างรถ มันเป็นภาพไม่ผิดเพี้ยนไปจากบุญแอบ ลูกบุญธรรม เลยจนนิดเดียว

"หนูให้ตาช่วยอะไร บอกมาเลยจ้ะหนู" ผมรีบพูด

"โอย! หนูจะทํายังไงเล่า หนูจะทํายังไง คุณตาขา" แกร้องออกมาอย่างสะอื้นสะอีกพร้อมกับร้องไห้

"หนูจะเอายังไง ตาจะช่วยทุกอย่าง หนูจะไปเยี่ยมเขา ตาจะพาไปก็ได้" ผมว่า

"หนูไปไม่ได้" แกตอบ "ถ้าเขามาไม่ได้ ถ้าเขาตาย หนูก็ตาย" แกสะอึกสะอื้นพูดออกมาอย่างไม่รู้จะทําประการใด แต่ในคําพูดของแกนั้น ผมเข้าใจความแจ่มแจ้งแล้ว แม่เด็กคนนี้ได้ถลําตัวไปแล้วกับนายอเนก จึงบอกแกว่า

"ถ้าหนูไปไม่ได้ ตาจะช่วยส่งข่าว เขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก" ผมพูดเอาใจ แต่ที่จริงก็ไม่รู้ว่า คนผู้นั้นมีอาการหนักเบาแค่ไหน แต่พูดไปเพื่อให้คลายความกังวล กิริยาและคําพูดของแกมันแน่เสียยิ่งกว่าแน่ ถ้าเพียงรักกันเฉย ๆ ไม่ร้อนรนขนาดนี้ แต่นี้มันถลําเลยไปแล้ว

"เดี๋ยวนี้หนูทํางานอะไรอยู่ล่ะ?" ผมถาม

"หนูช่วยเตี่ยและแม่เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู เตี่ยกับแม่ออกทําไร่ผักค่ะ" หนูเงินยวงบอกเรื่องทางครอบครัวหมดสิ้น ผมคะเนไม่ผิดว่า ต้องเป็นลูกจีน สําหรับชีวิตชาวไร่ย่อมหนักอยู่กับงานมากกว่าจะมานั่งอบรมลูกเต้า มีแต่หากินกันไปวันยังค่ำ แบ่งหน้าที่กันทําไป

"หนูติดต่อกับนายอเนกน่ะ เตี่ยกับแม่รู้หรือเปล่า?"

"เปล่าค่ะ!" เงินยวงก้มหน้าตอบ "หนูเคยซื้อยาเขา พบกันที่รถบ้าง และ..." เงินยวงชะงักคําพูดคล้ายคิดอะไรได้หรือไม่กล้าพูดต่อไป

"อ้อ!" ผมพยักหน้ารับรู้และไม่ถามไม่พูดอะไรต่อไปอีก เพราะหนูเงินยวงคงไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะอายหน้าอายปาก แต่เท่าที่พูดมาไม่กี่คํามันก็บอกชัดอยู่แล้ว

"เอาเถอะ หนูคอยไปก่อนก็แล้วกัน ตาจะไปหาเขา เขาคงไม่เจ็บนาน ตาจะชวนเขามา"

"ถ้าเขายังมาไม่ได้หรือไม่มาเลย หนูจะทํายังไงเล่าคุณตา เขาจะเป็นอะไรบ้างกําลังนี้นะ"

"อดใจหน่อยเถอะหนู เขาหายเมื่อใดเขาต้องมาแน่"

"ถ้าเขามาไม่ได้หรือไม่มา หนูต้องตายแน่ ทําอย่างไรเตี่ยก็ต้องรู้ เตี่ยเป็นคนดุ ตีหนูตาย หรือไม่หนูก็ต้องตายเอง"

ข้อความที่เงินยวงพูดออกมามันก็สารภาพอยู่ในตัวแล้ว ผมนิ่งฟังอย่างสลดใจ มันก็เป็นความผิดพลาดของหญิงอายุน้อยทั่ว ๆ ไป แต่รายของเงินยวงนี้อาจจะไม่ผิด แต่บังเอิญมีเคราะห์ของฝ่ายชายเข้ามาแทรก เลยทําให้ปั่นป่วนไปด้วยกัน

"ถ้าหนูคิดจะไปเยี่ยมเขา ตาจะเป็นคนช่วยนําไปเยี่ยมจนได้ บ้านตาก็มีให้หนูพักได้อย่างสบาย ๆ " ผมช่วยพูดให้เงินยวงมีความหวัง

"หนูไปไม่ได้น่ะซีค่ะ หนูจะออกจากไร่มาได้ก็เพียงครึ่งวันค่อนวันเท่านั้น ออกมาซื้อรําหมูและซื้อของอื่น ๆ จะไปไหนค้างคืนค้างวันไม่ได้เลย" เงินยวงพูดแล้วสั่นหัวอย่างหนักใจและท้อแท้แล้วพูดต่อ

"เมื่อวานซีนนี้ หนูพบกับผู้หญิงสองคนจากกรุงเทพฯ ท่าทางมาหาซื้อที่ดิน หนูถามเขาถึงพื่อเนก เขาบอกว่า ไม่รู้จัก ถ้าหนูไปกับเขา เขาจะช่วย สืบหาให้ได้พบกัน หนูบอกกับเขาว่า ไปไม่ได้ ถ้าจะไป ก็ต้องหนีเตี่ยกะแม่ไปเลย เขาบอกว่า จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เขารับรองว่า มีที่ให้อยู่อาศัย หนูผัดขอตรึกตรองก่อน" เงินยวงเล่าถึงอย่างนี้ทําให้ผมสะดุ้งใจ

"หนูรู้จักเขาดีรี?" ผมถามกระชั้นเข้าไปเลย "เตี่ยกะแม่หนูรู้จักเขาหรือเปล่า?"

"เปล่าค่ะ เตี่ยกะแม่ไม่รู้จักค่ะ หนูก็เพิ่งรู้จักเขาที่ร้านข้าวแกง"

"อือ!" ผมครางออกมา ประหลาดนักคนชาวกรุงจะออกมาซื้อที่ดินจะทําไร่ มองไม่ออกเลย ถ้าหากแม่เด็กหน้าอ่อนคนนี้ไปกะเขา จะเกิดอะไรขึ้น แม่สองคนนั้นคือใคร?

"ถ้าหนูคิดจะหนีเตี่ยกะแม่นี่นะ มันไม่ดี และมีอันตรายมากทีเดียว ทางที่ดีควรคอยนายอเนกเขาดีกว่า เอาละ! ถ้าหากรอคอยไม่ได้ คิดจะไปเมื่อใด ตัดสินใจแล้วพบกับตาอีกได้ ตายังไม่กลับกรุงเทพฯ จะเลยไปสุพรรณและจะกลับมาแวะที่นี่อีก ถ้าหนูจะไป ตาจะช่วย" ผมพูดไปทั้ง ๆ รู้ว่า ผิดกฎหมายการช่วยลักพาคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็พูดเอาใจไว้ก่อนดีกว่าเธอจะหนีตามแม่สองคนอะไรของแกนั่นไป มันจะเข้าลึก เมื่อผมพูดกับเงินยวงดีแล้ว ก็ออกรถมุ่งเลยไปสุพรรณ

ขากลับก็มาจอดขายยาอยู่ที่เก่า และขยายเสียงให้ดัง ๆ เพื่อจะดัง เข้าไปถึงทางไร่ใน ๆ โน้น ผมขายไปคอยไปหนึ่งวันเต็ม ๆ คอยแล้วคอยเล่า ไม่เห็นหน้าเงินยวงเลย ผมคิดว่า เธอคงคิดตกแล้วว่า การหนีไปนั้นมันอันดรายต่อชีวิตข้างหน้า เธอคงตัดสินใจอยู่กับแม่และเตี่ยต่อไป ผมพลอยดีใจด้วยอย่างยิ่ง หมดทางจะพบแล้ว ผมก็กลับเข้าสู่กรุงเทพฯ พักกาย สักสองวัน เพื่อจะเดินทางไปหัวเมืองอื่นอีก ในระหว่างพักนั้น ผมเที่ยวสืบหาตัวนายอเนกเพื่อส่งข่าวของเด็กเงินยวง กระทําเพื่อเพื่อนมนุษย์และเพื่อเพื่อนอาชีพเดียวกัน แต่แล้ว ผมถึงกับใจหาย นายอเนกได้ตายเสียแล้วโดยทนพิษบาดแผลไม่ไหว โอ! อะไรกันนี่ ชะตาชีวิต แม่หนูเงินยวงจะทําอย่างไรกันเล่า ผมหาตัวแกก็ไม่พบ แกคงไม่รู้ข่าวการตายของนายอเนกแน่ ๆ เพราะไม่ใช่คนสําคัญอะไรจะได้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วนี่ถ้าตัวพยานมันเกิดขึ้น เงินยวงจะทําอย่างไร ใครจะเป็นพ่อเด็ก อนิจจา คนเรานี่สร้างกรรมไว้ต่างกัน

ผมไม่ได้พบเงินยวงอีกเลย แม้จะย้อนไปสองพี่น้องอีกหลายหน คนเราถ้ามันผิดไปแล้ว จะย้อนมาติเตียนอะไรกันอีก มันก็โหดร้ายนัก มีแต่จะให้ความสลดใจแก่เขา และรายนี้ก็ยังไม่เรียกว่า คิดผิดหรือชั่วช้าไปทีเดียว หากแต่กรรมจําเพาะให้มาเกิดร่วมทางกันแล้วก็มีอันเป็นไป วันหนึ่ง ผมได้ย้อนมาขายยาที่สองพี่น้องอีก ตกเย็นก็นังดื่มเหล้าที่ร้านหนึ่ง ลูกน้องผมนั่งกินข้าว ก็เกิดได้ยินเสียงที่น่าสนใจขึ้นจากโต๊ะอีกโต๊ะที่ใกล้ผม มีชายแก่สองคน หนุ่มสามคน เครื่องแต่งกายบอกชัดว่า เป็นชาวไร่ นั่งดื่มสุรากันอยู่อย่างสนุก ชายแก่คนหนึ่งพูดขึ้นว่า

"ข้ากลัวอีนังผู้หญิงสองคนนั้นมันจะพาไปขายกินน่ะซี" ชายแก่เชื้อจีนพูด

ผมตะแคงหูฟังแทบอัดใจ เพราะมันมีเค้าเรื่องของเงินยวงอยู่ทีเดียว

"อียวงมันคิดยังไงของมันนะ ดันหนีเตี่ยกะแม่ไปเฉย ๆ" เจ้าหนุ่มลูกจีนชาวไร่อีกคนพูด พอคําว่า "อียวง" ดังออกมา ผมก็แน่ใจทีเดียวว่า นั่นเขากําลังพูดถึงเงินยวง ผมต้องอัดใจสดับฟัง

"มันแปลกโว้ย!" คนแก่ว่า "ถ้ามันไปกะผู้ชาย จะได้ว่า มันตามผู้ชายไป แต่นี่มันก็ไปกะผู้หญิง ข้าว่า อีสองคนนั้นมันจะเอาอียวงไปทําแม่มันเรอะ มันก็ขายต่อไปซิ"

"กู๋พูดก็น่าคิดนา" เจ้าหนุ่มอีกคนพูด "เออ ทีนี้กู๋เส็งจะว่ายังไงล่ะ

"อ้ายเส็งจะว่าไง้" คนแก่ถอนใจ "มันจะรู้ว่าไปกะใคร เท่าที่รู้จากพวกตลาดพูดกันว่า อียวงได้ขึ้นรถไปกะแม่สองคนนั่น รถเก๋งแน่ะว่ะ"

"อ้ายไล้ของเรามันเหลว เชื่องช้านี่หว่า อียวงเลยเปิดไปเมืองสวรรค์เลย อีกหน่อยมันก็โก้หรอกโว้ย" อ้ายหนุ่มอีกคนกระเซ้าเจ้าคนชื่อไล้ผอมสูง เจ้าคนถูกกระเซ้าหัวเราะขึ้น

"กูยังไม่มีเงินนี่หว่า ขึ้นไปติดพันเฉย ๆ ตาเส็งจะได้เตะกูแย่ แกตั้งราคาของแกตั้งหลายพันบาท เวลานี้กูมีแต่กางเกงขาก๊วย จะเอาไปขอเขาได้เมื่อไหร่" พูดแล้วก็หัวเราะกันอย่างเฮฮา

แน่แล้ว เงินยวงหลงไปกับหญิงที่เคยเล่าให้ฟังว่า มาหาซื้อที่ไร่นาหรือซื้อเพื่อหากำไร เวรละซี เคราะห์ดีก็ไปดี เคราะห์ร้ายก็ปันปี้ ใครจะรู้ว่า หญิงสองคนนั้นคือใคร ผมรู้สึกไม่สบายเพราะห่วงใย แต่เลิกค้นหาได้แล้ว เมื่อเรื่องเป็นเสียดังนี้ ผมจึงเลื่อนรถขายยาไปทางอื่นต่อไป โดยไม่สนใจต่อแม่เงินยวงที่เชื่อคนอื่นมากกว่าผมอีกต่อไป จนวันหนึ่ง ผมได้รับจดหมา หนึ่งฉบับ โดยทางห้างเป็นผู้รับไว้ให้ พอฉีกซองออกอ่านถึงกับสะดุ้ง

คุณตาแก้วที่เคารพของเงินยวง

เรื่องของหนูตอนแรกคิดจะไม่บอกกับคุณตา แต่มันเกิดกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เรื่องของหนูกับพี่อเนกนั้นคุณตาก็รู้อยู่แล้ว หนูมันผิดพลาดไป ชิงสุกก่อนห่าม หนูแอบเป็นเมียพี่อเนกแล้ว เราสองคนคิดจะหนีกัน แต่พี่อเนกเกิดถูกรถชน หนูก็เกิดจนปัญญา หนูเคยคิดว่า หนูจะหนีเตี่ยกะแม่มากะคุณตาเพื่อเที่ยวหาพี่อเนก แต่หนูเผลอไปพูดให้หญิงสองคนที่หนูเคยเล่าให้คุณตาฟังว่า เขาเป็นคนซื้อที่ดิน เมื่อเขารู้ว่า หนูคิดจะหนีเตี่ยกะแม่มากรุงเทพฯ กะคุณตา เขาก็เลยว่า คุณตาเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ ถ้าหนูเชื่อคุณตาและมากะคุณตา ที่ไหนคุณตาจะพาหนูเข้ากรุงเทพฯ คุณตาต้องพาหนูไปเมืองอื่น แล้วปลุกปล้ำเอาเป็นเมียเสียเลย ที่จะพบกับพี่อเนกนั้นมีหวังน้อย หนูมันเลวชั่วชาติ หนูเชื่อเขา เห็นดีว่า ถ้าหนีไปกะเขา เขาเป็นหญิงแท้ ๆ หนูไม่มีภัยแน่ ๆ ครั้นหนูตกลงมากะเขาแล้ว ก็ป่นปี้เลย หนูอายคุณตาจัง ไม่อยากพูดว่า หนูเป็นอะไรไป พอมาถึงบ้านเขา อาบน้ำอาบท่าแล้ว เขาให้กินยาชนิดหนึ่ง เขาว่า แก้อ่อนเพลียและแก้ความมัวหมอง มันบำรุงหัวใจ หนูดีใจเพราะกำลังวุ่นวายใจ กลัวไม่พบพี่อเนก กลัวการที่หนีเตี่ยกะแม่มา ก็เลยกินเข้าไป แล้วในวันนั้นคืนนั้น หนูเลยต้องเป็นเมียใครต่อใครหลายคน เป็นคนชั่วหาเงินให้เขาไปเลย หนูมันหมดอะไร ๆ ทุกอย่างไปทั้งสิ้นแล้ว คุณตาขา ต่อ มาก็รู้ว่า พี่อเนกตายเสียแล้วด้วย คุณตาขา หนูขอกราบเท้าสักร้อยหน หนูสืบหาที่ทํางานของคุณตาและถามเรื่องอะไร ๆ ของคุณตา มีคนบอกว่า คุณตาเป็นคนดีอย่างพระ ที่เหมือนหลวงพ่อ หนูมันโงยิ่งกว่าหมา หนูผิดไปหมด สงสารเตี่ยก็สงสาร สงสารแม่หนูมาแล้ว แกคงร้องไห้ งานการแกก็หนักเข้าอีก ไม่มีใครช่วย หนูเลวกว่าหมา คุณตาขา อย่าคิดถึงหนูเลย หนูมันชั่วช้าเลวทราม อย่าคิดถึงเลย คุณตาขา หนูขอลาตาย ขอลาตาย

กราบเท้าคุณตา
เงินยวง

ผมอ่านแล้วใจระรวยเหมือนจะเป็นลม นึกแล้วไม่ผิด อีหญิงสองคนนั้นจะทำเหตุ ในจดหมายคำลงท้ายขอลาตายของเงินยวงทำให้หนักใจนัก ทำไมจะได้พบตัว จะช่วยทุกอย่าง ช่วยให้พ้นช่อง ช่วยให้พ้นก่อนจะฆ่าตัวตาย ผมคิดกลัดกลุ้ม แต่ไม่รู้จะไปหาตัวได้ที่ช่องไหน มิต้องควานกันไปทุกช่อง ใครเขาไม่รู้เรื่องก็จะคิดว่า ผมแก่แล้วยังสำราญอยู่กับเรื่องอย่างนี้ ถ้าพบตัวเงินยวง ผมจะเอาเงินยวงเป็นตัวพยาน ผมจะร่วมมือกับตำรวจที่เป็นญาติ ผมจะทำลายอ้ายเหล่าร้ายนี้ให้ได้ มันเป็นภัยแก่หญิงทั่ว ๆ ไป แต่การจะหาตัวเงินยวงนั้นก็ยากยิ่ง เพราะไม่บอกมาในจดหมาย ถ้าผมหนุ่ม ๆ ก็จะควานหาตามช่องให้จนได้ หากแต่อายุมันค้ำอยู่ จึงได้แต่รอโอกาส

ผมได้ไปหาจ่านายสิบตำรวจญาติผม เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เขาเองก็ตัวเต้นใคร่จะล้างเหล่าร้ายนี้เช่นกัน แต่จนใจยังไม่พบตัวพยานและไม่พบช่อง จึงยังจนปัญญา แต่เรื่องในจดหมายของเงินยวงที่ว่า ขอลาตายนั้น น่าเป็นห่วงมาก แต่ครั้นมาคิดว่า อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้ วิสัยคนที่กำลังขุ่นมัวกลุ้มใจ อาจจะคิดไปอย่างนั้น และพูดไปอย่างนั้น บางทีก็อาจเลิกล้มไปได้

ห่างจากที่ผมได้รับจดหมายของเงินยวงมาสักสองอาทิตย์ ผมได้มาขายยาที่ตลาดสองพี่น้องอีก ขายยาไปโฆษณาไป ใจก็คิดถึงเงินยวงไป นึกสลดใจถึงชีวิตเด็กสาว ผมยังจำภาพของเธอได้ติดตา มาเกาะข้างรถร้องไห้ถามถึงนายอเนก ครั้นว่า นายอเนกถูกรถชน ก็ร้องไห้อย่างคนหมดหวัง ทั้งไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรให้กับตัวเอง เมื่อหลวมใจหลวมตัวไปแล้ว คิดไม่ออกว่า ข้างหน้าจะไปอย่างไร ผมคิดไปปากก็ตะโกนโฆษณาไป โดยหมดหวังจะพบเงินยวงได้ที่นั่น ไหนเลยเธอจะกล้านำร่างกายที่ชั่วช้าไปยังถิ่นเดิมได้ ในคืนนั้น ผมดื่มสุราเสียสบาย แล้วก็นอนโรงแรมตามเคย มีที่ฝากรถ พ้นอันตรายแล้ว

ตกตอนดึก ผมได้เกิดฝันอย่างประหลาด ผมฝันว่า เงินยวงมานั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงที่ผมนอน ในฝันว่า ผมทั้งตกใจและดีใจ ถามเธอว่า ไปอย่างไรมาอย่างไรจึงมาพบกันได้ นี่เธอเข้ามาอย่างไรในห้องของผม เราพูดกันเบา ๆ พอได้ยินกันเพียงสองคน เงินยวงหยุดร้องไห้แล้วพูดว่า เธอโง่เขลา เชื่อคนอื่นจนตัวเองต้องชั่วช้า ส่วนทางตัวผมที่เธอควรจะไว้ใจกลับไปเชื่อเอามนุษย์ล่อลวงเข้า เธอนึกคราวใดเสียใจที่สุด ดี ๆ ชั่ว ๆ ถ้าเธอเชื่อผมแต่แรก แม้แต่นายอเนกจะตายไปแล้ว เธออยู่กับผมในฐานะลูกหลานก็ได้ ส่วนลูกในท้องถ้าออกมาก็คงเลี้ยงไปได้ดี ไม่ถึงกับชั่วข้าสารเลวไปถึงปานนี้ บัดนี้ เธอได้ตัดสินใจลาโลกไปพร้อมกับลูกในท้องโดยยาพิษ ผมสะดุ้งทั้งตัว ผุดลุกขึ้นนั่งร้องว่า เงินยวง พูดอะไรอย่างนั้น พูดเล่นทำไม เธอกลับบอกว่า ที่พูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ที่มาหานี้เป็นเพราะวิญญาณ เธอดับไม่ลง จึงวนเวียนติดตามผมมา ผมตกใจขึ้นอีกถึงแก่สะดุ้งตื่น น่าประหลาดฝันของผมนัก เพราะเมื่อตาผมมองไปที่ข้างเตียงนั้น ก็ยังเห็นเงาของเธอเพิ่งจะค่อยจางหายไป เห็นแก่ตาชัดเจน เพราะผมนอนเปิดไฟสว่างตลอดคืน

ผมลุกขึ้นนั่งในมุ้ง สงสัยตัวเองนัก ถ้าคิดว่าฝัน แต่ทำไมใน ระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่กับเงินยวง ผมยังได้ยินเสียงข้างล่างโรงแรม เสียงบ่อย และเสียงพวกทำอาหารยังพูดกันอยู่ เพราะข้างล่างเขามีเวรอยู่ตลอดคืน ต่อเมื่อตื่นขึ้นแล้ว เสียงข้างล่างก็ยังคงพูดคุยติดต่อกันอยู่ ผมเกิดขนลุกขึ้นมาทันที มันไม่ใช่ฝันเสียแล้ว รู้สึกใจวังเวงพิลึก นี่เงินยวงตายไปแน่แล้วตามที่พูดในจดหมายขอลาตาย ถ้าเธอไปแล้ว ก็น่าสลดใจสงสารเหลือเกิน ในชีวิตแก่ชราของผมนี่พบความสะเทือนใจเป็นครั้งที่สอง นับจากบุญแอบ ลูกบุญธรรม

ในคืนนั้น ผมเลยหลับไม่ลง แม้แต่จะเอาเหล้ามาดื่มให้ง่วงนอน มันก็กลับคิดอะไรต่ออะไรอีกยุ่งเหยิงจนกระทั่งฟ้าสาง เลยลุกขึ้นล้างหน้า ไม่นอนกันละ ไปปลุกลูกน้อง พอสว่างดีแล้ว ดื่มกาแฟไข่ลวกแล้วก็ออกรถ บึ่งกลับกรุงเทพฯ เลย ผมได้รีบไปหาญาติตำรวจคนนั้นอีก เล่าเหตุการณ์ที่ได้พบเห็นให้เขาฟัง เขาฟังแล้วก็ว่า ถ้าตัวพยานตายเสียแล้วจริง ก็หมดทางจะคิดล้างเหล่าร้ายได้ถนัด ผมเลยหมดปัญญาจะคิดล้างพวกเหล่าร้ายได้สมใจ

ความเสียใจของผมรุนแรงขึ้น กลุ้มใจที่ทำอะไรเหล่าร้ายไม่ได้ทั้ง ๆ รู้ ๆ เท่าที่คิดจะล้างพวกนี้นั้นก็หาใช่โกรธแค้นที่ทำกับเงินยวงทีเดียวนัก หากแต่เกรงคนต่อ ๆ ไปจะโดนเข้าอีกเป็นสิบเป็นร้อย คืนนั้น ผมไม่ไปไหนเลย ดูบัญชีเงินและนับเงินเรียบร้อยแล้วเข้าเก็บเตรียมจะไปส่งมอบให้ผู้จัดการห้าง และเบิกยาไปอีกตามเคย เพื่อเร่ร่อนต่อป จัดอะไรเสร็จแล้วก็เข้านอน ใจยังคิดถึงเงินยวง และคิดว่า เงินยวงเอ๋ย ถ้าเจ้าห่วงคนอื่นจะถูกล่อลวงอย่างตัวเจ้า ก็จงใช้อำนาจของเจ้าเท่าที่มีอยู่มาเข้าฝันให้แก่ตา เพื่อตาจะได้แก้แค้นให้ถ้าเจ้าตายไปจริงอย่างเข้าฝันมาแล้ว ขอเจ้าจงสำแดงเดชอีกเถิด

ผมไม่คิดเลยว่า ความนึกคิดในใจนั้นกลายเป็นคำอัญเชิญที่ศักดิ์สิทธิ์ไปได้ ผมหลับไปจนถึงเวลาดึกสงัดเงียบ ผมฝันว่า เหมือนมีใครมาร้องเรียกอยู่ข้างล่าง ผมเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินชัดว่าเรียกผม แต่เสียงเบา ๆ พอได้ยิน ผมได้ลุกขึ้นจากเตียง ค่อย ๆ ถอดกลอนหน้าต่างอย่างเบา ๆ แล้ว แง้มมองดูลงไปข้างล่าง บ้านผมอยู่ในซอยจึงมีบ้านห่าง ๆ กัน มีสวนบ้างมีบ้านบ้างสลับกันไป ผมผงะถอยหลังหน่อยหนึ่งที่มองไปข้างล่าง ก็พบร่างของเจ้าของเสียง และผู้นั้นก็คือ เงินยวง ในฝันว่า ผมอยากพบเธอก็อยากพบ แต่กลัวก็กลัว เพราะมั่นใจว่า แกตายแล้ว

ความกลัวคิดจะกลับปิดหน้าต่าง แต่ก็ไม่กล้าปิด มันประจันหน้ากันเสียแล้ว ผมแข็งใจทำโบกมือและกวักเรียกแกให้ขึ้นมาข้างบน เท่าที่กล้าทำก็เพราะรู้ว่า แกเคารพผมมาก แกเห็นผมกวักมือเรียกขึ้นบ้าน แกก็ทำท่าตกใจโบกมือไม่ยอมขึ้นมา แกทำท่าทางบอกใบ้ แต่ผมก็เข้าใจได้ดีว่า กิริยาบอกใบ้ของเธอนั้น คือ แกกลัวผีบ้านผีเรือน จึงไม่กล้าขึ้นมา ในที่สุด แกกลับกวักมือผมให้ลงไปหาแก ผมใจหายวาบ ผมกลัวจะต้องลงไปหาทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่า นั่นคือผี แม้แต่ผมจะมีอายุเข้าขั้นชราแล้วก็ตาม น่าจะไม่กลัวเรื่องผีเรื่องสาง แต่เอาแน่อะไรกับอายุครับ จะแก่จะเฒ่าอย่างไรมันก็ยังหวั่น ๆ อยู่ แต่จะเป็นด้วยเหตุใดก็ตาม เรื่องของฝัน ทำไมผมจึงกล้าลงไปพบกับเธอก็ไม่รู้

"แหม ตาอยากพบหนูอยู่ที่เดียว" ผมพูดออกไป จะว่า พูดจริงก็ได้ ไม่จริงใจก็ได้ เพราะเมื่อรู้ว่า เป็นผีจริง ๆ ใครจะอยากพบกันตัวต่อตัว ก็มุสาพูดเท่านั้น

"ก็เพราะเหตุคุณตาอยากพบหนูน่ะซี หนูจึงต้องมาหาคุณตา" เธอพูดเบา ๆ และหันหน้าตรงผม ดวงตาก็ตรงกัน หน้าแกขาวเหมือนกระดาษ ผมรู้สึกใจหวิว ถึงหน้าแกจะซีดจนไม่ใช่หน้าของคนมีชีวิต แต่มันก็เป็นหน้าของเงินยวงนั่นเอง ผมตั้งใจจะพูดอะไรมาก ๆ แต่ลงท้ายพูดอะไรติดอึกอัก เธอเหมือนจะรู้อะไรดี ๆ ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นถึงเนื้อเรื่อง เธอว่า เธอรู้เรื่องแล้วว่า ผมต้องการพบเธอก็เพื่อจะเอาเรื่องกับเหล่าร้าย และต้องการตัวเธอเพื่อเป็นพยานยืนยันในการจับกุม แต่บัดนี้ เธอกลายเป็นผีไปแล้ว ก็ย่อมหมดตัวเจ้าทุกข์ หมดพยานหลักฐาน แต่เธอมีทางจะให้ผมทำได้สำเร็จ เพราะเวลานี้ ที่ซ่องนั้นกำลังมีหญิงอีกคนถูกหลอกลวงมาเช่นเดียวกับเธอ และเป็นหญิงที่ไม่มีพ่อแม่ จึงขาดผู้ที่จะช่วยแก้ไข หญิงนั้นกำลังถูกขู่เข็ญให้ขายตัวอยู่อย่างขมขื่น ถ้าทางผมจะคิดช่วย ก็มีอยู่สองทาง ทางที่หนึ่ง คือ หาคนเข้าไปในสำนักนั้นร่วมหลับนอนกับหญิงที่ว่านี้ แล้วก็จับเป็นพยานได้เลยที่ตั้งสํานักเถื่อน

ผมจึงแย้งเธอว่า การทำอย่างนั้นก็เอาโทษเขาได้เพียงตั้งสำนักค้าประเวณีเถื่อนเท่านั้น หาใช่การล่อลวงมนุษย์มาไม่ งั้นเธอก็ว่า มีอีกทางทางที่สอง คือ ไปคอยซุ่มจับที่ปากซ่องหรือประตูซ่องทีเดียว เพราะสำนักนี้มีทางเข้าถึงตัวได้ยากมาก มีร้านอาหารร้านหนึ่งเป็นประตูซ่องนี้ ปกติก็ดูเป็นร้านอาหารธรรมดาของจีน มีทั้งอาหารและสุรากาแฟพร้อม ไม่มีใครรู้ว่า นั่นคือม่านกั้นหน้าของซ่อง พวกที่มาเกี่ยวข้องกับสำนักนี้จะมากินอาหารกัน แล้วตัวนายหน้าจะมาติดต่อให้เข้าไปหาความสุขทางตรอกหลังร้านนั้นเอง คนไม่คุ้นเคยจะไม่มีทางเข้าเลย ร้านอาหารนั้นคือฉากบังหน้านั่นเอง

เงินยวงเธอรับจะใช้อำนาจเข้าดลใจบังคับให้หญิงคนที่ว่า พยายามหนีออกมา ถ้ามีใครติดตามออกมาจับตัวหรือฉุดคร่า ถ้าทางผมมีตำรวจนอกเครื่องแบบไปนั่งกินอาหารหรือกาแฟอยู่ ก็จะจับได้ทันที และหญิงเจ้าทุกข์ก็จะร้องให้ช่วย และเป็นพยานตัวสำคัญที่ถูกล่อลวงมา เธอบอกรูปร่างหน้าตาของหญิงนั้นไว้ถี่ถ้วน ทั้งบอกชื่อร้านและลักษณะต่าง ๆ ของสถานที่ ตลอดจนตำบลของที่นั้น ๆ พอหมดเรื่องนัดแนะอะไร ๆ มันเกิดกลับกลายไปหมด ร่างเงินยวงหายไปเฉย ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัด และตัวผมก็มิได้อยู่ที่นั่นอย่างที่เห็นและพูดคุยกับเงินยวงแต่แรก กลับกลายเป็นผมนอนอยู่บนเตียงในห้องชั้นบนนั่นเอง จึงรู้ว่า ผมฝันไปอีก แต่คราวนี้ ฝันแปลกได้เรื่องได้ราวดี

แต่ผมจะเอาความฝันนี่น่ะหรือไปแจ้งกับตำรวจญาติกันเพื่อให้เขาทำการ เขามีหัวเราะเอาหรือ ใครจะยึดเอาความฝันมาเป็นหลัก เพราะความฝันย่อมมาได้หลายทาง มาจากจิตพะวงอยู่ก็ย่อมฝันประกอบเรื่องได้ยืดยาว แต่เอาละนะ ตำรวจนี้เป็นญาติกัน จะขอร้องให้เขาทำดูทีก่อน แม้แต่จะเหลวไหลไป มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร

ในตอนสายนั้นเอง ผมก็ได้พบกับญาติตำรวจและเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดตลอดจนชื่อร้านและตำบล ทั้งลักษณะสถานที่ อีกทั้งรูปร่างของหญิงนั้น ตำรวจผู้เป็นญาติหัวเราะแล้วว่า จะลองดู แต่หวังว่า อ้ายการไปนั่งกินอะไรน่ะ มันก็เกี่ยวกับเงินเรานะ จะเกี่ยวกับเงินของทางการไม่ได้ เพราะเราไปทำการตามเรื่องความฝัน มันก็ต้องเป็นเงินส่วนตัว ผมหัวเราะแล้วมอบเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง เมื่อตกลงกันแล้ว ผมก็แยกทางกับเขากลับบ้าน

เมื่อได้นำบัญชีและตัวเงินการขายยาไปมอบผู้จัดการห้างเรียบร้อยแล้ว ผมก็เบิกยาไปอีกตามเคย และคราวนี้ บ่ายหน้าไปสายกาญจนบุรี ไม่รอฟังข่าวทางตำรวจญาติกันละ เรื่องจะสำเร็จไม่สำเร็จก็ขอเลิกล้างมือกันเสียที ผมได้ตระเวนไปขายยาและโฆษณาหลายจุดของเส้นทางสายนี้ จนเช้าวันหนึ่ง ได้อ่านหนังสือพิมพ์พบข่าวของผมเองบังเกิดขึ้นจริง ๆ ผมอ่านข่าวนั้นด้วยความตะลึงงัน มันเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า การจับกุมของจ่านายสิบตำรวจชื่อนั้น ๆ และลูกน้องได้พบเค้าเงื่อนของเหล่าร้ายหรือแก๊งล่อลวงมนุษย์ จับเหล่าร้ายได้ในขณะที่หญิงสาวผู้หนึ่งเล็ดลอดหนีแก๊งวายร้าย นั้น และพวกวายร้ายได้ตามออกมาจับตัวและขัดขวาง หญิงนั้นได้ร้องขอความช่วยเหลือ ฝ่ายตำรวจที่คอยโอกาสนั้นอยู่ก็ตรูเข้าจับได้ ทั้งเข้าค้นตัวการอีกหลายคน ประกอบกับหญิงเจ้าทุกข์ได้ให้การเป็นพยานอย่างแจ่มแจ้ง ผมอ่านแล้วตาชาไปเลย ไม่คิดว่า จะเป็นไปได้

เรื่องนี้เงินยวงเป็นผู้ทำการได้สำเร็จจริง ๆ เป็นตัวการดลใจได้ผลทุกอย่าง และญาติตำรวจของผมก็ทําการได้ดี โดยถือเอาคําบอกเล่าของผมอย่างลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้นเข้าทําการโดยทดลองดู กลับเป็นเรื่องได้ผลดี และเงินยวงได้ดลใจให้เป็นไปตามที่นัดหมายไว้กับผมจริง ๆ จนบัดนี้ ผมจึงเชื่อมั่นว่า เรื่องผีนี้ ถ้าเขาคิดจะทำอะไร เขาย่อมทำได้จริง ๆ และเรื่องสงสัยว่า เงินยวงจะตายจริงไม่จริงนั้น ไม่ต้องพูดกันแล้ว เธอตายแน่ ผมได้คติประจำใจมั่นขึ้นอีกอย่างว่า คนเรานี้ ถ้าท่าชั่วนั้น จะทําไปไม่ตลอดแน่ ๆ แม้จะเก่งกาจอย่างไร เวลาหนึ่งจะต้องถูกผีสางเทวดาดลใจให้เรื่องแตกและเรื่องแดงขึ้นมาจนได้ ดังที่เล่าให้ฟังมานี้