เปิดกรุผีไทย/เล่ม 2/เรื่อง 2

จาก วิกิซอร์ซ
น้าเกียรติ

 . . .ป้าจีบหัวเราะแล้วหันหน้ามาดูผม. . .ไฟสว่าง เห็นหน้ากันถนัด คุณพระช่วย ผมตาค้าง นั่นไม่ใช่หน้าของป้าจีบ. . .
น้าเกียรติ

"เรือง! เรืองโว้ย!" เสียงผู้หญิงตะโกนเรียกชื่อผมโหวก ๆ อยู่ชายตลิ่งที่ไกลตัวเรือนออกไป

"เรืองโว้ย ดูหมาด้วยโว้ย ตามึงอยู่ไหมวะ" เสียงนั้นเรียกให้ดูสุนัข และถามหาตาผมตามนั้น ผมแว่ว ๆ ว่า จะจำได้ แต่ยังนึกไม่ออก พอดีกับพวกสุนัขใต้ถุนก็ระดมเห่ากลบเสียง เลยไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร ผมร้องห้ามสุนัขแล้ววิ่งออกนอกชานมองไปขายตลิ่ง ก็เห็นหญิงคนหนึ่งที่รู้จัก แกชื่อ พี่ถนอม และมีหญิงอีกคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาด้วย เทียบเรือปั้นอยู่ชายตลิ่ง พี่ถนอมนี้เป็นลูกของลุงโป๊ะกับป้าจีบบ้านหนองไม้ซุง แต่หญิงอีกคนผมไม่รู้จักว่าเป็นใคร ผมรีบลงบันไดไปที่ตลิ่ง

"ตาเอ็งอยู่ไหม?" พี่ถนอมถาม

"อยู่ แต่เดินไปท้ายบ้าน มีธุระอะไร?" ผมถาม

"มีซีวะ ไม่มีข้าจะมาทำไมล่ะ ใกล้อยู่เรอะ เอ็งไปตามตาทีเถอะวะ ยายด้วยนะ ข้ามีธุระร้อนจี๋เลย" พี่ถนอมเร่งผมให้ไปตามตาและยายมาเร็ว ๆ คงมีธุระร้อนจริง ๆ ผมไม่รอช้า หันวิ่งลอดใต้ถุนออกไปยังข้าวลัดออกชายคูเลี้ยงปลา ตากับยายกำลังตรวจดูว่า น้ำปีนี้จะท่วมคันเลี้ยงปลาหรือไม่ เมื่อผมบอกยายกับตาแล้ว ต่างก็รีบกลับมาบ้านพร้อมกัน

"มีอะไรวะอีหนอม?" ตาถาม

"ขึ้นเรือนก่อนเหอะ" พี่ถนอมว่า

เราจึงพากันขึ้นเรือน เกือบไม่ทันจะนั่งเลย พี่ถนอมร้อนใจเรื่องธุระของแกก็พูดขึ้น

"มันยุ่งจริง ตาจ๋า ยายจ๋า แม่ฉันน่ะมีเรื่อง"

"ทำไม! นังจีบเป็นอะไร?"

"แม่ฉันผีเข้า แต่บางคนว่า เจ้าเข้าทรง"

"เอ๊ะ แล้วอ้ายโป๊ะเขาว่ายังไงล่ะ?"

"จะว่ายังไง ก็กลุ้มใจกันอยู่ เวลานี้ก็ยังไม่ออกทั้งเจ้าทั้ง"

"เอาละซีโว้ย! แล้วจะทำยังไงกันหว่า"

"พ่อให้มาตามตาไปช่วยดูหน่อยจ้ะ"

"เออ! ไปน่ะไปละ แต่ข้าจะไปทำไม่ได้ ก็ดู ๆ ไปยังงั้น" ตาว่าอย่างกลุ้มใจ

"ก็ยังดี! ทำอะไรได้ไม่ได้ก็ยังหารือกันได้บ้าง"

"นี่เข้ามากี่วันแล้วล่ะ?"

"หกเจ็ดวันแล้วกระมัง"

"อุบ๊ะ! ทำไมเพิ่งมาบอกล่ะโว้ย!"

"ก็คิดกันว่า พรุ่งนี้มะรืนนี้ ทั้งนี้ทั้งเจ้าจะออกน่ะซี จึงรอช้าไป"

"เอ้า ไปก็ไป" ตาว่าแล้วหันมาดูผม "อ้ายเรื่องไปกะ จะได้หาเรือมาขากลับ อีหนอมจะได้ไม่ต้องมาส่ง"

"เอ๊ะ! แล้วใครจะอยู่บ้านกะยายล่ะ?" พี่ถนอมถาม

"ชะ ๆ ช้า ๆ" ยายร้อง "กะอีอยู่บ้านอยู่มาแต่เกิด ไปกันเหอะ เดี๋ยวอ้ายพุกก็มา"

"แหมพี่พุกนะ ตั้งแต่ออกทหารมา ไม่เคยพบหน้ากันเลย" พี่ถนอมว่า

"เที่ยวเยี่ยมเพื่อนซิ นี่ก็ไปบ้านอ้ายพัก เดี๋ยวก็คงกลับ" ยายว่า

ตาแต่งตัวไม่ยาก สวมเสื้อตัวเดียวก็ไปได้ ผมก็เช่นกัน ไม่กี่อึดใจก็ไปกันได้ ผมกับตาลงเรือมาดเล็กพายไปสองคน พี่ถนอมกับหญิงคนนั้นก็พายสาปั้นตามมาข้างหลัง สักครู่ใหญ่ก็มาถึงบ้านลุงโป๊ะกับป้าจีบ พอเรือเทียบตลิ่งจมูกก็ได้กลิ่นธูปหอมตลบไปหมดเลย

"ทำอะไรกันวะ จุดธูปหอมฟุ้งเชียวนี่?" ตาถามที่ถนอม

"น่ารำคาญจัง ชาวบ้านใกล้ ๆ ที่เขาว่า เจ้าเข้าทรงแน่ เลยมาจุดธูปเทียนบูชากัน" พี่ถนอมว่า

"เอ๊ะ จะเอากันว่า ผีเข้าหรือเจ้าทรงกันแน่ล่ะงั้น" ตาว่า

"ก็ไม่รู้กันน่ะซี จึงให้ตามาดูทีเถอะ ตาจ๋า เราขึ้นหลังเรือนกันเถอะ ข้างหน้านี้พวกที่เชื่อกันว่าเจ้าเข้ามานั่งบูชากันอยู่เยอะแยะ" พี่ถนอมว่าแล้วจูงมือตาไปขึ้นหลังเรือนวกอ้อมไปทางกุฎีเล็ก ๆ ท้ายครัวซึ่งเป็นที่ผูกเจ้าเด็กจ้อยหลานชายที่เป็นบ้าไว้ มันบ้ามานานแล้ว ทั้งก็พิการด้วย ขาลีบอีกด้วย รักษาแก้กันไม่ตก มันเห็นเราสี่คนเดินผ่านไป อ้ายน้อยก็ร้องเอะอะโบกไม้โบกมือไปตามฤทธิ์ของมัน ซึ่งใคร ๆ ในย่านนั้นก็รู้กันทั่วไป พอขึ้นชานท้ายครัว ก็พบลุงโป๊ะ จึงเลยแอบนั่งคุยกันที่นั่น

"ฉันกลุ้มใจจริงน้าแม้น เวรกรรมอันใดมาเป็นยังงี้" ลุงโป๊ะกล่าวขึ้นต้น

"มันอะไรกันแน่ล่ะ?" ตาถาม

"ไม่รู้น่ะซี ชาวบ้านเขาว่าเจ้า แต่ฉันสงสัยว่าผี ดูไม่ออก ชาวบ้านมาบูชากันตลอดวันตลอดคืน ขอพรขอความคุ้มครองอะไรกัน เลยไม่ได้หลับนอน ข้าวปลาไม่ยอมกิน ถือตัวว่าเป็นเจ้า ไม่ยอมกินอะไร จะดมแต่ดอกไม้ พวกนั้นก็เอาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชากัน ข้าวปลาไม่มีในท้องเลย ลมจะใส่เอาน่ะซี ลุงโป๊ะบ่นอู้เลย

"ไม่กินอะไรมากี่วันแล้ว?" ตาถาม

"หกเจ็ดวันละมั้ง" ลุงโป๊ะพูดอย่างรำคาญและหนักใจ

"เราช่วยขอร้องชาวบ้านให้เลิกบูชากันไม่ได้หรือ" ตาออกความเห็น

"ไม่รู้จะพูดยังไงน้า" ลุงโป๊ะตอบอย่างสิ้นคิด "พูดเข้า เขาก็หาว่า กีดกันเขา และว่า เจ้าเสด็จมาเป็นมงคลแก่บ้าน ควรจะดีใจ เขาถือโอกาสมาให้ช่วยทำนายทายทักโชคชะตา แม่จีบแม่ก็เลยฟุ้งใหญ่"

"ว้า! แย่โว้ย" ตาร้อง

"นี่ น้าแม้น! บางทีทำว่า ผีเข้า บอกชื่อตัวเองว่า ชื่อเกิด" ลุงโป๊ะว่า "ชื่อเกิดก็เจ้าเกียรติยังไงเล่า" ลุงโป๊ะพูดอย่างกลุ้มใจและรำคาญ

"บ๊ะ ไปกันใหญ่ ทำไมอ้ายเกียรติมันจะมาเข้าล่ะ บ้านมันอยู่โน่น ทำไมไม่เข้าพวกมันทางบ้าน จะมาทำไม" ตาว่าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ผมนั้นชักสลดใจและหนาวใจขึ้นมา เมื่อเอ่ยถึงน้าเกียรติผมกลัวจริง ๆ เคยโดนมาแล้ว

"ตาจ๋า" พี่ถนอมแทรกขึ้นมา เรื่องนี้มันพิลึกนา อ้ายจ๋อยบ้ามันอยู่กุฎีมัน มันโวยวายว่า น้าเกียรติมา มันเห็นและร้องบ่อย ๆ แหม ตาจ๋า ฉันตัวชาเลย แม่ก็กำลังแย่อย่างนี้ ซ้ำอ้ายจ้อยร้องว่า น้าเกียรติมา"

ผมฟังเรื่องต่าง ๆ ชักหนาวสะท้านทั้งกลางวันแสก ๆ น้าเกียรติมาแน่ ๆ ป้าจีบเองก็ประกาศตัว อ้ายจ้อยก็ร้องเรียกชื่อน้าเกียรติ ลุงโป๊ะชวนพวกเราเข้าไปดูป้าจีบ ผมชักขาสั่นบังหลังถนอม ไม่กล้าอยู่ตรงหน้าป้าจีบ พอป้าจีบมองเห็นตาเข้าก็ทำตัวโยกไปโยกมา

"ใครมาวะ" พูดแล้วโยกตัวไปมา "จุดธูปจุดเทียนซิวะ อ้ายแก่" พูดแล้วหัวเราะ ตาของผมมองป้าจีบอย่างโกรธ ๆ ตามปกติตาเป็นคนดุดันไม่ยอมคน ถ้าไม่มีอะไรกันก็ดูเป็นคนใจดี ถ้าโกรธแล้วไม่ยอมใคร

"จุดธูปซิวะ อ้ายแก่" ป้าจีบพูดอีกและชี้มือ "กูจะบอกยาแก้ไม่แก่ให้มึง"

"จุดธูปไหว้มึงน่ะเรอะ?" ตาร้องถามอย่างอารมณ์โกรธขึ้นแล้วพร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ทุกคนในที่นั้นทั้งหมดต่างผงะตาม ๆ กัน และรู้สึกไม่พอใจตาที่ไปลบหลู่เจ้าผู้นับถือของเขา

"ชะช้า! จะบอกยาให้กู กูนี่ละจะเอายาแก้เลือดแก้ลมให้มึงกิน อย่ามาบ้ากะกูนะมึง" ตายื่นหน้าพูด ป้าจีบหัวเราะก๊าก โอนตัวโยกเยก

"อ้ายแก่ มึงว่ากูบ้าเรอะ เอ๊ย กูไม่ใช่เลือดไม่ใช่ลมเว้ย ชะจะกรอกยากู ชะช้า อ้ายหมออ้ายหมา" ป้าจีบไม่ละลด ตาโกรธจนตัวสั่น หันหน้าดูลุงโป๊ะและพี่ถนอม

"มันเป็นบ้าเพราะเลือดทํา ดันคิดว่า ผีเข้าเจ้าสิงกันอยู่ได้" ตาว่า

"ดูกันให้ดี ๆ ก่อนน่า คนโต ๆ ด้วยกันแล้ว อย่าเพิ่งดูหมิ่นท่านยังงั้น" หญิงแก่คนหนึ่งในจำนวนที่นั่งอยู่ในที่นั้นพูดขัดขึ้น และอีกมากคนก็สำแดงกิริยาไม่พอใจตาของผมที่ทำการประดุจดูหมิ่นและเหยียดหยาม เขาทั้งหมดว่า หลงเพ้อผิด ๆ เขาก็เชื่อตัวเขาว่า เขาดูไม่ผิดว่า เจ้าทรงหรือว่าคนบ้า แต่ทั้งหมดไม่กล้าจะว่าอะไรตา เพราะตาเป็นญาติกับป้าจีบ ย่อมพูดอะไรพูดได้ตามฐานะผู้ใหญ่

"ฉันพูดอย่างไรก็ได้ เพราะมันเป็นหลานของฉัน" ตาหันไปถลึงตาเอา

"อ๋อ ฉันไม่ได้ว่าอะไรพ่อหรอกย่ะ ฉันเตือนด้วยหวังดี ท่านโกรธขึ้นมาจะลำบาก เราแก่แล้วระวังปากดีกว่า" ยายคนนั้นพูด

"อ้อ! ขอบใจย่ะ แต่ฉันว่า อย่ามาช่วยกันทำให้คนเป็นบ้าเลย ข้าวปลาไม่ได้กินมากี่วันแล้ว จะเป็นลมตาย" ตาว่า

เมื่อตาพูดดังนั้น ทุกคนต่างมองตากัน พูดอะไรไม่ออก บ่นอะไรพึมพำ มีกิริยาไม่พอใจ แล้วร้องบอกลาลุงโป๊ะด้วยกันทุกคน พลางต่างลงเรือนไปกันหมด ป้าจีบนั่งมองตาของผมอย่างโกรธและหัวเราะเอ็ดอึง

"เดี๋ยวกูจะหักคอมึง" ผู้เป็นเจ้าหรือผีร้องลั่น

"กูก็จะหักคอมึงเหมือนกัน" ตาร้องขึ้นบ้าง แล้วทำท่าเสกคาถาใส่มือ และแล้ว เอามือลูบแขนทั้งสองทำท่าคล้ายจะโดดเข้าไปหักคอจริง ๆ ป้าจีบร้องตวาดเสียงหลง แล้วลุกขึ้นยืนดังคนแข็งแรงผิดไปจากคนที่อดอาหารมาหลายวัน ลุกขึ้นอย่างโกรธเต็มที่ แต่เต้นได้สองสามทีก็ล้มลงนอน ลุงโป๊ะและพี่ถนอมนึกไม่ถึงว่า จะเป็นไปดังนั้น ต่างวิ่งเข้าประคองป้าจีบ พวกเด็กสาว ๆ อีกสองคนก็เข้าช่วย เพราะมาช่วยเฝ้าไข้อยู่แล้วหลายวัน ป้าจีบนอนนิ่งหมดสติ จึงต่างเข้านวดเฟ้นกัน แต่แล้วทุกคนก็ชะงักและสะดุ้งเพราะเสียงอ้ายจ้อยร้องเอ็ดอยู่หลังเรือน

"นั่นแน่ ถ้าเกิด น้าเกิด" ผมได้ยินแล้วสะท้านทั้งตัว ขาผมสั่น ป้าจีบล้มลงแล้วจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ อ้ายน้อยร้องเรียกน้าเกียรติอีก แต่มันเรียกชื่อเก่า มีการแก้ไขป้าจีบอยู่นานโข ตาของผมกวักมือเรียกผมแล้วแกเองก็ออกพื้นที่ชุลมุนมาหาผม

"อ้ายเรือง เอ็งรีบกลับบ้านไปบอกยายว่า ป้าจีบของเองหมดลมเสียแล้ว" ตาบอก ผมสะดุ้งสุดตัว นึกไม่ถึงว่า การมันจะกลายไปอย่างนั้น ผมพะว้าพะวังขาสั้น ค่อย ๆ ก้าวขาออกประตูนอกชานลงบันไดไปสู่เรือมาดเล็กที่จอดอยู่ ใจหายวูบ เมื่อกี้ป้าจีบยังเต้นอยู่ แต่มาตายไปเสียแล้ว ทำไมตายง่าย ๆ ดังนั้น พอหมดเสียงก็ตายเลย ผมพายเรือมาอย่างใจลอยและไกลมามากแล้ว ไม่ได้สังเกตอะไรทั้งนั้น

"อ้ายเรือง มึงไปไหนมาวะ จ้ำเสียไม่เงยหน้า" เสียงร้องทักมาจากเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ข้างตลิ่ง เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก็พบตาป้องกับลุงเคลือบนั่งเรือมาดอยู่ ทำท่าเตรียมจะออกพาย

"ตาจ๋า ลุงจ๋า ป้าจีบแกตาย" ผมร้องบอกไปด้วยเสียงสั่น ๆ

"ฮะ! อะไรวะ" ตาป่องร้องอย่างตกใจ

"ป้าจีบตาย!" ผมบอก ตาป่องได้ยินชัดถึงกับตบขาตัวเองดังผาง

"กูคิดแล้ววะ ทิดเคลือบ" ตาป่องหันไปทางลุงเคลือบ "ผีมันกินอีจีบอยู่หลายวันมาแล้ว ใคร ๆ ว่า เจ้าเข้า ข้าไปดูมาแล้ว ผีมันกิน มัวหลงกันอยู่ได้ เฮ้ย ไปโว้ยไปดูมัน อ้ายโป๊ะคงตกใจแย่" ตาป่องพูดแล้วผลักเรือออก

"อ้ายเรือง มึงกลับเรอะ?" ตาป่องถาม

"จ้ะ ฉันจะรีบไปบอกยายแกเดี๋ยวนี้" ผมตอบแล้วก็จําเรือต่อมา

"ผีมันกิน" คำนี้ก้องอยู่ในหูผม "ผีมันกิน" ใจผมเต้นรัว ดีแต่ว่าเป็นกลางวัน ถ้าเป็นกลางคืน ผมจะพายเรือไปได้อย่างไรกัน ผมตัวคนเดียวแท้ ๆ เวลานี้ไม่มีเพื่อนเลย อ้ายจ้อยร้องว่า น้าเกิด ก็คือ น้าเกียรติของผม อ้ายจ้อยร้องอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ถ้าเช่นนั้น น้าเกียรติมิกินป้าจีบหรือ ใจผมเต้นรัว นี่ถ้าเป็นหน้าแล้ง ไปไหนเดินบก ป่านี้ผมวิ่งแน่บไปแล้ว

พอถึงบ้านเห็นเจ้าแห่งยืนอยู่ริมตลิ่ง ผมยกมือโหวกเหวกพูดอะไรไม่ออก พอเอาเรือเกยตลิ่ง ก็ดึงมือมันขึ้นเรือน รีบบอกข่าวการตายของป้าจีบกับยาย ยายตกใจ รีบลงจากเรือน และพายเรือออกไปอย่างรีบร้อน ผมอยู่ทางบ้านก็เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เห็นมาให้พี่พุกลุงโนด ป้ากะออม และเจ้าแฟงฟังอย่างละเอียด

"เอ๊ะ! เจ้าเกียรติมันจะไปบ้านนั้นทำไมล่ะ" ลุงโนดออกความเห็น

"พุทโธ่ ลุงก็" พี่พุกพูด "ลุงไม่รู้เรื่องเรอะ ก็น้าเกียรติเขาเคยรักอยู่กับนังหนอมอยู่เก่า แต่หากว่า ป้าจีบแกไม่พอใจที่อายุน้าเกียรติผิดกับนังหนอม เรื่องก็รากันไป จนน้าเกียรติจากไปตาย ว่าได้เรอะ จิตยังอาวรณ์ อาจจะมาวนเวียนอยู่ที่นั่น" พี่พุกพูดดังนั้น ผมชักเห็นจริง และแน่ใจเลย ผมมองดูตาเจ้าแฟง ใจคิดว่า น้าเกียรติอย่ามาบ้านฉันเลย

"มันจะมีเจ้าเกียรติเข้า หรือเจ้าเข้าทรงกันแน่" ป้ากะออมพูดลอย ๆ

"ตาแกว่า ป้าจีบเป็นบ้า เพราะเลือดทำเอา ไม่ใช่ผีใช่เจ้าทั้งนั้น" ผมว่า

"มันยังไงกันหว่า ลุกขึ้นเต้น แล้วก็ล้มลงตายเลย" ป้ากะออมยังสงสัย

"แต่อ้ายจ้อยบ้ามันร้องเรียกน้าเกียรติอยู่นา" ผมว่า

"นั่นน่ะซี มันก็พิลึก มันเป็นบ้า มันไม่มีมารยาหรอก มันต้องเห็นจริง ๆ จึงร้องเรียกไป" ป้ากะออมให้ความเห็นที่แนบเนียน

"อือ! ก็น่าคิดโว้ย" ลุงโนดพึมพำ

เราทุกคนออกความเห็นกันคนละเล็กละน้อย แต่ผมนิ่งเงียบ เพราะใจไม่สบายเรื่องน้าเกียรติ เมื่อแกยังมีชีวิต แกรักและเมตตาผมมาก เคยเอาผมไปชุบชีวิตที่กรุงเทพฯ ครั้นแกตายลง ผมก็ต้องระเห็จกลับมา เวลาเกือบใกล้ค่ำ ยายจึงกลับมาบ้าน

พวกเราต่างรุมล้อมถามข่าวกัน

"มันจะมีอะไรล่ะ ก็ตายแหงแก๋ไป ไม่ได้กินอะไรตั้งหกเจ็ดวัน หมดฤทธิ์ผีเข้าจะอยู่ได้อย่างไร เอาแรงที่ไหนกัน พ่อแม้นเราว่า เลือดทำจึงเป็นบ้า แต่พอโป๊ะว่า ผีเข้า ต่างเข้าใจไปคนละอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้โต้เถียงอะไรกัน เพราะยังไง ๆ ก็ตายไปแล้ว" ยายพูดให้ฟัง พวกเรามองหน้ากันแล้วพึมพำกันไปตามเรื่อง

"นี่เฮ้ย!" ยายพูด "เมื่อพายเรือขาไปนะเว้ย กูแทบเรือล่มว่ะ อ้ายใครไม่รู้มันพายเรือสวนทางกะกู หน้ามันเหมือนอ้ายเกียรติ กูแทบตกน้ำ พอดูชัดเข้า ไม่ใช่แฮะ ตากูฝาดไปแน่ะเฮ้ย อีตาแม้นเราถูกหาว่า ทำให้อีจีบตาย"

"ใครว่ายาย?" พี่พุกถามสวนค่าเลย

"พวกที่มาบูชาเจ้าเข้าทรงน่ะแหละ แต่ก็พูดลับหลังหรอก อีตาแม้นเราไม่ได้ยินหรอก ถ้าได้ยินคงบ้านเหลืองเมืองแตก ไปทำเขาตายได้ยังไงกัน คนก็อยู่ทั้งหลายคน" ยายว่า

"มีเถียงกันนิดหน่อย" ผมว่า "ตาแกโกรธ หาว่า พวกนั้นเชื่อว่าเจ้าเข้าทรง เอาดอกไม้มาบูชาจนไม่ได้กินข้าวกินปลา ส่วนลุงโป๊ะก็มัวคิดว่าผีเข้า ตาแกว่าอย่างนั้น มัวหลงกันไปหมด ป้าจีบก็เป็นบ้า ไม่กินอะไรจนหมดแรง พวกนั้นโกรธ ตาเลยกลับกันไปหมด ป้าจีบก็โกรธตา แล้วลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกา แกว่า แกเป็นเจ้า จะหักคอตา พอล้มไปเอง ก็ตายเลย ไม่มีใครทำไมแก ฉันก็เห็นอยู่กับตา" ผมอธิบายให้ฟังกัน

เย็นนั้น พวกเราที่มาชุมนุมต่างกลับบ้านของตัวหมด เราอยู่บ้านกันสามคน ยาย พี่พุก ผม ผมอยากนอนเต็มแก่ แต่พี่พุกยังไม่นอน ผมก็เลยต้องคอย เพราะนอนมุ่งเดียวกัน ถ้าไปนอนก่อน ก็ชักว้าเหวใจ พี่พุกกับยายคุยกันพอแล้วจึงเข้านอน พี่พุกมองดูผมแล้วก็รู้ว่าผมกลัว จึงกระซิบ บอกว่า ถ้ากลัวก็นอนเบียด ๆ แกเถิด ผมดีใจ ห่มผ้าทั้งไม่หนาวเลย แล้วนอนเบียดแก หน้าน้ำนี่ถึงจะไม่หนาวแต่ก็ไม่ร้อน เพราะน้ำท่วมป้องกันแดดที่ จะเผาแผ่นดินไว้ แผ่นดินจึงไม่มีความร้อนมาเผื่อพวกเราที่อยู่ในแถบที่ลุ่ม เรือนเราเป็นโขดสูงกว่าน้ำ จึงมีที่แห้งใต้ถุนพอได้อาศัยแก่สุนัข ผมเงี่ยหูฟัง ได้ยินพวกมันยังหยอกล้อกันอยู่ พ้นใต้ถุนไปก็เงียบสงัด นาน ๆ มีนกแสกบินร้องผ่านไปไกล ๆ เสียงมันบาดใจนัก ทำให้หวนคิดถึงน้าเกียรติ บางทีคล้ายเสียงใครร้องเรียกใครไกล ๆ อาจจะเป็นเสียงใครละเมอ

นึกถึงน้าเกียรติ เมื่อก่อนแอบรักกับพี่ถนอม แต่ป้าไม่เห็นด้วย พอตายแล้ว อาจจะโกรธแค้นแอบมาสิงอยู่ก็ได้ อย่างนั้น อ้ายน้อยบ้ามันต้องเห็นน้าเกียรติจริง ๆ นึกแล้วหนาวใจ น้าเกียรติผมทั้งรักทั้งกลัว การตายของแกเป็นแบบตายโหง ถูกฆ่าตาย ใคร ๆ ว่า ผีตายโหงนี่แรงนัก ที่ยายว่า แกพายเรือสวนกับใครหน้าเหมือนน้าเกียรติ จะใครเสียอีกเล่า ก็น่าเกียรตินั่นแหละ ธรรมดาเขารักยายและตาผมมาก ก็คงสวนทางล้อเล่นเท่านั้น ผมนอนคิดไปต่าง ๆ จนหลับเมื่อไรไม่รู้

เรื่องมันประหลาดไปกว่าเก่านัก พอรุ่งขึ้นตอนสาย ๆ ตาอาศัยเรือคนอื่นกลับมาบ้าน

"เขาจะสวดกันกี่คืนล่ะ?" ยายถามตาเป็นค่าแรกที่เห็นตากลับมา

"สวดกะผีอะไรกันล่ะ อีจีบมันฟื้นแล้วเมื่อจวนรุ่งนี่เอง" ตาพูดแล้วหัวเราะก๊าก

"ฮะ" ยายร้อง "ไม่ตายเรอะ บ้าละโว้ย ก็ตายเห็นอยู่ตำตา" ยายเอะอะ

"หะแรกก็ว่ากันนั้น ที่แท้มันสลบไปเท่านั้น ตาพูดแล้วโคลงหัว "แหม! หลังตกอกตกใจกันแทบแย่ทั้งบ้าน หนอย! พอฟื้นก็หิวโซ ขอกินข้าวต้ม อีหนอมก็เร็วทันใจ ต้มให้ทันหิว โอ้โฮ มันกินเอา ๆ มันอดอยู่หลายวันนี่ เลยกินเสียอย่างสาสมเลย" ตาพูด

ในครู่นั้นเอง ข่าวการฟื้นจากตายของป้าจีบก็รู้กันทั่วไปในหมู่บ้านใกล้ ๆ เรา ผมโล่งหัวอกไปเหมือนใครยกภูเขาออกไป การตายของป้าจีบกลับมาฟื้นเป็นมนุษย์ธรรมดาอีก และเรื่องผีเข้าอย่างที่แล้วมาก็ไม่มีอีก เช่นนั้น น้าเกียรติก็ไม่มีมายุ่งด้วยอีก จิตใจผมค่อยบรรเทาความหวาดกลัวลงได้เป็นก่ายกอง ยายกับลุงโนดและป้ากะออมพากันไปเยี่ยมป้าจีบในตอนนั้นเอง ผมก็อยากไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ชวน อยากเห็นเวลาแกพื้นจากตายแล้ว ยังมีกิริยาเป็นเจ้าเข้าทรงหรือผีเข้าอยู่หรือเปล่า

"ตาจ๋า อ้ายจ๋อยโวยวายว่าเห็นน้าเกียรติอีกไหมล่ะตา?" ผมถามตา

"โฮย! มันก็ยังโวยวายไปตามบ้าของมัน แต่ไม่ร้องเรียกเจ้าเกียรติอีกแล้ว น่ารำคาญว่ะอ้ายนั่น หายก็ไม่หาย ตายก็ไม่ตาย มันจะโวยวายไปอีกกี่ปีก็ไม่รู้" ตาพูดแล้วถอนใจ

ในวันนั้นตกบ่าย ยาย ลุงโนด และป้ากะออม ได้กลับมาถึงบ้าน แต่มีเรือตามมาอีก หญิงคนที่เคยมากับพี่ถนอมพายตามมา หญิงคนนี้ผมไม่เคยรู้จัก เมื่อขึ้นตลิ่งแล้ว ต่างคนก็ขึ้นบนเรือน ลุงโนด ป้ากะออม แยกทางกลับเรือนของแก

"นี่พ่อแม้น เรื่องนังจีบ ทีท่ามันจะง่อยเอาน่ะนา อีหนอมต้องอุ้มลุกอุ้มนั่งกันเรื่อย ขามันอ่อน แรงก็ไม่มี" ยายพูดกับตา

"ก็มันอดข้าวอยู่ตั้งหกเจ็ดวัน จะเอาแรงที่ไหนมา มัวหลงเป็นเจ้าอยู่น่ะซี จะตายเอา" ตาพูดแล้วหัวเราะอย่างขบขัน

"เฮอ! อีหนอม ห่างไม่ได้เลย เดี๋ยวแม่จะกินอ้ายนั่นจะกินอ้ายนี่ อีหนอมห่างเป็นเอะอะ ต้องนั่งเฝ้ากันอย่างนั้น เจ้าโป๊ะก็ยุ่งซี ทั้งหุงข้าวทําอะไรต่ออะไร งานที่อีหนอม เจ้าโป๊ะต้องเอามาทำหมด นี่เขาเกิดขอยืมเจ้าเรื่องไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ชั่วคราว จะว่าไงล่ะ ตาแม้น" ยายพูด ๆ

"ก็เอาซิ" ตาว่า "ช่วยกันไปในยามเจ็บยามไข้ อ้ายเรืองตอนนี้ก็อยู่เปล่า หน้านี้มันหน้าน้ำ งานนางานไร่ก็ไม่มี เออ! แม่คนนี้น่ะ ชื่ออะไรล่ะ เพิ่งเคยเห็น ไม่รู้จักชื่อ"

ตาหันไปถามหญิงคนนั้น ซึ่งเขานั่งนิ่งเฉยอยู่ ฟังคนโน้นพูดทีคนนี้พูดที

"ฉันชื่อเนียมจ้ะ" หญิงนั้นตอบแล้วยิ้ม

"จะอยู่ช่วยเขาบ้างไม่ได้เรอะ?" ตาถาม

"แหม ฉันอยู่มาสิบกว่าวันแล้ว ห่วงทางบ้านก็ห่วง แม่ฉันเจ็บ ๆ ไข้ ๆ ฉันอยากจะกลับเสียเหลือเกิน มาจมอยู่เสียนาน ป่านนี้แม่คงบ่นแล้ว" แม่เนียมว่า

"อยู่ถึงไหนไปล่ะหลาน?" ยายถาม

"หนองอ้ายด่างจ้ะยาย" แม่เนียมตอบ

"อ้าว! อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง แต่นั่นแหละนะ แม่หนูก็มาหลายวันแล้ว ก็เห็นใจแม่หนู" ตาว่า

"ถ้าฉันไม่ห่วงแม่ ก็จะยังอยู่ช่วยพี่หนอมเขาหรอกจ้ะ นี่ก็ยังไม่ได้ส่งข่าวไปบ้านเลยว่า อะไร ๆ ของบ้านป้าจีบก็เปลี่ยนแปลงไปหมด ฉันมาเมื่อรู้ข่าวว่า เจ้าเข้าทรง แม่ก็ใช้ให้มาดู"

"ขอโทษเถอะ พ่อของหนูไปไหนล่ะ" ยายถาม

"อยู่ค่ะ แต่ต้องทำงาน ถ้าแม่ไม่ค่อยสบาย พ่อก็ยุ่งมากจ้ะ" แม่เนียมบอก

"เออ ก็ลำบากนะ เจ็บ ๆ ไข้ ๆ" ตาว่า "เอ้า! เจ้าเรือง เตรียมตัวโว้ย ไปกะแม่เนียมเขา เอาเถอะวะ ไปช่วยเขาสักสองสามวัน มันกันเองโว้ย ต้องช่วยกัน"

เสร็จเรื่องกันแล้ว ผมก็เข้าห้องหยิบเสื้อและผ้าขาวม้าทั้งกางเกงไปผลัดสักหนึ่งตัว แล้วลงเรือไปกับพี่เนียม ก็เลยคุยถึงเรื่องบ้านป้าจีบไปตามทาง

"เดี๋ยวนี้แม่หนอมเราเป็นสุดที่รักของป้าจีบนัก เอะอะโวยวาย" พี่เนียมว่า

"เอ๊ะ! แล้วพี่หนอมจะกินข้าวอาบน้ำล่ะ จะทำไงกัน" ผมพูด

"อ๋อ ยังงั้นน่ะได้ ประเดี๋ยวประด๋าว นานนักไม่ได้"

"แกหายเจ็บแล้วเลยจู้จี้ใหญ่" ผมออกความเห็น

"เห็นจะแรก ๆ นี่กระมัง อีกหน่อยพอแกมีแรง ก็คงไม่ลำบากนัก" พี่เนียมว่า

เป็นความจริงอย่างที่เขาพูดกันว่า พี่ถนอมห่างป้าจีบไม่ได้ แกจู้จี้ เอาโน่นเอานี่ พี่ถนอมขอตัวไปอาบน้ำบ้าง ไปสวมบ้าง ป้าจีบแกมองดูผมบ้างเล็ก น้อย และก็ไม่เคยเรียกใช้เลย แกไม่ชอบใช้ผม แกกวนแต่พี่ถนอมเท่านั้น ส่วนพี่เนียมนั้น พอรุ่งขึ้น เขาก็กลับบ้านเขา ผมรับหน้าที่ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลุงโป๊ะ ต้มน้ำบ้าง หุงข้าวบ้าง พายเรือไปซื้อของบ้าง หมดธุระก็นั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ พี่ถนอมและป้าจีบ ป้าจีบจะถ่ายหนักถ่ายเบา พี่ถนอมจะ พยุงเข้าม่านข้าง ๆ ที่นอน ซ้ำร้ายเวลานอน ป้าจีบจะให้พี่ถนอมนอนด้วยอีก

"แม่นอนเถอะ! ฉันนั่งอยู่ไกล ๆ นี่แหละ จะให้ฉันนอนด้วยทำไมล่ะ" เสียงพี่ถนอมพูด ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่จึงเงยหน้าขึ้นดู เห็นป้าจีบฉุดมือให้พี่ถนอมนอน ผมยิ้มให้พี่ถนอม พี่ถนอมก็ยิ้มอย่างรำคาญขึ้นบ้างเป็นครั้งแรกและคงจะขบขันแม่ของแกเอง นอกจากจะเกาะกันแจ ยังไม่ยอมจะให้ไปไหน จะให้นอนด้วยทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ใช่เวลาหลับเวลานอนอะไร กลางวันแสก ๆ จะร้อนคลั่งตาย ป้าจีบมีกิริยาหวงแหนพี่ถนอมเห็นชัด ๆ กลางคืนพี่ถนอมต้องนอนกับแกในมุ่ง กลัวพี่ถนอมจะไปไหน เอ๊ะ! หรือ แกคิดว่า พี่ถนอมจะไปพบกับ . . . ผมนึกถึงตอนนี้แล้วเสียวใจ แกอาจจะได้ยินอ้ายจ้อยร้องโวยวายว่า น้าเกียรติมา ป้าจีบแกไม่ชอบน้าเกียรติ แกกีดกันอยู่ แกเกิดหวงทั้ง ๆ ที่น้าเกียรติก็ตายเป็นผีไปแล้ว

"โอย ตายละ!" เสียงพี่ถนอมร้อง "ร้อนจะตายไปแล้วแม่ แม่กอดฉัน ทำไม วุ้ย! ไม่หนีไปไหนหรอก" ผมนอนอยู่ใกล้ ๆ ฟังแล้วนึกขึ้น แต่อีก ใจหนึ่งกลับหวนคิดไปว่า หรือป้าจีบจะยังไม่หายบ้า แกทำอย่างคนบ้ากระมัง ผมนอนใกล้มาหลายคืน ก็ได้ยินพี่ถนอมร้องอย่างนั้นทุกคืนว่า แม่อย่ากอดเลย ร้อนออกจะตายไปแล้ว ผมชักสงสัยใจและเห็นใจพี่ถนอมที่ต้องทนนอนกับป้าจีบที่ไม่ได้อาบน้ำมาเลยตั้งนานวัน ทั้งยังถูกกอดรัดด้วยอีก นอกจากจะเหม็นสาบแล้วยังเหนียวตัวอีก พี่ถนอมแย่จริง ๆ ซ้ำเวลากินข้าวก็ต้องกินกับแก จะหิวไม่หิวก็ต้องกินตามแก วันหนึ่ง ผมกับลุงโป๊ะนั่งกินข้าวกันที่ในครัว พี่ถนอมจะไปอาบน้ำ เลยแวะเข้าไปที่วงอาหารของเรา

"พ่อจ๋า" พี่ถนอมเรียก "ฉันไม่ไหวจริง ๆ พ่อ แม่แกเป็นอะไรไม่รู้กอด ฉันเรื่อย และเดี๋ยวนี้แกจูบฉันด้วยพ่อ โอย ฉันทนไม่ไหวละ อะไรก็ไม่รู้ แม่ไม่เคยทำกับฉันเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ทำไมเกิดมาทำอย่างนี้ โธ่! ฉันโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ จั๊กจี้จะตาย แกทำกับฉันตลอดคืน"

ลุงโป๊ะฟังแล้วเปิบข้าวไม่ลง อ้ำอึ้ง ผมเองก็เช่นกัน ไม่คิดว่าจะได้ฟังเรื่องอย่างนั้น ลุงโป๊ะเอามือซ้ายเกาศีรษะ สีหน้าฉงนสนเท่ห์

"นิ่งไว้ก่อน อีหนู" ลุงโป๊ะว่า "มันจะกลับเป็นบ้าอีกกระมังหว่า ถ้าจะ ต้องหาหมอเสียแล้วละเว้ย" ลุงโป๊ะพูดแล้วอิ่มข้าวเลย พี่ถนอมเลยไปอาบน้ำแล้ว แต่ลุงโป๊ะยังนั่งกอดเข่า ใช้ความคิดมาก

พี่ถนอมอาบน้ำแล้วไปนั่งอยู่กับป้าจีบ แกก็คุยอะไรต่ออะไรลั่นไปเลย ลุงโป๊ะหายไปไหน ลงจากบ้านหายไปตั้งชั่วโมงสองชั่วโมง ครั้นกลับมาก็มีตาของผมและลุงโนดมาด้วย ผมเห็นตาถือห่อกระดาษอะไรมาด้วยห่อโตถนัดใจ มาคราวหลังว่า เป็นห่อยาเลือด ครั้นต้มแล้ว ตาผมกับลุงโนดอ้อนวอนและป้อยอให้ป้าจีบกิน ป้าจีบก็ยอมกินตามที่ขอร้อง หลายต่อหลายวัน อาการของป้าจีบก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกเปลี่ยนไป คงกอดคงรัดพี่ถนอมอย่างเดิม ทั้งเผลอ ๆ คนเข้า แกก็จูบพี่ถนอมเข้าให้อีก และเมื่อนั้น พี่ถนอมก็บ่นทุกคราวไป ป้าจีบเห็นเป็นขบขันหัวเราะก๊าก ๆ ทั้งตา ลุงโป๊ะ และลุงโนดมองตากันอย่างอัดอั้น

ตาผมและยายผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นเพื่อนอยู่เรื่อย ๆ มาอีกวันหนึ่ง ตากลับไปบ้าน ยายกับป้ากะออมก็มาเป็นเพื่อนแทน ตอนหนึ่ง ยายกับป้ากะออมไปนั่งคุยกับลุงโป๊ะทางหลังบ้าน ผมคงนั่งอยู่ทางพี่ถนอมป้าจีบ และขณะนั้น ผมหวนคิดไปทางบ้าน คิดถึงเจ้าแห่งเพื่อนรุ่นสาว ผมเบิ่งหน้าลงไปทางริมคลอง ก็ได้ยินพี่ถนอมร้องขึ้นอีก เวลาเป็นเวลาค่ำแล้ว

"อุ๊ย! แม่จูบฉันอีกแล้ว" พอพี่ถนอมร้อง เสียงป้าจีบก็หัวเราะก๊ากแซงขึ้น ผมจึงหันไปดู ป้าจีบหัวเราะแล้วหันหน้ามาดูผม หน้าตรงกันเผงทีเดียว ไฟสว่างเห็นหน้ากันถนัด คุณพระช่วย ผมตาค้าง นั่นไม่ใช่หน้าของป้าจีบเสียแล้ว

"น้าเกียรติ" ผมร้องสุดเสียงแล้วล้มลงหมดความรู้สึกไปเลย ผมมารู้ตัวได้สติ ก็รู้ว่า ผมนอนอยู่ที่บ้านผม และรู้คราวหลังว่า ผมจับไข้มาหลายวันแล้ว พวกบ้านใกล้ได้มานั่งล้อมวงผมอยู่ เจ้าแฟงได้เล่าให้ผมฟังว่า ผมละเมอเพ้อพกเรียกน้าเกียรติเรื่อย ๆ คนทั้งบ้านพากันกลัวจะแย่ไปเลย ผมกลับมาบ้านได้ เมื่อสลบไปเพราะตกใจที่เห็นหน้าป้าจีบเป็นหน้าของน้าเกียรตินั้น ยายผมและป้ากะออมได้เอาผมลงเรือกลับ และได้ทราบต่อไปว่า ป้าจีบได้ตายไปแล้ว คราวนี้ตายจริงๆ และไม่ฟื้นอีก ผมมัวนอนเจ็บอยู่ไม่รู้เรื่อง เขาสวดและเผากันไปแล้ว ผมนอนฟังเขาเล่าด้วยใจว้าวุ่นตามเคย