แผลเก่า/บทที่ 1
ตวันคล้อยหัวเพิ่งจะบ่าย แต่แดดยังจ้า ความร้อนยังอบอ้าวคุกคามอยู่เหนือท้องทุ่ง แม้จะมีลมพัดมาบ้างเปนครั้งคราว ก็คงร้อนระอุ เพราะเปนลมหอบแดด
เจ้าหนุ่มร่างงามล่ำสันผิวคล้ำหน้าตาซื่อคมคายนั่งร้องเพลงเอื่อย ๆ มาบนหลังควายอย่างไมกังวลถึงความร้อนที่เผาอยู่บนหัว นางผู้หญิงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เอียงคอฟังอยู่บนหลังควายที่เดินคู่กันมาอีกตัวหนึ่งตัดทุ่งโฉมน่าเข้าสู่ฟากคลอง
เพราะน่าเกี่ยวกำลังจะมาถึง เพราะเข้ากล้าปลาดี และมาด้วยกันลำพังสองต่อสองกับคนรัก จึงทำให้เจ้าขวัญหนุ่มบ้านทุ่งเพลิดเพลินอิ่มใจนักหนา เตรียมซักซ้อมเพลงกลอนไว้เมื่อน่าเกี่ยว แต่แล้ว เจ้าขวัญก็ด้นกลอนสดมาเกี้ยวเอาเจ้าเรียมที่มาด้วยกันดื้อ ๆ
พื้นของเจ้าเรียมเปนคนแสนงอน ถึงแม้จะรู้ว่าหนุ่มคนรักว่าเพลงเกี้ยวพาราศีเพราะความปลาบปลื้มคนองใจ แต่เมื่อเจ้าเรียมว่าเพลงแก้ไม่ตก ก็เกิดโมโหค้อนปราด ๆ มา ๓–๔ วง
พอดีมาถึงฟากคลอง อีเกเห็นน้ำเปี่ยมฝั่งกำลังร้อน แทบจะยอไม่หยุด สบัดเขาฟิดฟัด เบิงแล้วเบิ่งเลา จะโผลงน้ำให้ได้
"เอ้อ—อีเก, มึงฮิมึง จะคอยซักประเดี๋ยวไม่ทันใจเลย เห็นน้ำยังกะเห็นแก้ว มึงน่ะมันน่าจะเปนปลามากกว่าเปนความเสียละกระมัง?"
เจ้าขวัญหัวเราะก๊ากใหญ่ รู้ดีว่าเจ้าเรียมพาลรีพาลขวางกับอีเกเพราะอะไร และตามธรรมดาของเจ้าขวัญ พอลืมตาขึ้นมาก็ชอบยั่วมนุสส์อยู่ตลอดเวลา ยิ่งสำหรับเจ้าเรียม เจ้าขวัญชอบใหญ่ เพราะแสนงอนของเจ้าเรียมนั้นดูงามขึ้นอีกเปนกอง
อ้าวเรียวที่ขี่มากำลังกระสับกระว่ายเมื่อเห็นน้ำเยี่ยงเดียวกับอีเก จึงเปนช่องทางให้เจ้าขวัญได้พูดขึ้นมั่ง
"จะเอาอย่างเขามั่งเร๊อะมึง อ้ายเรียว ควายน่ะมันอยู่ในคอก ปลาน่ะมันอยู่ในน้ำนามึงนา เรามันเปนผู้ชาย จะทำอะไรให้มันดูสมัยเขามั่ง จะเสือกเล่นโด่งไปก่อนน่ะ ผู้หญิงเขาจะติเอา"
โมโหก็โมโห แต่อดขำใจไม่ได้ เพราะเจ้าขวัญสั่งสอนอ้ายเรียวให้ทันสมัย เจ้าขวัญมันคงไม่เกิดมาสำหรับอย่างอื่นนอกจากยั่วเย้าคนไปชั่ววัน ๆ เท่านั้น
เจ้าเรียมฝืนสีน่าแล้วถามไปตรง ๆ
"อ้อ—นั่นพี่ขวัญก็เปนควายเหมือนอ้ายเรียวด้วยเร๊อะ เออแน่"
"คนย่ะ" ตอบทันใจแล้วพูดอม ๆ ยิ้ม "แต่ท่ะว้า อ้ายเรียวกับฉันมันหัวอกอันเดียวกันเท่านั้นหรอก แม่เอ๊ย"
"ถูกละย่ะ พ่อคนฝีปากดี เมื่อรู้ว่าหัวอกอันเดียวกัน ก็พูดกันไปเถอะ อย่ามาพูดกับฉันอีกเลย"
"นิ่งเขาฮิ๊ อ้ายเรียว" เจ้าหนุ่มเย้าอีก "ทำไงได้เล่า มึงเอ๋ย เรามันเกิดมามีกรรม ก็ต้องทน ๆ เอาหน่อยซี นังเบ เขาเห็นใจเมื่อไหร่ เอ็งก็สบายเมื่อนั้นแหละ" แล้วก็หัวเราะงอ ชอบอกชอบใจ
"อย่ายั่วข้าหนักนา พี่ขวัญ จะบอกให้ เกิดโมโหเต็มทนแล้ว ประเดี๋ยวก็จะหนีกลับเสียเท่านั้น"
"อ๊ะ จะทำใจน้อยไปยังงั้นเทียวหรือ ฝีตีนอีเกของแม่เรียมน่ะจะหนีอ้ายเรียวพ้นเชียวรึ—ว่าน่ะ"
"โอ๊— — —" นางผู้หญิงหัวเราะอย่างดูถูก "ถ้าอ้ายเรียวของพี่ขวัญวิ่งเร็วได้อย่างม้า ฉันก็จะยอมหรอก แต่นี่ฉันก็เห็นอ้ายเรียวยังโดนตะพดอยู่ทุก ๆ วันเมื่อหน้าไถนี่เอง ฝีตีนมันก็คงไม่เกินควายไปได้"
"ก็ถูกละ แม่เอ๊ย" เจ้าขวัญตอบเสียงลอยลม แล้วก็พูดกับอ้ายเรียวเปนเชิงท้าเจ้าเรียม "อ้ายเรียว ข้าจะบอกเองให้รู้ก่อนน่ะว่า ถึงเอ็งจะไม่ใช่ม้าก็เถอะ แต่ถ้าลงนางเกเขาหนีแล้วเอ็งขับไม่ทันละก้อ ข้าเปนขายเองส่งไปเมืองมินพรุ่งนี้และ ให้แขกไถนาเสียให้เข็ด มันอยากแพ้ฝีตีนเขา" เมื่อพูดกับควายแล้วก็กราดตามองมาพบเจ้าเรียมกำลังค้อนควัก เจ้าเรียมเปนคนตาแหลม ใคร ๆ ที่ถูกเจ้าเรียมค้อนก็เท่ากับเห็นปลายเข็มกำลังพุ่งเข้าหัวใจ
ในคลองน้ำกำลังขึ้นเจิ่งเต็มฝั่ง ทำให้เรียมนึกอยากลองตีนายขวัญหนุ่มลูกผู้ใหญ่เขียนนัก อีเกแม้จะวิ่งไม่เร็วบนบก แต่ในน้ำแล้วมันว่ายเร็วแลทนทานเปนหนึ่ง จึงอยากจะดูน้ำหน้าเจ้าขวัญว่า มันจะขายอ้ายเรียวจริงหรือไม่จริง จึงเปรยขึ้นบ้างว่า
"อ้ายเรียวมันยังมีเขาและถูกไถนาอยู่ทุ่ก ๆ วันอย่างควายบ้านเรา เมื่ออีเกมึงยอมให้เขาขับทันได้ ข้าก็ต้องขายแขกพรุ่งนี้เหมือนกัน"
"ก็ลองซี แม่เอ๊ย" เจ้าขวัญตอบด้วยความร่าเริงรำพอง
ไม่ทันให้ท้าเปนคำสอง นางเกก็ถูกกระทุ้งเตือนสนตะพาย ก็รู้สึกผ่อนเพราเบาลง จึงเผ่นออกตะโพงไปอย่างสุดกำลังเพียงสามสี่วา ก็โครมลงไปในคลอง น้ำแหวกกระจาย และว่ายเร็วรี่ไปตามกระแสน้ำ
อ้ายเรียวก็รู้ไม่หยอก พอถูกตบที่แผงคอเบาะ ๆ ก็ออกตะโพงแล่นตามนางเรียวอย่างไม่ละเหมือนรู้ใจเจ้าขวัญ การแข่งควายในน้ำจึงเกิดหนีเกิดไล่กันอย่างสนุกสนาน แม้อีเกจะว่ายน้ำเก่ง ก็ยังเปนลองเจ้าเรียวอยู่นั่นเอง เพราะเจ้าขวัญไม่ยอมขี่ อุส่าห์ทนว่ายน้ำเอา โดยเกรงเจ้าเรียวจะไล่ไม่ทัน หนำซ้ำร้องกระทุ้งตะเพิดเสียงสนั่นหวั่นไหว
เสียงหายใจพรืด ๆ ไล่หลังใกล้เข้ามาทุกที ทำให้เจ้าเรียมขวัญเสีย อีกแขนกว่า ๆ เท่านั้นเขาอ้ายเรียวก็จะชนท้ายอีเก และก็เปนแน่ละที่เจ้าขวัญจะต้องเยาะเย้ยใหญ่ในเมื่อมันจับได้ อ้ายข้อที่ร้ายยิ่งก็คือ มันจะต้องเรียกเบี้ยปรับตามวิสัยของคนชะนะ
จะเร่งสักเท่าไร นางเกก็คงอืดอาดอยู่เช่นเคย เมื่อไม่เห็นลู่ทางใด ๆ อีก เรียมจึงสละจากหลังอีเกโผนโผลงน้ำเพื่อเอาตัวรอด แล้วว่ายเร็วเฉียบเปนปลาเข็มมุ่งตัดขึ้นหน้านางเก พอได้ระยะก็ดำหายไป
เจ้าหนุ่มลูกทุ่งยิ้มแย้ม นึกแต่ในใจว่า ชิชะ เจ้าเรียม อ้ายกุ้งอ้ายปลาน่ะมันไม่อยู่ในน้ำหรอกหรือ พอน้ำใหม่มาทีไร ข้าก็เอากินเสียทุกที ประสาอะไรกะมนุสส์อยู่บกด้วยกัน อย่างจะดำอึดก็คงไม่ได้ครึ่งข้ากระมัง
แล้วก็รีบสาวแขนปราด ๆ จนขึ้นหน้าอีเกไปอีกไกล จึงลอยตัวคอยดูอยู่ว่า เมื่อไหร่เจ้าเรียมจะโผล่ แต่ก็เงียบ แม้น้ำก็ไม่มีวนเลย จนนึกเอะใจ เข้าค้นตามข้างตลิ่ง พงอ้อกอข้าวถูกแหวกกระจาย สาหร่ายและบัวถูกเจ้าขวัญทึ้งขาดลอยเปนแพเพื่อค้นหาเจ้าเรียมคนเดียว
เรียมมิได้ดำไปไกลหรืออดทนอะไร นอกจากดำดิ่งลงน้ำลึก แล้วย้อนทวนขึ้นทางเก่า จนโผล่ขึ้นเกาะท้ายอ้ายเรียวพอเปนที่กำบังแอบดูเจ้าขวัญกำลังคลั่งถอนกอเข้าและพงอ้อชายน้ำแทบตลิ่งจะพัง ขำใจเจ้าคนเก่งจะแกล้งให้หาเสียให้ตาย พอเจ้าขวัญเหลียวมาก็ดำซ่อนเสียสักครู่
เมื่อนานจนผิดสังเกตุกว่าอึดใจธรรมดา ก็ทำให้เจ้าขวัญนึกเฉลียวว่า ทำไงเสียนังเรียมคงเล่นฉลาดตลบหลังเปนแน่ ครั้นจะเหลียวดู ก็เกรงเสียรอยทำให้เจ้าเรียมรู้ตัว จึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ดำผลุดหายลงตรงนั้น แล้วย้อนตลบมาเอาแบบเจ้าเรียมบ้าง พอเต็มอึดใจจึงโผล่ขึ้นค่อย ๆ ระวังมิให้น้ำกระเพื่อม คล้อยหลังอ้าวเรียวเพียง ๒–๓ ชั่วตัว
นั่นเองแม่ะล่ะ นังเรียมเกาะอ้ายเรียวผลุบโผล่อยู่นั่นเอง อารามดีใจจะจับให้ได้ จึงโผและว่ายสุด ๆ แขน เปนเหตุให้เจ้าเรียมรู้ ผละท้ายอ้ายเรียว จะดำก็ไม่ทัน จึงว่ายล่องตามน้ำไปอย่างรวดเร็วชำนิชำนาญ เจ้าขวัญก็ไม่ลดละ กวดจี๋จนเลี้ยวเข้าคุ้ง นางผู้หญิงก็อ่อนแรงแทบจะกระเดือกไปอีกไม่ไหว จึงมุ่งเข้าหาฝั่ง คว้าได้เถาไทรย้อยพอจะพยุงตัวขึ้น เจ้าเสือน้ำก็ว่ายแหวกมาถึง พุ่งปราดเข้ารั้งแขน เปนเหตุให้เถาไทรขาด หล่นตูมลงมาอีกทั้งสองคน
น้ำใกล้ตลิ่งพอหยั่ง แต่ถึงงั้น เจ้าเรียมก็ยืนไม่อยู่เพราะความเหน็ดเหนื่อย เจ้าขวัญจึงพยุงไว้และพากระเดือกเข้าฝั่ง เจ้าขวัญเองก็อ่อนใจเหมือนกัน เมื่อพยุงเจ้าเรียมมาถึงเกาะรากไทรข้างตลิ่งก็แทบหมดแรง
"ฉันเหนื่อยเหลือเกิน พี่ขวัญ" เจ้าเรียมหอบฮั่ก ๆ ส่ายหน้า "นาน ๆ ได้ว่ายสักที เหนื่อยแทบขาดใจตาย"
เจ้าขวัญออกสงสาร มองแล้วมองอีก รักกันมาร่วมปีก็เพิ่งมาวันนี้แหละที่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกกกอดเจ้าเรียมเต็มมือ แม้จะขาดใจเสียกลางสายน้ำนี้ก็ตามเถิด
"พักเหนื่อยให้สบายเถิด แม่เรียม ฉัน―เออ ฉันจะทนอุ้มแม่เรียมไว้เอง" เสียงของเจ้าขวัญบ้านทุ่งตื่น ๆ ไม่เต็มปาก
เกาะรากไทรมือหนึ่ง โอบอุ้มเจ้าเรียมไว้มือหนึ่ง รัดเจ้าเรียมไว้แน่นเหมือนเกรงสายน้ำจะพัดเจ้าหลุดมือลอยไป ความมุ่งหมายที่เก็บมาแรมปีวิ่งพลุกพล่านอยู่ในหัวใจ ความรักกำลังก้าวออกจากสายตาเจ้าขวัญหนุ่มทุก ๆ ขณะ
ในน้ำซึ่งน่าจะเนื้อเย็น แต่เจ้าเรียมหน้าตาร้อนผ่าว ๆ รู้สึกจนกระทั่งว่าช่วงแขนของเจ้าขวัญ หน้าอกหนา ๆ ของเจ้าขวัญที่แช่น้ำอยู่ด้วยกัน ก็ยังร้อนอบอุ่นไปด้วยความเผลอไผลเหมือนต้องอำนาจมนต์ดลจิตผีครอบผีอำ
อึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง พอมีสติก็จะผละ แต่เจ้าขวัญรัดไว้และมองด้วยสายตาที่เร่งเร้าเหมือนหนึ่งจะให้แม่เรียมเข้าใจในปัญหาแรมปี
"พักเสียก่อนเถิด แม่เรียม พักเสียให้หายเหนื่อย แล้วฉันอุ้มส่งขึ้นตลิ่งเอง" เสียงเจ้าขวัญอ่อนโอนผิดเคย หน้าตาซื่อสัตย์ยิ่งขึ้นประหนึ่งจะเปนเพื่อนตายของเจ้าเรียมทุกขณะ
"พี่ขวัญ"
"จ๋า เรียม"
"อ้า―ปล่อยเถิดจ้ะ ปล่อยให้ฉันยืนมั่งเถิด"
"อย่าเลย เลนทั้งนั้น แขยงตีนเปล่า ๆ อยู่เฉย ๆ เช่นนี้เปนไรไปเล่า เรียมเอ๋ย"
"อึดอัดจ้ะ พี่ขวัญ โธ่ แล้วนี่ถ้าใครพายเรือผ่านมาเห็นเข้า ฉันจะทำยังไรล่ะนี่" เจ้าเรียมรุ่นสำนึกตัว หลบหลีกสายตาไม่ให้พบกับเจ้าขวัญ
"เงยหน้าหน่อยเถิด เรียม ฉันจะพูดอะไรด้วยสัก ๒–๓ คำ"
กระแสเสียงเจ้าขวัญบอกจะพูดเรื่องอะไร เรียมจึงรู้ตัวว่า เจ้ากำลังชะตาคับขัน เกิดใจคอหวั่นไหวตกประหม่า
เจ้าหนุ่มบ้านใกล้ปล่อยมือที่เกาะตลิ่ง แล้วเชยคางขึ้น เห็นเรียมหลับตาปิดสนิท ความสมบูรณ์และทีท่าบ่ายเบี่ยงเอี่ยงอายของเจ้าแทบจะบดหัวใจของเจ้าขวัญให้ละลายไปกับน้ำ
"เรียม―แม่เรียมเอ๋ย เออ―ขอให้ฉันได้ตายกับแม่เรียมในลำน้ำนี้เถิด―รักจริง รักนัก เรียม ข้ารักเจ้านัก"
เจ้าขวัญมิได้พูดอะไรอีก จูบลงไป จูบเสียเหมือนอย่างจะจงใจเคี่ยวเข็ญให้เนื้อเจ้าเรียมนั้นแหลกเหลว ทั้งแก้ม คาง คิ้ว คอ เจ้าขวัญมิได้เว้น การดิ้นรนบ่ายเบี่ยงของเรียมเหมือนลมพัดกองเพลิงในอกเจ้าขวัญให้คุยิ่งขึ้น มันจูบซ้ำจูบเติมอย่างไม่เบื่อ
แม่แกว่า ผู้ชายน่ะเหมือนปลา พอน้ำใหม่มา ก็ไปกับน้ำใหม่ ฉันจึงกลัวนัก |
แม้จะต้องว่ายน้ำอีกสัก ๗–๘ คุ้งก็ยังดีกว่า เพราะเวลานี้เจ้าเรียมไม่รู้สึกตัวว่าตัวเปนอะไร ชาวนาหรือชาวไร่ หญิงบ้านนอกหรือบางกอกก็ลืม รู้อยู่แต่ว่า จมูกของเจ้าขวัญกำลังเขย่าอยู่บนอก ทำให้หัวใจครื้นเครงกระฉอกกระฉอนเหมือนลูกคลื่นละลอกเล็ก ๆ วิ่งไล่กันเข้าชนตลิ่งแล้วกระท้อนกลับ ทุ่งหญ้าแสงแดดส่องในตอนเช้า รวงเข้าที่สุกเหลืองเปนทอง ปลาในน้ำตัวเล็กตัวใหญ่ว่ายเปนหมู่ ๆ ตามกอเข้า สิ่งเหล่านี้เหลืออยู่ในความจำของเจ้าเรียมเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ลางเลือนคล้ายฝัน
"พี่ขวัญ" เสียงเจ้าคลุมเครืออย่างจะร้องไห้ "หยุดเสียมั่งเถอะ สงสารฉันและหยุด หยุดทีเถอะ"
"สงสารซี เรียม" เจ้าขวัญเงยขึ้นมองดูหน้า "ฉันสงสารแม่เรียม ฉันรักแม่เรียมเหมือนดวงใจ"
"อย่าเพิ่งพูดเลย พี่ขวัญ ปล่อยฉันก่อนเถอะ"
"จะไปไหนเล่า เออแน่ะ, ไม่เชื่อหรือว่า ฉันรักแม่เรียมนักหนา ไม่มีอะไรเปรียบ"
"ก็เปนแต่เวลานี้หรอก พี่ขวัญ ถึงฉันยังไม่มีผัว ก็พอจะรู้อยู่มั่ง เพราะแม่แกเคยพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า―"
"ว่าอะไร แม่แกเคยพูดว่าอะไรน่ะ แม่เรียม" เจ้าขวัญรีบถาม
เรียมนึกอาย ๆ แต่เพื่อจะดักคอและปราม ๆ หัวใจเจ้าคนรักไว้ครั้งหนึ่งก่อน จึงตอบว่า
"แม่แกว่า ผู้ชายน่ะเหมือนปลา พอน้ำใหม่มา มันก็ไปกับน้ำใหม่ ฉันจึงกลัวนัก เอ้อ" เจ้าส่ายหน้าปรับทุกข์กับตัวเอง "อ้ายฉันยิ่งกลัวมันมาก แล้วมันจะมาได้กับอกฉันเองเสียงกระมัง"
เจ้าผู้ชายนึกฉงน ยิ่งเห็นเรียมน้ำตาคลอหน่วย ก็ยิ่งเพิ่มการไม่เข้าใจหนักขึ้น คิดเขวไปต่าง ๆ แต่แล้วก็จับเค้าได้ว่า เจ้าเรียมกลวจะไม่รักจริง
⟨"⟩อ๋อ―เรียม ก็จริงของแกอยู่บ้างหรอก แต่ใจฉันน่ะเห็นว่า น้ำใหม่มันก็น้ำเก่า อ้ายน้ำเก่ามันก็ไหลมาเปนน้ำใหม่ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในคลองเดียวกันน่ะแหละ เรียมเอ๋ย อย่ากลัวไปเลย พี่ไม่ใช่ปลารักน้ำอย่างว่าหรอก หัวใจพี่เติบหัวใจพี่ใหญ่อย่างตะเฆ่รักวัง ถึงน้ำเก่าจะไป น้ำใหม่มันจะมา หรือน้ำมันแห้งจนขอด พี่ก็ต้องตายคาวัง พี่ต้องตายอยู่กับเรียมคนเดียวจริง ๆ" แล้วเจ้าขวัญก็รัดแขนทั้งสองแน่นขึ้นเปนการยืนยันในคำมั่นสัญญา
เจ้าเรียมร้องไห้กระซิก ๆ อยู่หว่างอก เพราะหัวใจเจ้ากำลังคิดไปในเหตุต่าง ๆ ร้อยแปด คิดไปถึงเจ้าเริญ พี่ชายซึ่งไม่ถูกกับเจ้าขวัญ คิดไปถึงพ่อของตัวซึ่งไม่ถูกกับผู้ใหญ่เขียน เพราะแพ้ความเรื่องรุกที่นา และจนทุกวันนี้ตาเรือง พ่อเจ้าเรียม กับผู้ใหญ่เขียน พ่อของเจ้าขวัญ และตัวเจ้าขวัญเอง กับเจ้าเริญ ก็ยังอาฆาตมาทร้ายกันอยู่เสมอ แต่เจ้าขวัญกับเจ้าเรียมกำลังรักกันเหมือนจะกลืน และมันจะเปนผลสำเร็จกันไปได้อย่างไร
ทอดตามองดูสายน้ำไหล แล้วถอนใจสอื้นไป คิดไปถึงความหลัง ๆ และการข้างหน้า ไม่รู้ว่าอะไรมันมาจุกประดังอยู่ที่คอหอยจนพูดไม่ออก คนเหล่านั้นโกรธเกลียดอาฆาตกัน แต่เรารักกัน แล้วใครจะเห็นใจเรา นอกจากเราเห็นกันเอง เมื่อต่อไปข้างหน้า มิต้องยึดสายน้ำนี้เปนที่พบปะลอบรักกันหรือ แล้วอีกสักกี่ปีกี่ชาติเล่าจึงจะสมรักอย่างเขาอื่น แต่ที่เจ้าเรียมกระวนกระวายใจกลัวหนักหนาก็คือ เจ้าขวัญกับหล่อนจะต้องค้างคอยลอบรักกันไปจนกว่าน้ำจะแห้งคลองจะเขิน แล้วก็หลับตาสิ้นอายุไปด้วยกันทั้งรัก ๆ
"แล้วเราจะทำยังไงเล่าจ๊ะ พี่ขวัญ เพราะพ่อกับท่านผู้ใหญ่แกก็เปนสัตรูกัน หนำซ้ำพี่เริญก็ไม่ถูกกับพี่ขวัญเสียด้วย เฮ้อ―ฉันกลุ้มเสียจริง"
เจ้าขวัญก็กำลังจนปัญญาในข้อนี้ หัวใจเรรวน พูดไม่ถูก เจ้าเรียมกับมันกำลังคิดตรงกัน
แข็งใจตอบไปว่า "ค่อยคิดค่อยอ่านเถอะ เรียม เราค่อยชลอ ๆ ดูเขาไปก่อนดีกว่า ไม่ช้าเขาก็ดีกันเอง เพราะเราใช่อื่นไกล ผืนนาก็อยู่ติด ๆ กัน บ้านใกล้เรือนเคียง จะโกรธกันไปถึงไหน"
"ไม่เห็นเลย พี่ขวัญ ฉันมองไม่เห็นจริง ๆ" แล้วเจ้าเรียมก็ถอนใจอีก "นี่ฉันก็นับว่าเปนลูกนอกคอกนอกคำพ่อคำแม่อย่างตกนรกทีเดียว แกห้ามนักห้ามหนา เพราะรู้จากพี่เริญว่าเรารักกันมานานแล้ว แกว่า ถ้าไม่เชื่อคำแก ก็อย่าอยู่ดูผีดูไข้กันเลย"
ความกระอักกระอ่วนของเจ้าขวัญถึงที่สุด ไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบเจ้าเรียมอีกได้ เพราะอะไรมันก็จริงของเจ้าทั้งสิ้น ตลอดย่านปลายน้ำตลอดทุ่งเวิ้งบางกะปิและแสนแสบทั้งสองฟาก เจ้าขวัญไม่กลัวไม่พรั่นใคร ผีสางนางไม้ นักเลงทุก ๆ รุ่น และหนุ่มคะนองกำลังแตกเปลี่ยว ไม่ว่าหน้าไหนบางไหน เมื่อออกชื่อเจ้าขวัญ ลูกบ้านทุ่งปลายน้ำบางกะปิแล้ว ต้องรู้จักดี หลีกหมด เมื่อไม่หลีกก็เจอกันเท่านั้นเอง แต่นี่ล่ะ ตาเรืองเอย อ้ายเริญเอย ล้วนแต่สังคะญาติที่สำคัญ ๆ ของเจ้าเรียมทั้งสิ้น จะทำลงไปยังไง
เหม่อมองไปอีกฟากหนึ่ง อีเกกับอ้ายเรียวกำลังคลอคู่ลอยฟ่องอยู่กลางน้ำ มันเปนควายเดรจฉานก็ยังรู้รักรู้ปลื้มกันตามประสา หันมามองเจ้าของ―เออ เจ้าเรียมกำลังร้องไห้อยู่หว่างอก ร่ำรำพันถึงทุกยากที่จะต้องประจัญในข้างหน้า ตลอดคลองนี้ไม่มีใครสรวยล้ำไปกว่าเจ้าเรียม จนหนุ่ม ๆ ติดกรอ แต่เจ้าเรียมไม่เล่นกับใคร อุส่าห์ถนอมตัวมามอบรักกับเจ้าขวัญ
เหลือที่เจ้าขวัญจะใจแข็งอีกต่อไป ซบหน้าลงกับหัวเจ้าเรียม น้ำตาไหลหยดลงเส้นผม เจ้าเรียมเมื่อรู้ว่าขวัญร้องไห้ เจ้าก็ยิ่งร้องใหญ่ เจ้าขวัญก็คิดแค้นในวาสนาอาภัพไปต่าง ๆ นี่มันเปนครั้งแรกคนแรกจริง ๆ ที่เห็นน้ำตาอ้ายขวัญ อ้ายหนุ่มตัวยง ลูกทุ่งปลายน้ำ
"พี่ขวัญร้องไห้ พี่ขวัญยังเคืองพ่อกับพี่เริญหรือ อย่าเลย พี่ขวัญ อย่าคิดอาฆาตแกเลย นึกว่าเห็นแก่ฉันเถอะ"
"เปล่าหรอก เรียม พี่เจ็บใจวาสนาของเรา พี่ไม่อาฆาตแกหรอก เพราะแกก็เท่ากับพ่อของพี่เหมือนกัน ถึงอ้ายเริญก็เถอะ พี่อโหสิให้มันแล้ว เพราะเห็นแก่เจ้า"
"จริงหรือ พี่ขวัญ" เจ้าเรียมคยั้นคยอ ไม่ค่อยจะเชื่อ เพราะเคยรู้ฤทธิ์รู้คมเจ้าขวัญมาดี "ถ้างั้นพี่ขวัญก็รักฉันมากเหลือเกิน ใช่ไหมจ๊ะพี่"
"ใช่แท้เทียว เรียมเอ๋ย พี่ไม่เห็นว่าอะไรจะน่ารักไปกว่าเรียมของพี่จริง ๆ" เจ้าลูกผู้ใหญ่บ้านยืนยัน "พี่คิดถึงวันหน้าแล้วก็อยากจะร้องไห้เสียงดัง ๆ พอได้โล่งใจ พี่คิดเผลอไปว่า ถ้าผู้ใหญ่เขาดีกันแล้ว พี่จะให้พ่อแกไปสู่ขอเจ้า แล้วต่อไปเราคงเปนศุขมากทีเดียว เรียม นาของพ่อแกมีถึง ๕๐ ไร่ และพี่ก็เปนลูกคนเดียว ต้องได้หมดทั้งห้าสิบ เช้าไปนา เย็นกลับบ้าน เราเห็นหน้ากันก็เปนศุขจริง ๆ หัวใจของพี่ไม่แส่หาอะไรมากมาย ในน้ำมีปลา ในนามีเข้า และที่บ้านมีเรียมอยู่ พี่ก็แสนสบาย เมื่อพ้นหน้าเกี่ยวหน้าลานแล้ว เราก็มีเงินซื้อทองแต่งเที่ยวงานวัดหรือเข้าบางกอกพออวดเพื่อน ๆ เขาได้ แต่ว่า―เอ๊อ เจ้าก็รู้เห็นอยู่ยังงี้ และจะให้พี่ทำยังไงดีกว่าร้องไห้เล่า เรียมเอ๋ย"
แต่เกิดมาครั้งนี้เปนครั้งแรกที่ต้องใช้ความคิด สติปัญญาและความรอบรู้ของเจ้าขวัญก็เพียงอ่านหนังสือแตก เขียนไม่ค่อยคล่อง แต่เจ้าเรียมได้แต่อ่านออก หากจะเขียนก็ตู่ตัวเต็มทน ฉะนั้น งานนี้จึงเปนงานใหญ่ที่หนักอกสำหรับความคิดของเจ้ารักเจ้างามทั้งคู่
กอดรัดจูบซ้ายจูบขวากันอยู่อีกครู่ใหญ่ เจ้าเรียมก็ระลึกได้ว่า บอกกับพ่อว่าจะพาอีเกมาอาบน้ำเพียงครู่เดียวเท่านั้น จึงชวนขึ้น
"เรากลับกันทีหรือพี่ เพราะนี่มันนานนักแล้ว เดี๋ยวพ่อแกให้พี่เริญมาตามพบเข้าจะเกิดความใหญ่ พรุ่งนี้เราถึงมากันใหม่ และบางทีฉันจะเลยไปที่ศาลจ้าวพ่อด้วย"
"ก็ดีเหมือนกัน" เจ้าขวัญคล้อยตาม มองหน้าสาวตลึงตไลเสียดายที่จะต้องจากกัน "พี่ไม่อยากห่างเรียมเลย เพราะคืนนี้ทั้งคืนจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้มันดูนานราวกะสักปีหนึ่งทีเดียว―เอา ไปก็ไป เรียมเกาะหลังเถอะ พี่จะว่ายไปเอง"
แล้วเจ้าขวัญก็ผละตลิ่งโผออก วาดแขนแหวกน้ำสุด ๆ แร้ ข้อลำ และกล้ามเนื้อที่สร้างขึ้นด้วยหางไถ ว่ายน้ำ และผ่าฟืน ก็วาดไปวักไปอย่างชำนิชำนาญ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรเลยในการที่มีหญิงยอดชีวิตของมันเกาะหลังพ่วงไปทั้งคน พอถึงตลิ่งและขึ้นฝั่งได้ ก็พบอ้ายเรียวกับอีเกกำลังเอื้องหญ้าอ่อนอยู่อย่างเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินใกล้ ๆ กัน