หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖) - ๒๔๖๐.pdf/87

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๐

ยกเข้ามาตั้งอยู่ที่เมืองปราจิณบุรี ให้กองทัพน่ามาตั้งอยู่ที่ปากน้ำโยทกา แล้วแต่งคนลอบเข้ามารับครอบครัวของกรมหมื่นเทพพิพิธ ครั้นกิติศัพท์ปรากฎขึ้นในกรุงว่า กรมหมื่นเทพพิพิธยกกองทัพเข้ามา ก็มีคนนิยมพากันลอบหนีออกไปกับครอบครัวกรมหมื่นเทพพิพิธเปนอันมาก พระยารัตนาธิเบศร์ก็พาสมัคพรรคพวกหนีออกไปอยู่กับกรมหมื่นเทพพิพิธด้วย ด้วยในเวลานั้น ข้างในกรุงอดอยากเสบียงอาหารจนเปนเหตุให้เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม แล้วซ้ำเกิดไฟไหม้ใหญ่โต บ้านเรือนไหม้เสียกว่าหมื่นหลัง การบังคับบัญชาทัพศึกก็รวนเร มีคนหลบหนีออกไปจากพระนครอยู่เสมอ ฝ่ายพม่าทราบว่า กรมหมื่นเทพพิพิธยกกองทัพมา ก็ให้กองทัพพม่ายกออกไปตีกองทัพน่าของกรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งมาตั้งอยู่ปากน้ำโยทกาแตกพ่าย กรมหมื่นเทพพิพิธกับพระยารัตนาธิเบศร์ทราบว่า กองทัพน่าแตกแล้ว ก็ไม่อยู่ต่อสู้พม่าต่อไป พาครอบครัวแลสมัคพรรคพวกพวกหลบหนีขึ้นไปอาไศรยอยู่เมืองนครราชสีมา ไพร่พลที่สมัคมาเข้าด้วยก็กระจัดกระจายไปตามภูมิ์ลำเนาเดิม

เมื่อพม่าเข้าล้อมชิดพระนคร มีเหตุเกิดขึ้นทางทัพพม่า ด้วยมังมหานรธา แม่ทัพข้างใต้ ตาย แต่เหตุที่มังมหานรธาตายนี้กลับเปนโทษแก่ไทย ด้วยแต่ก่อนมา เนเมียวสีหบดีกับมังมหานรธามีอำนาจเสมอกัน กองทัพพม่า ๒ กองไม่สู้กลมเกลียวกันนัก ครั้นมังมหานรธาตาย เนเมียวสีหบดีมีอำนาจบังคับบัญชากองทัพพม่าทั้งสิ้นแต่คนเดียว การรบพุ่งของพม่าจึงพรักพร้อมแขงแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน