หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/119

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๒

ทัพลาวซึ่งยกไปช่วยนั้นหนีกลับมา มิได้บอกกล่าวให้เรารู้ แลบัดนี้ พระยาแสนหลวงคิดอ่านเปนประการใด แลจะกลับแขงเมืองไม่ขึ้นแก่พระนครศรีอยุทธยาจะต่อรบเราฤๅก็ให้เร่งบอกออกมา เราก็จะยกโยธาหาญเข้าแหกหักเอาเมืองให้จงได้ ครั้นพระยาแสนหลวงแจ้งในหนังสือดังนั้นแล้วก็ให้หนังสือตอบออกมายังกองทัพ ในหนังสือนั้นว่า เราทราบว่า ทัพไทยจะยกไปตีเมืองอังวะ ก็คิดว่า จะได้เมืองอังวะอยู่ จึงจัดแจงแต่งกองทัพให้ยกไปช่วย เพื่อจะเอาพระนครศรีอยุทธยาเปนที่พึ่ง แลบัดนี้ ทัพไทยไปตีเมืองอังวะก็ไม่ได้แลกลับล่าถอยมา ฝ่ายเมืองเราสิเปนข้าขอบขัณฑสิมาเมืองอังวะอยู่ก่อน เรากลัวท่านผู้เปนอิศราธิบดีในภุกามประเทศจะแต่งกองทัพยกมาตีเมืองเรา ๆ ก็จะต้านทานมิได้ จึงจะเอาพระเจ้าอังวะเปนที่พึ่งที่พำนักเหมือนแต่ก่อน ถ้าแลกองทัพไทยจะยกมาช่วยเราได้เมื่อขณะพม่าจะมาตีนั้น เราก็จะเปนข้าขัณฑสิมาพระนครศรีอยุทธยา จะเอาพระเดชานุภาพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงไทยเปนที่พึ่งพำนักสืบไป ครั้นแม่ทัพไทยได้แจ้งในหนังสือดังนั้นก็เห็นว่า พระยาแสนหลวงเจ้าเมืองเชียงใหม่จะต่อรบเปนแท้อยู่แล้ว ครั้นเพลากลางคืน ก็ขับพลทหารสองหมื่นเข้าป่ายปีนปล้นเอาเมือง ชาวเมืองรบพุ่งป้องกันรักษาน่าที่เชิงเทินทั้งกลางคืนกลางวันเปนสามารถ กองทัพไทยมิอาจแหกหักเอาเมืองได้ ก็ถอยกลับออกมายังค่าย แต่ยกเข้าปล้นดังนั้นหลายครั้ง รี้พลต้องสาตราวุธชาวเมืองบาดเจ็บล้มตายเปนอันมาก จะปล้นเอาเมืองเชียงใหม่มิได้ นายทัพนายกองทั้งหลายจึงปฤกษาว่า รี้พลเราอดอยากอาหารป่วยเจ็บทุพพลภาพมาแต่เมืองอังวะมากอยู่แล้ว แลบัดนี้ เรามาล้อมเมืองเชียงใหม่กว่าสิบวัน