หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/130

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๙๓

จะเสด็จไปงานพระราชสงครามณเมืองเชียงใหม่ แลให้กองทัพบกยกแยกไปคอยรับเสด็จณเมืองเถิน ครั้นถึงศุภวารมหุติมหันต์อนันตพิไชยฤกษ์ จึ่งพระบาทบรมนารถนารายน์ราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็สอดทรงเครื่องศิริราชอลังการสรรพาภรณ์บวรวิภูสิตสำหรับขัติยราชรณยุทธ ทรงราชาวุธสรรพเสร็จ ก็เสด็จลงสู่เรือพระที่นั่งขจิตรพิมานกาญจนมณีศรีสมรรถไชย อันอำไพด้วยบวรเสวตรฉัตร ขนัดอภิรุมชุมสายพรายพรรณ บังพระสุริยันบังแทรกสลอนสลับ สรรพไปด้วยกรรชิงกลิ้งกลดจามรมาศดาษดา ดูมเหาฬารพันฦก อธึกด้วยกระบี่ธุชธงฉานธงไชย งามไสวไพโรจด้วยเรือดั้งเรือกันแลเรือท้าวพระยาสามนตราชเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายรายเรียงเปนรยะ โดยกระบวนพยุหบาตราน่าหลังพรั่งพร้อมเสร็จ พอได้อุดมฤกษ์เวลา พระโหราธิบดีก็ลั่นฆ้องไชย ราชครูบุริโสดมพรหมพฤฒาจารย์เป่ามหาสังข์ทักษิณาวัฏ เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ดุริยางคดนตรีฆ้องกลองนี่สนั่นบันฦๅลั่นศัพทสำเนียง เสียงพลโยธาหาญโห่สท้านสเทือนนที ให้เคลื่อนเรือพระที่นั่งศรีวรสุพรรณหงษ์อันทรงพระพุทธปฏิมาสมญาพระไชยนั้นไปก่อน แล้วก็ขยายพยุหบาตราคลาเคลื่อนเลื่อนตามกระบวนบรมราชพยุหสงครามไปตามลำดับชลมารคตราบเท่าถึงเมืองเถิน ก็ขึ้นประทับแรมอยู่ที่นั้นคืนหนึ่ง จึงเสด็จทรงช้างพระที่นั่งพังกินรวิหค ยกพยุหบาตราโยธาหาญไปโดยสถลมารควิถีถึงเมืองลำพูน แลให้หยุดกองทัพยับยั้งตั้งตำหนักทัพพลับพลาอยู่ในที่นั้น จึงสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชดำรัศให้มีตราตอบขึ้นไปยังกองทัพว่า ทัพหลวงเสด็จพระราชดำเนินยกขึ้นมาช่วย กองทัพซึ่งล้อมเมืองเชียงใหม่