หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/270

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๓๓

เปนศุข จึงโปรดให้ภาคโทษเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ไว้ครั้งหนึ่ง แต่เจ้าพระยาราชภักดีนั้นให้ลงพระราชอาชญาโบยหลังยี่สิบที ครั้นหลวงราชวังเมืองออกไปนำช้างเข้ามาถึงกรุงเทพมหานครแล้ว จึงพระราชทานขนานนาม พระบรมคชลักษณ อรรคคเชนทร์ วเรนทรสุปดิฐ สิทธิสนธยา มหามงคลวิมลเลิศฟ้า ให้อยู่โรงยอดในพระราชวัง.

ฝ่ายข้างกรุงรัตนบุรอังวะ พระเจ้าอาทิตยนั้นดับสูญทิวงคต พระราชบุตรได้ครองราชสมบัติสืบไปในภุกามประเทศ พระยาหงษาวดีได้ทราบข่าวว่า เมืองอังวะผลัดแผ่นดินใหม่ จึงให้พระยาอุปราชา พระยาทละ ตละปั้น ยกทัพบกทัพเรือขึ้นไปตีเมืองอังวะ เข้าล้อมเมืองไว้ถึงสามปี จึงให้พลทหารเข้าปีนปล้นเอาเมืองได้ จับได้พระเจ้าอังวะแลบุตรภรรยาเสนาอำมาตย์ญาติวงษ์ส่งลงมาเมืองหงษาวดี พระยาอุปราชาจึงให้พระยาทละกับตละปั้นอยู่รักษาเมืองอังวะ แล้วกวาดครอบครัวอพยพพม่าชาวเมืองทั้งปวงกลับไปเมืองหงษาวดี.

ครั้งนั้น พม่าคนหนึ่งชื่อ มังลอง รามัญเรียกว่า อ่องไจยะ เปนนายบ้านมุกโชโปอยู่เหนือเมืองอังวะทางหลายคน มีบุตรชายหกคน บุตรีสามคน มีพรรคพวกทแกล้วทหารเข้มแขงเปนอันมาก ตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมคนสิบสี่สิบห้าบ้าน ได้ไพร่พลประมาณสี่พันห้าพัน.

ฝ่ายพระยาทละกับตละปั้นซึ่งอยู่รักษาเมืองอังวะรู้ว่า มังลองตั้งซ่องสุมพลอยู่ณบ้านมุกโชโป จึงแต่งกองทัพให้ยกไปสองหมื่นไปตีบ้านมุกโชโป มังลองจึงให้ตั้งค่ายด้วยไม้ตาล ให้พลทหารออกสู้รบเปนสามารถ รบกันอยู่ประมาณสิบห้าวัน ทัพรามัญแตกหนีมาเมืองอังวะ แลพม่าหัวเมืองทั้งปวงมาเข้าด้วยมังลองเปนอันมาก มัง