จึงดับได้ แลจึงมีบาญชีเรือนเพลิงไหม้นั้น ๑๐๐๕๐ เรือน ณวัน ๑ ๑๑ ฯ ๒ ค่ำ สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเมืองเชียงใหม่ แลให้พระญาพิศณุโลกเปนทัพหน้า แลยกทัพหลวงเสด็จไปเมืองกำแพงเพ็ชร์ แรมทัพหลวงอยู่ณเมืองกำแพงเพ็ชร์นั้นเดือนหนึ่ง เถิงณวัน ๕ ๖ฯ ๓ ค่ำ เสด็จออกตั้งทัพไชย เถิงณวัน ๑ ๙ฯ ๓ ค่ำ จึงยกทัพหลวงเสด็จไปเมืองเชียงใหม่ แลณวัน ๓ ๓ฯ ๔ ค่ำ ได้เมืองลำพูนไชย วัน ๖ ๑๓ ฯ ๔ ค่ำ มีอุบาทว์ เห็นเลือดติดอยู่ณประตูบ้านแลเรือนแลวัดทั้งปวงในเมืองแลนอกเมืองทั่วทุกตำบล เถิงณวัน ๒ ๑๕ฯ ๔ ค่ำ ยกทัพหลวงเสด็จจากเมืองเชียงใหม่มายังพระนครศรีอยุทธยา.
ศักราช ๙๐๘ มะเมียศก เดือน ๖ นั้น สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้านฤพาน จึงสมเด็จพระเจ้ายอดฟ้าพระราชกุมารท่านเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยา ในปีนั้นแผ่นดินไหว.
ศักราช ๙๑๐ วอกศก วัน ๗ ๕ฯ ๕ ค่ำ เสด็จออกสนาม ให้ชนช้าง แลงาช้างพระญาไฟนั้นหักเปน ๓ ท่อน อนึ่ง อยู่ ๒ วัน ช้างต้นพระฉัททันต์ไล่ร้องเปนเสียงสังข์ อนึ่ง ประตูไพชยนต์ร้องเปนอุบาทว์ เถิงวัน ๑ ๕ฯ ๘ ค่ำ สมเด็จพระเจ้ายอดฟ้าเปนเหตุ จึงขุนชินราชได้ราชสมบัติ ๔๒ วัน แลขุนชินราชแลแม่ญั่วศรีสุดาจันทร์เปนเหตุ จึงเชิญสมเด็จพระเธียรราชาธิราชเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ แลครั้นเสวยราชสมบัติได้ ๗ เดือน พระยาหงษาปังเสวกียกพลมายังพระนครศรีอยุทธยาในเดือน ๔ นั้น เมื่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เจ้าเสด็จออกไปรบศึกหงษานั้น สมเด็จพระองคมเหษี แลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระราชบุตรี เสด็จทรงช้างออกไปโดยเสด็จด้วย แลเมื่อได้รบศึกหงษานั้น ทัพหน้า