กฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
หน้านี้ควรจัดทำเป็นแบบพิสูจน์อักษร เนื่องจากมีต้นฉบับสแกนอยู่ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2527/A/143/10.PDF |
- กฎกระทรวง
- ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2527)
- ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
- พ.ศ. 2522
- ------
- อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 (3) และมาตรา 8 (2) และ (3)
แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
- ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้
- `แรงประลัย' หมายความว่า แรงขนาดที่จะทำให้วัตถุนั้นแตกแยกออก
ห่างจากกันเป็นส่วนหรือทลายเข้าหากัน
- `แรงดึง' หมายความว่า แรงที่จะทำให้วัตถุแยกออกห่างจากกัน
- `แรงอัด' หมายความว่า แรงที่จะทำให้วัตถุทลายเข้าหากัน
- `แรงดัด' หมายความว่า แรงที่จะทำให้วัตถุโค้งหรือโก่งตัว
- `แรงลม' หมายความว่า แรงของลมที่กระทำต่อโครงสร้าง
- `แรงเฉือน' หมายความว่า แรงที่จะทำให้วัตถุขาดออกจากกันดุจกรรไกรตัด
- `แรงดึงประลัย' หมายความว่า แรงดึงขนาดที่จะทำให้วัตถุนั้นแยกออก
ห่างจากกันเป็นส่วน
- `แรงอัดประลัย' หมายความว่า แรงอัดขนาดที่จะทำให้วัตถุนั้นทลายเข้าหากัน
- `แรงอัดประลัยของคอนกรีต' หมายความว่า แรงอัดตามแกนยาวขนาดที่จะ
ทำให้แท่งคอนกรีตทรงกระบอกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร
อายุยี่สิบแปดวันทลายเข้าหากัน
- `หน่วยแรง' หมายความว่า แรงหารด้วยพื้นที่หน้าตัดที่รับแรงนั้น
- `หน่วยแรงพิสูจน์' หมายความว่า หน่วยแรงดึงที่ได้จากการลากเส้นตรง
ที่จุด 0.2 ใน 100 ส่วนของความเครียด ให้ขนานกับส่วนที่เป็นเส้นตรงของเส้น
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยแรงดึงและความเครียดไปตัดกับเส้นนั้น
- `หน่วยแรงฝืด' หมายความว่า หน่วยแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวเข็มกับดิน
- `หน่วยแรงที่ขีดปฏิภาค' หมายความว่า หน่วยแรงที่จุดสูงสุดของส่วนที่เป็น
เส้นตรงของเส้นแสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยแรงและความเครียด
- `ความเครียด' หมายความว่า อัตราส่วนของส่วนยืดหรือส่วนหดของวัสดุ
ที่รับแรงต่อความยาวเดิมของวัสดุนั้น
- `กำลังคราก' หมายความว่า หน่วยแรงดึงที่วัสดุเริ่มยืดโดยไม่ต้องเพิ่ม
แรงดึงขึ้นอีก
- `ส่วนปลอดภัย' หมายความว่า ตัวเลขที่ใช้หารหน่วยแรงประลัยลงให้
ถึงขนาดที่จะใช้ได้ปลอดภัยสำหรับวัสดุที่มีกำลังครากหรือหน่วยแรงพิสูจน์ ให้ใช้
ค่ากำลังครากหรือหน่วยแรงพิสูจน์นั้นแทนหน่วยแรงประลัย
- `น้ำหนักบรรทุกจร' หมายความว่า น้ำหนักที่กำหนดว่าจะเพิ่มขึ้นบนอาคาร
นอกจากน้ำหนักของตัวอาคารนั้นเอง
- `น้ำหนักบรรทุกประลัย' หมายความว่า น้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่กำหนดให้ใช้
ในการคำนวณตามทฤษฎีกำลังประลัย
- `ส่วนต่าง ๆ ของอาคาร' หมายความว่า ส่วนของอาคารที่จะต้องแสดง
รายการคำนวณการรับน้ำหนักและกำลังต้านทาน เช่น แผ่นพื้น คาน เสา และ
รากฐาน เป็นต้น
- `คอนกรีต' หมายความว่า วัสดุที่ประกอบขึ้นด้วยส่วนผสมของปูนซีเมนต์
มวลผสมละเอียด เช่น ทราย มวลผสมหยาบ เช่น หินหรือกรวด และน้ำ
- `คอนกรีตเสริมเหล็ก' หมายความว่า คอนกรีตที่มีเหล็กเสริมฝังภายใน
ให้ทำหน้าที่รับแรงได้มากขึ้น
- `คอนกรีตอัดแรง' หมายความว่า คอนกรีตที่มีเหล็กเสริมอัดแรงฝังภายใน
ที่ทำให้เกิดหน่วยแรงที่มีปริมาณพอจะลบล้างหน่วยแรงอันเกิดจากน้ำหนักบรรทุก
- `เหล็กเสริม' หมายความว่า เหล็กที่ใช้ฝังในเนื้อคอนกรีตเพื่อเสริมกำลังขึ้น
- `เหล็กเสริมอัดแรง' หมายความว่า เหล็กเสริมกำลังสูงที่ใช้ฝังในเนื้อ
คอนกรีตอัดแรง อาจเป็นลวดเส้นเดียว ลวดพันเกลียว หรือลวดเหล็กกลุ่มก็ได้
- `เหล็กข้ออ้อย' หมายความว่า เหล็กเสริมที่มีบั้งและหรือมีครีบที่ผิว
- `เหล็กขวั้น' หมายความว่า เหล็กเสริมที่บิดเป็นเกลียว
- `เหล็กหล่อ' หมายความว่า เหล็กที่มีธาตุถ่านผสมอยู่ตั้งแต่ร้อยละ 2 ขึ้นไป
โดยน้ำหนัก
- `เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ' หมายความว่า เหล็กที่ผลิตออกมามีหน้าตัด
เป็นรูปลักษณะต่าง ๆ ใช้ในงานโครงสร้าง
- `ไม้เนื้ออ่อน' หมายความว่า ไม้ที่ไม่คงทนต่อดินฟ้าอากาศและตัวสัตว์ เช่น
มอด ปลวก เป็นต้น และหรือมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในข้อ 14 เช่น ไม้ยาง หรือ
ไม้ตะแบก เป็นต้น
- `ไม้เนื้อปานกลาง' หมายความว่า ไม้ที่คงทนต่อดินฟ้าอากาศและตัวสัตว์
เช่น มอด ปลวก เป็นต้น ได้ดีตามสภาพอันสมควร และหรือมีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้
ในข้อ 14 เช่น ไม้สน เป็นต้น
- `ไม้เนื้อแข็ง' หมายความว่า ไม้ที่คงทนต่อดินฟ้าอากาศและตัวสัตว์ เช่น
มอด ปลวก เป็นต้น ได้ดีตามสภาพอันสมควร และหรือมีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ใน
ข้อ 14 เช่น ไม้เต็ง หรือไม้ตะเคียนทอง เป็นต้น
- `ดิน' หมายความว่า วัสดุธรรมชาติที่ประกอบเป็นเปลือกโลก เช่น หิน
กรวด ทราย ดินเหนียว เป็นต้น
- `กรวด' หมายความว่า ก้อนหินที่เกิดตามธรรมชาติขนาดโตเกิน 3 มิลลิเมตร
- `ทราย' หมายความว่า ก้อนหินเม็ดเล็กละเอียดที่มีขนาดโตไม่เกิน 3 มิลลิเมตร
- `ดินดาน' หมายความว่า ดินตะกอนของกรวด ทราย ดินเหนียว มีน้ำปูน
เป็นเชื้อประสาน มีลักษณะแข็งยากแก่การขุด
- `หินดินดาน' หมายความว่า หินที่มีเนื้อละเอียดมาก ประกอบด้วยดินเหนียว
หรือทรายอัดตัวแน่นเป็นชั้นบาง ๆ จะมีเชื้อประสานหรือไม่ก็ได้
- `หินปูน' หมายความว่า หินเนื้อแน่นละเอียดทึบมีสีต่าง ๆ กัน ประกอบด้วย
แร่แคลไซท์
- `หินทราย' หมายความว่า หินเนื้อหยาบ ประกอบด้วยเม็ดทรายยึดตัวแน่น
ด้วยเชื้อประสาน
- `หินอัคนี' หมายความว่า หินเนื้อหยาบเกิดจากการเย็นตัวของหินละลาย
ใต้พื้นโลก ประกอบด้วยแร่เฟลด์สปาร์ แร่ควอตซ์ เป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะแข็งแกร่ง
- `เสาเข็ม' หมายความว่า เสาที่ตอกหรือหล่ออยู่ในดินเพื่อรับน้ำหนักบรรทุก
ของอาคาร
- `พื้นผิวประสิทธิผลของเสาเข็ม' หมายความว่า ผลคูณของความยาวของ
เสาเข็มกับความยาวของเส้นล้อมรูปที่สั้นที่สุดของหน้าตัดปกติของเสาเข็มนั้น
- `ฐานราก' หมายความว่า ส่วนของอาคารที่ใช้ถ่ายน้ำหนักอาคารลงสู่ดิน
- `กำลังแบกทานของดิน' หมายความว่า ความสามารถที่ดินจะรับน้ำหนักได้
โดยมีการทรุดตัวขนาดที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคาร
- `กำลังแบกทานของเสาเข็ม' หมายความว่า ความสามารถที่เสาเข็มจะ
รับน้ำหนักได้ โดยมีการทรุดตัวไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้
- `สถาบันที่เชื่อถือได้' หมายความว่า ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลซึ่งมีวิศวกร
ประเภทวุฒิวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธาตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมเป็น
ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาและลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจสอบงานวิศวกรรมควบคุม
- ข้อ 2 อาคารและส่วนต่าง ๆ ของอาคารจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรงพอ
ที่จะรับน้ำหนักตัวอาคารเอง และน้ำหนักบรรทุกที่อาจเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นจริงได้โดยไม่ให้ส่วนใด ๆ ของอาคารต้องรับหน่วยแรง
มากกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ เว้นแต่มีเอกสารแสดงผลการทดสอบความมั่นคง
แข็งแรงของวัสดุที่รับรองโดยสถาบันที่เชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงหน่วยแรงที่
กำหนดไว้ในข้อ 6
- ข้อ 3 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยอิฐหรือคอนกรีตบล็อก
ประสานด้วยวัสดุก่อ ให้ใช้หน่วยแรงอัดได้ไม่เกิน 0.8 เมกาปาสกาล (8 กิโลกรัมแรง
ต่อตารางเซนติเมตร)
- ข้อ 4 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยคอนกรีตไม่เสริมเหล็ก
ให้ใช้หน่วยแรงอัดได้ไม่เกินร้อยละ 33.3 ของหน่วยแรงอัดประลัยของคอนกรีต แต่ต้อง
ไม่เกิน 6 เมกาปาสกาล (60 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- ข้อ 5 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
ตามทฤษฎีอีลาสติกหรือหน่วยแรงปลอดภัย ให้ใช้ค่าหน่วยแรงอัดของคอนกรีตไม่เกิน
ร้อยละ 37.5 ของหน่วยแรงอัดประลัยของคอนกรีต แต่ต้องไม่เกิน 6.5 เมกาปาสกาล
(65 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- ข้อ 6 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
ตามทฤษฎีอีลาสติกหรือหน่วยแรงปลอดภัย เหล็กเสริมคอนกรีตที่ใช้ต้องมีกำลังคราก
ตั้งแต่ 240 เมกาปาสกาล (2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) และให้ใช้
ค่าหน่วยแรงของเหล็กเสริมคอนกรีตได้ไม่เกินอัตราดังต่อไปนี้
- (1) แรงดึง
- (ก) เหล็กเส้นกลมผิวเรียบที่มีกำลังครากตั้งแต่ 240 เมกาปาสกาล
(2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ขึ้นไปให้ใช้ไม่เกิน 120 เมกาปาสกาล
(1,200 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (ข) เหล็กข้ออ้อยที่มีกำลังครากตั้งแต่ 240 เมกาปาสกาล
(2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 350 เมกาปาสกาล
(3,500 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ให้ใช้ร้อยละ 50 ของกำลังคราก
แต่ต้องไม่เกิน 150 เมกาปาสกาล (1,500 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (ค) เหล็กข้ออ้อยที่มีกำลังครากตั้งแต่ 350 เมกาปาสกาล
(3,500 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 400 เมกาปาสกาล
(4,000 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ให้ใช้ไม่เกิน 160 เมกาปาสกาล
(1,600 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (ง) เหล็กข้ออ้อยที่มีกำลังครากตั้งแต่ 400 เมกาปาสกาล
(4,000 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ขึ้นไป ให้ใช้ไม่เกิน 170 เมกาปาสกาล
(1,700 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (จ) เหล็กขวั้น ให้ใช้ร้อยละ 50 ของหน่วยแรงพิสูจน์ แต่ต้องไม่เกิน
240 เมกาปาสกาล (2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ทั้งนี้ จะต้องมี
ผลการทดสอบการดัดเย็นโดยมีสถาบันที่เชื่อถือได้รับรอง
- (2) แรงอัดในเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก
- (ก) เหล็กเส้นกลมผิวเรียบตามเกณฑ์ที่กำหนดใน (1) (ก)
- (ข) เหล็กข้ออ้อย ให้ใช้ร้อยละ 40 ของกำลังคราก แต่ต้องไม่เกิน
210 เมกาปาสกาล (2,100 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (ค) เหล็กขวั้น ให้ใช้ร้อยละ 40 ของกำลังคราก แต่ต้องไม่เกิน
210 เมกาปาสกาล (2,100 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ทั้งนี้ จะต้องมี
ผลการทดสอบการดัดเย็นโดยมีสถาบันที่เชื่อถือได้รับรอง
- (ง) เสาแบบผสมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ให้ใช้ไม่เกิน
125 เมกาปาสกาล (1,250 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (จ) เหล็กหล่อ ให้ใช้ไม่เกิน 70 เมกาปาสกาล (700 กิโลกรัมแรง
ต่อตารางเซนติเมตร)
- (3) ในการคำนวณคานและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้เหล็กเสริมรับแรงอัด
ให้ใช้หน่วยแรงของเหล็กเสริมรับแรงอัดที่คำนวณได้ตามทฤษฎีอีลาสติกหรือหน่วยแรง
ปลอดภัยได้ไม่เกินสองเท่า แต่หน่วยแรงที่คำนวณได้ต้องไม่เกินหน่วยแรงดึงตาม (1)
- ข้อ 7 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กตามทฤษฎี
กำลังประลัย ให้ใช้น้ำหนักบรรทุกประลัย ดังต่อไปนี้
- (1) สำหรับส่วนของอาคารที่ไม่คิดแรงลม ให้ใช้น้ำหนักบรรทุกประลัย ดังนี้
- นป. = 1.7 นค.+ 2.0 นจ.
- (2) สำหรับส่วนของอาคารที่คิดแรงลมด้วยให้ใช้น้ำหนักบรรทุกประลัย ดังนี้
- นป. = 0.75 (1.7 นค.+ 2.0 นจ.+ 2.0 รล.)
- หรือ
- นป. = 0.9 นค.+ 1.3 รล.
- โดยให้ใช้ค่าน้ำหนักบรรทุกประลัยที่มากกว่า แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่า
ค่าน้ำหนักบรรทุกประลัยใน (1) ด้วย
- นป. = น้ำหนักบรรทุกประลัย
- นค. = น้ำหนักบรรทุกคงที่ของอาคาร
- นจ. = น้ำหนักบรรทุกจร รวมด้วยแรงกระแทก
- รล. = แรงลม
- ข้อ 8 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กตามทฤษฎี
กำลังประลัย ให้ใช้ค่าหน่วยแรงอัดประลัยของคอนกรีตไม่เกิน 15 เมกาปาสกาล
(150 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- ข้อ 9 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กตามทฤษฎี
กำลังประลัย ให้ใช้กำลังครากของเหล็กเสริม ดังต่อไปนี้
- (1) เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ ให้ใช้ไม่เกิน 240 เมกาปาสกาล
(2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (2) เหล็กเสริมอื่น ให้ใช้เท่ากำลังครากของเหล็กชนิดนั้น แต่ต้องไม่เกิน
400 เมกาปาสกาล (4,000 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- ข้อ 10 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารคอนกรีตอัดแรงตามทฤษฎี
กำลังประลัย ให้ใช้น้ำหนักบรรทุกประลัยเช่นเดียวกับข้อ 7
- ข้อ 11 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารคอนกรีตอัดแรงให้ใช้ค่าหน่วย
แรงอัดของคอนกรีต ดังต่อไปนี้
- (1) หน่วยแรงอัดในคอนกรีตชั่วคราวทันทีที่ถ่ายแรงมาจากเหล็กเสริมอัดแรง
ก่อนการเสื่อมสูญการอัดแรงของคอนกรีต ต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของหน่วยแรงอัด
ประลัยของคอนกรีต
- (2) หน่วยแรงอัดที่ใช้ในการคำนวณออกแบบหลังการเสื่อมสูญการอัดแรงของ
คอนกรีต ต้องไม่เกินร้อยละ 40 ของหน่วยแรงอัดประลัยของคอนกรีต
- ข้อ 12 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยคอนกรีตอัดแรง
ให้ใช้ค่าหน่วยแรงดึงของเหล็กเสริมอัดแรง ดังต่อไปนี้
- (1) หน่วยแรงขณะดึงต้องไม่เกินร้อยละ 80 ของหน่วยแรงดึงประลัยของ
เหล็กเสริมอัดแรง หรือร้อยละ 90 ของหน่วยแรงพิสูจน์ แล้วแต่ค่าใดจะน้อยกว่า
- (2) หน่วยแรงในทันทีที่ถ่ายแรงไปให้คอนกรีตต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของ
หน่วยแรงดึงประลัยของเหล็กเสริมอัดแรง
- (3) หน่วยแรงใช้งานต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของหน่วยแรงดึงประลัย หรือ
ร้อยละ 80 ของหน่วยแรงพิสูจน์ของเหล็กเสริมอัดแรง แล้วแต่ค่าใดจะน้อยกว่า
- ข้อ 13 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยเหล็กโครงสร้าง
รูปพรรณ ให้ใช้ค่าหน่วยแรงของเหล็ก ดังต่อไปนี้
- (1) ในกรณีที่ไม่มีผลการทดสอบกำลังสำหรับเหล็กหนาไม่เกิน 40 มิลลิเมตร
ให้ใช้กำลังครากไม่เกิน 240 เมกาปาสกาล (2,400 กิโลกรัมแรงต่อตาราง
เซนติเมตร) สำหรับเหล็กซึ่งหนาเกิน 40 มิลลิเมตร ให้ใช้กำลังครากไม่เกิน
220 เมกาปาสกาล (2,200 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
- (2) หน่วยแรงดึง แรงอัด และแรงดัด ให้ใช้ไม่เกินร้อยละ 60 ของ
กำลังครากตาม (1)
- (3) หน่วยแรงเฉือน ให้ใช้ไม่เกินร้อยละ 40 ของกำลังครากตาม (1)
- ข้อ 14 ในการคำนวณส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ประกอบด้วยไม้ชนิดต่าง ๆ
ให้ใช้ค่าหน่วยแรงไม่เกินอัตรา ดังต่อไปนี้
+----------+----------+----------+-----------
- |หน่วยแรงดัด |หน่วยแรงอัด |หน่วยแรงอัด |หน่วยแรงเฉือน
- | และแรงดึง | ขนานเสี้ยน | ขนานเสี้ยน | ขนานเสี้ยน
- ชนิดไม้ |เมกาปาสกาล|เมกาปาสกาล|เมกาปาสกาล|เมกาปาสกาล
- |(กิโลกรัมแรง|(กิโลกรัมแรง|(กิโลกรัมแรง|(กิโลกรัมแรง
- | ต่อตาราง | ต่อตาราง | ต่อตาราง | ต่อตาราง
- |เซนติเมตร) |เซนติเมตร) |เซนติเมตร) |เซนติเมตร)
+----------+----------+----------+-----------
(1) ไม้เนื้ออ่อน| 8 (80) | 6 (60) | 1.6 (16) | 0.8 (8)
(2) ไม้เนื้อ | | | |
- ปานกลาง | 10 (100) | 7.5 (75) | 2.2 (22) | 1 (10)
(3) ไม้เนื้อแข็ง| 12 (120) | 9 (90) | 3 (30) | 1.2 (12)
+----------+----------+----------+-----------
- ในกรณีที่มีผลการทดสอบของไม้ ให้ใช้ส่วนปลอดภัยโดยใช้กำลังไม่เกิน
1 ใน 8 ของหน่วยแรงดัดประลัย หรือไม่เกิน 1 ใน 6 ของหน่วยแรงที่ขีดปฏิภาค
แล้วแต่ค่าใดจะน้อยกว่า
- ข้อ 15 หน่วยน้ำหนักบรรทุกจรสำหรับประเภทและส่วนต่าง ๆ ของอาคาร
นอกเหนือจากน้ำหนักของตัวอาคารหรือเครื่องจักรหรืออุปกรณ์อย่างอื่น ให้คำนวณ
โดยประมาณเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าอัตรา ดังต่อไปนี้
+-----------
- | หน่วยน้ำหนัก
- ประเภทและส่วนต่าง ๆ ของอาคาร | บรรทุกจร
- | เป็นกิโลกรัม
- |ต่อตารางเมตร
+-----------
(1) หลังคา | 30
(2) กันสาดหรือหลังคาคอนกรีต | 100
(3) ที่พักอาศัย โรงเรียนอนุบาล ห้องน้ำ ห้องส้วม | 150
(4) ห้องแถว ตึกแถวที่ใช้พักอาศัย อาคารชุด หอพัก |
- โรงแรม และห้องคนไข้พิเศษของโรงพยาบาล | 200
(5) สำนักงาน ธนาคาร | 250
(6) (ก) อาคารพาณิชย์ ส่วนของห้องแถว ตึกแถวที่ใช้ |
- เพื่อการพาณิชย์ มหาวิทยาลัย วิทยาลัย |
- โรงเรียน และโรงพยาบาล | 300
- (ข) ห้องโถง บันได ช่องทางเดินของอาคารชุด |
- หอพัก โรงแรม สำนักงาน และธนาคาร | 300
(7) (ก) ตลาด อาคารสรรพสินค้า หอประชุม |
- โรงมหรสพ ภัตตาคาร ห้องประชุม ห้องอ่าน |
- หนังสือในห้องสมุดหรือหอสมุด ที่จอดหรือเก็บ |
- รถยนต์นั่งหรือรถจักรยานยนต์ | 400
- (ข) ห้องโถง บันได ช่องทางเดินของอาคารพาณิชย์|
- มหาวิทยาลัย วิทยาลัย และโรงเรียน | 400
(8) (ก) คลังสินค้า โรงกีฬา พิพิธภัณฑ์ อัฒจันทร์ |
- โรงงานอุตสาหกรรม โรงพิมพ์ ห้องเก็บ |
- เอกสารและพัสดุ | 500
- (ข) ห้องโถง บันได ช่องทางเดินของตลาด อาคาร|
- สรรพสินค้า หอประชุม โรงมหรสพ ภัตตาคาร |
- ห้องสมุดหรือหอสมุด | 500
(9) ห้องเก็บหนังสือของห้องสมุดหรือหอสมุด | 600
(10) ที่จอดหรือเก็บรถยนต์บรรทุกเปล่า | 800
+-----------
- ข้อ 16 ในการคำนวณออกแบบ หากปรากฏว่าพื้นที่ส่วนใดต้องรับน้ำหนัก
เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ หรือหน่วยน้ำหนักบรรทุกจรอื่น ๆ ที่มีค่ามากกว่าหน่วย
น้ำหนักบรรทุกจรซึ่งกำหนดไว้ในข้อ 15 ให้ใช้หน่วยน้ำหนักบรรทุกจรค่าที่
มากกว่าเฉพาะส่วนที่ต้องรับหน่วยน้ำหนักเพิ่มขึ้น
- ข้อ 17 ในการคำนวณออกแบบโครงสร้งอาคาร ให้คำนึงถึงแรงลมด้วย
หากจำเป็นต้องคำนวณและไม่มีเอกสารที่รับรองโดยสถาบันที่เชื่อถือได้ ให้ใช้
หน่วยแรงลม ดังต่อไปนี้
+----------------
- |หน่วยแรงลมอย่างน้อย
- ความสูงของอาคารหรือส่วนของอาคาร |กิโลปาสกาล(กิโลกรัม
- |แรงต่อตารางเมตร
+----------------
(1) ส่วนของอาคารที่สูงไม่เกิน 10 เมตร | 0.5 (50)
(2) ส่วนของอาคารที่สูงเกิน 10 เมตร แต่ไม่เกิน |
- 20 เมตร | 0.8 (80)
(3) ส่วนของอาคารที่สูงเกิน 20 เมตร แต่ไม่เกิน |
- 40 เมตร | 1.2 (120)
(4) ส่วนของอาคารที่สูงเกิน 40 เมตร | 1.6 (160)
+----------------
- ในการนี้ยอมให้ใช้ค่าหน่วยแรงที่เกิดขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของอาคาร
ตลอดจนความต้านทานของดินใต้ฐานรากเกินค่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้
ได้ร้อยละ 33.3 แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของอาคารนั้นมีความมั่นคง
น้อยไปกว่าเมื่อคำนวณตามปกติโดยไม่คิดแรงลม
- ข้อ 18 น้ำหนักบรรทุกบนดินที่ฐานรากของอาคารนั้น ต้องคำนวณให้
เหมาะสมเพื่อความมั่นคงและปลอดภัย ถ้าไม่มีเอกสารที่รับรองโดยสถาบันที่
เชื่อถือได้แสดงผลการทดลองหรือการคำนวณ จะต้องไม่เกินกำลังแบกทาน
ของดินประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- (1) ดินอ่อนหรือดินถมไว้แน่นตัวเต็มที่ 2 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (2) ดินปานกลางหรือทรายร่วน 5 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (3) ดินแน่นหรือทรายแน่น 10 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (4) กรวดหรือดินดาน 20 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (5) หินดินดาน 25 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (6) หินปูนหรือหินทราย 30 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- (7) หินอัคนีที่ยังไม่แปรสภาพ 100 เมตริกตันต่อตารางเมตร
- ข้อ 19 ในการคำนวณน้ำหนักที่ถ่ายลงเสา คาน หรือโครงที่รับเสา
และฐานราก ให้ใช้น้ำหนักของอาคารเต็มอัตรา ส่วนหน่วยน้ำหนักบรรทุกจร
ให้ใช้ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 15 โดยให้ลดส่วนลงได้ตามชั้นของอาคาร
ดังต่อไปนี้
+------------------
- |อัตราการลดหน่วยน้ำหนัก
- การรับน้ำหนักของพื้น |บรรทุกจรบนพื้นแต่ละชั้น
- | เป็นร้อยละ
+------------------
(1) หลังคาหรือดาดฟ้า | 0
(2) ชั้นที่หนึ่งถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 0
(3) ชั้นที่สองถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 0
(4) ชั้นที่สามถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 10
(5) ชั้นที่สี่ถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 20
(6) ชั้นที่ห้าถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 30
(7) ชั้นที่หกถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า | 40
(8) ชั้นที่เจ็ดถัดจากหลังคาหรือดาดฟ้า |
- และชั้นต่อลงไป | 50
+------------------
- สำหรับโรงมหรสพ ห้องประชุม หอประชุม ห้องสมุด หอสมุด พิพิธภัณฑ์
อัฒจันทร์ คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม อาคารจอดหรือเก็บรถยนต์หรือ
รถจักรยานยนต์ ให้คิดหน่วยน้ำหนักบรรทุกจรเด็มอัตราทุกชั้น
- ข้อ 20 ในการคำนวณฐานรากบนเสาเข็มที่ตอกในชั้นดินอ่อน ถ้าไม่มี
เอกสารจากสถาบันที่เชื่อถือได้แสดงผลการทดสอบคุณสมบัติของดินและกำลัง
แบกทานสูงสุดของเสาเข็ม ให้ใช้ค่าหน่วยแรงฝืดของดินดังนี้
- (1) สำหรับดินที่อยู่ในระดับลึกไม่เกิน 7 เมตร ใต้ระดับน้ำทะเลปานกลาง
ให้ใช้ค่าหน่วยแรงฝืดของดินได้ไม่เกิน 6 กิโลปาสกาล (600 กิโลกรัมแรง
ต่อตารางเมตร) ของพื้นผิวประสิทธิผลของเสาเข็ม
- (2) สำหรับดินที่มีความลึกเกิน 7 เมตร ใต้ระดับน้ำทะเลปานกลาง
ให้คำนวณหาค่าหน่วยแรงฝืดของดินเฉพาะส่วนที่ลึกเกิน 7 เมตรลงไป ตาม
สูตรดังต่อไปนี้
- หน่วยแรงฝืดเป็นกิโลกรัมแรงต่อตารางเมตร = 600 + 220 ย.
- ย. = ความยาวของเสาเข็มเป็นเมตร เฉพาะส่วนที่ลึกเกิน 7 เมตร
- ใต้ระดับน้ำทะเลปานกลาง
- ข้อ 21 ในการคำนวณฐานรากบนเสาเข็มที่มีเอกสารจากสถาบันที่
เชื่อถือได้แสดงผลการทดสอบคุณสมบัติของดิน หรือมีการทดสอบหากำลังแบกทาน
ของเสาเข็มในบริเวณก่อสร้างหรือใกล้เคียง ให้ใช้กำลังแบกทานของเสาเข็ม
ไม่เกินอัตรา ดังต่อไปนี้
- (1) กำลังแบกทานของเสาเข็มที่คำนวณจากการทดสอบคุณสมบัติของดิน
ให้ใช้กำลังแบกทานได้ไม่เกินร้อยละ 40 ของน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
- (2) กำลังแบกทานของเสาเข็มที่ได้จากการทดสอบให้ใช้กำลังแบกทาน
ได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
- ข้อ 22 ในการทดสอบกำลังแบกทานของเสาเข็ม อัตราการทรุดตัวและ
การทรุดตัวของเสาเข็มเมื่อรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดจะต้องอยู่ในเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- (1) การทรุดตัวทั้งหมดของเสาเข็มจากรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด แล้วปล่อย
ทิ้งไว้เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 25 มิลลิเมตร
- (2) อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยของเสาเข็มหลังจากรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
แล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 0.25 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง
- (3) การทรุดตัวสุทธิของเสาเข็มหลังจากปล่อยให้รับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วคลายน้ำหนักบรรทุกจนหมดปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รบกวน
อีกยี่สิบสี่ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 6 มิลลิเมตร
- ให้ไว้ ณ วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2527
- พลเอก สิทธิ จิรโรจน์
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่
มาตรา 8 (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. 2522
กำหนดให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารมีอำนาจออก
กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทน ตลอดจนลักษณะ
และคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือซ่อมแซมอาคาร และ
การรับน้ำหนัก ความต้านทานและความคงทนของอาคารหรือพื้นดินที่รองรับ
อาคาร จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"