กฎหมายเมืองไทย/เล่ม 2/เรื่อง 9
๏จะกล่าวมูลคดีวิวาทอันบังเกิดความแก่กัน ด้วยล่วงเกินข่มเหงผู้อื่นด้วยอุบายต่าง ๆ ตามอาญาแห่งตนเอง คือ กุมเกาะเบาะแชลงถูลากเอาท่านผู้อื่นมาทุบถองทำโภยโบยตีจำจอง ต้องบาฬีมีในพระธรรมสาตราว่า ปะรัมปะสัยโหปิจะอัตตะอาณัมม์ เปนต้นดังนี้ มีอรรถาธิบายดังพรรณนามาแล้ว แต่นี้จะสืบสาขะคดีกิ่งความตามพระราชบัญญัติซึ่งโบราณราชกระษัตริยคำนึงตามพระธรรมสาตรอันเปนบทมาตราดังนี้
๏ศุภมัศดุ ๑๙๐๓ ปีจอนักษัตร ตรีศก อาสุชมาเส สุกปักเข เอกาทัศมีดิถียัง อาทิตยวาร พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้ารามาธิบดีศรีสุนธรบรมจักรพรรตราธิราชพระเจ้าอยู่หัวมีพระไทยเมตาแก่ประชาราษฎรทั้งปวง จึ่งทรงพระราชบัญญัติจัดเปนพระราชกฤษฎีกากำหนดเปนมาตราไว้ดังนี้ ๚ะ
๓๐๏มาตราหนึ่ง ข้าหนีเจ้ากู้นี่ถือสีนทรัพยติดพันธกันหนีไปซุ่มซ่อนอยู่แห่งใด ๆ เจ้านี่เจ้าข้าไปภบปะเข้า ท่านมิให้เกาะกุมเอาเอง ท่านให้อายัดไว้แก่นายบ้านร้อยแขวงกรมการ แล้วให้มีโฉนดฎีกาไปเรียกเอา ถ้าหาผู้รับอายัดไม่ ให้ส่งยังแขวง แลแพ่งให้ตราคำมันไว้ จึ่งให้หาความกันโดยกระทรวง ถ้าภบมันที่กลางทาง ให้ถามถึงที่อยู่ จึ่งเอาตัวมันไปอายักไว้ที่นั่น ถ้ามันมิบอก ให้ภามายังพระสุภาวดี ให้ตราคำมันไว้เปนคำนับ ถ้าเจ้านี่เจ้าข้ามิได้บอกแก่ร้อยแขวงแลสุภาจ่าเมือง แลบังอาจยื้อชักเอามันไปจำจองไว้ณบ้านเรือนโดยพลการเอง ท่านว่าเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์ ๚ะ
๓๑๏มาตราหนึ่ง ช้างม้าโคกระบือเรือเกวียนแลสิ่งของอันใด ๆ หายไป แลตนภบช้างม้าโคกระบือสิ่งของ ๆ ตนในที่ใด มิได้อายัดไว้ แลตนยื้อชักจับกุมเขนเอาไปไว้ณบ้านเรือนเอง แล้วจึ่งเอาไปอายัดแก่ตระลาการ จึ่งทำหนังสือฟ้อง ท่านว่าผู้นั้นเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์เปนพิไนยหลวง ๚ะ
๓๒๏มาตราหนึ่ง ยื้อชักเกาะกุมผู้คนไปถึงบ้านเรือน ถึงกลางทาง แลปล่อยผู้คนนั้นมา ท่านว่าอย่าเอาเปนอาญาเลย เพราะว่ากลัวอาญาจึ่งปล่อยมา ถ้ายื้อชักเกาะกุมไปถึงบ้านเรือนแล้วจำไว้ให้มีนายประกันก็ดี คุมไว้ก็ดี ท่านให้เอาเปนอาญา ๚ะ
๓๓๏มาตราหนึ่ง ทาษลูกนี่ทรัพยสิ่งสีนติดค้างกัน ถ้าลูกนี่อยู่หัวเมืองใด ๆ ก็ดี ให้เจ้านี่ไปร้องฟ้องเรียกหาเอาณหัวเมืองนั้น ถ้าเจ้านี่มิได้ร้องฟ้อง คิดอ่านไปเกาะกุมยื้อชักเอาลูกนี่มาว่ากล่าวเอาเอง ท่านว่าเจ้านี่เลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์เปนพิไนยหลวง ๚ะ
๓๔๏มาตราหนึ่ง ทวยราษฎรฟ้องร้องทุกขว่าผู้ใหญ่ข่มเหงผู้น้อย ถ้าตีถองจำจองฉ้อประบัดเอาพัศดุทองเงินแลข่มเหงด้วยประการใด ๆ ก็ดี ให้รับทุกขรับฟ้องของมัน ให้ว่ากล่าวให้แก่มัน ถ้าผู้รับฟ้องมิรับฟ้องร้องทุกขของมัน ท่านว่าผู้รับฟ้องเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์เปนพิไนยหลวง
๓๕๏มาตราหนึ่ง ผู้ร้องฟ้องในกรมใด ๆ แลผู้ต้องคดีนั้นมิได้ออกมาแก้คดีตามเขากล่าวหา แลมันบังอาจไปเกาะกุมยื้อชักเอาเขาผู้ฟ้องมันนั้นไปทำโทษโบยรันด่าตีทำข่มเหงด้วยประการใดก็ดี ท่านว่ามันผู้นั้นทำเลมิดทำเหนือหนังสือร้อง ให้ไหมทวีคูณเปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง
๓๖๏มาตราหนึ่ง ผู้ใดบังอาจสามหาวขึ้งเคียดจะฟันจะแทงจะตีท่านแลจะฟันแทงท่านนั้นมิได้ ขัดใจตนไปฟันกล้วยฟันอ้อยแลผลพฤกษแลฟันรั้วเรือนทลายเรือนเอาไม้ค้อนก้อนดินทิ้งขว้างทุ่มซัดเรือนท่าน ท่านว่าผู้นั้นคือคนร้าย ให้ไหมโดยทำแก่ท่านเปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง แล้วให้ไหมเปนข้อเลมิดลาหนึ่งโดยยศถาเปนพิไนยหลวง เพราะว่าท่านมิให้มีคนร้ายในแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัว ๚ะ
๓๗๏มาตราหนึ่ง ท่านหาผิดมิได้ ไปเกาะกุมเอาท่านมาพิจารณาว่ากล่าวลงเอาพัศดุเงินทองร่ำเรียนพิททูลให้เขาต้องตีโบยจำจอง ผู้ใดทำดังนี้ ท่านว่าผู้นั้นเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์ แลให้ไหมโดยตีด่าจำจองตามพระราชกฤษฎีกา ๚ะ
๓๘๏มาตราหนึ่ง มัดท่านด้วยเชือกด้วยไม้ด้วยหวายแลตีด้วยหวายแลลวดหนังก็ดี ท่านว่าผู้นั้นเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์เปนพิไนยหลวง แล้วให้ไหมโดยมัดผูกจำจองนั้นอีกโสดหนึ่งเปนสีนไหมกึ่งเปนพิไนยกึ่ง
๓๙๏มาตราหนึ่ง ผู้ใดขว้างไม้ค้อนก้อนดินก้อนอิฐในเวลากลางคืนต้องเรือนท่าน ให้ไหมเปนข้อเลมิดโดยยศถาศักดิ์ ถ้าขว้างกลางวันต้องเรือนท่าน ให้ไหมทำเปนสามส่วน ยกเสียสองส่วนเอาแต่ส่วนหนึ่ง ตามบันดาศักดิ์ ๚ะ
๔๐๏มาตราหนึ่ง สู่ฃอลูกสาวท่านหลานสาวท่าน ท่านให้แล้วยังมิได้แต่งงาน ชายกุมเกาะเบาะแชลงถูลากเอาหญิงนั้นไป ท่านว่าชายนั้นเลมิด ให้ทวนชายต้นเหตุนั้น ๓๐ ที พวกเพื่อนคล ๑๕ ที ถ้ามีบาดเจ็บ ให้ไหมอีกลาหนึ่ง ๚ะ
๔๑๏มาตราหนึ่ง ท่านหาความร้ายมิได้ ใส่กลแก่ท่านว่าทำร้ายแก่ตนด้วยประการใด ๆ ก็ดี แลกุมเกาะท่านมาไต่ถามเองก็ดี มาส่งให้สุภาตระลาการพิจารณาก็ดี ท่านว่าเลมิด ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์เปนพิไนยหลวง ๚ะ
๔๒๏มาตราหนึ่ง ข้าหนีเจ้า ๆ ข้าไปตามภบเข้า เอาตัวใส่สังขลิกบัญชรมาส่งให้แก่ตระลาการก็ดี เขาเอาไว้ใส่สอยก็ดี ท่านว่าจะเอาเจ้าเงินนั้นเปนอาญามิได้ ๚ะ
๔๓๏มาตราหนึ่ง ผู้ใดเปนความกันด้วยไพร่หมู่ พระสุรัศวดียังพิจารณาอยู่ ฝ่ายข้างหนึ่งเกาะเอาคนในฟ้องนั้นไปจำจองมัดผูกตีโบยทำโทษด้วยประการใดก็ดี เอาไปศักเข้าหมู่เสียก็ดี ท่านว่าผู้นั้นเลมิด มันบังอาจทำเหนือฟ้อง ให้ไหมโดยยศถาศักดิ์ตามพระราชกฤษฎีกา
๔๔๏มาตราหนึ่ง ผู้ใดมาฟ้องกฎหมายว่ามีผู้ให้สารกรมธรรมแลหนังสือสัญญาจำนำสำคัญแก่มัน มันเอามาให้เรียกยังสุภาตระลาการ ๆ เกาะได้ตัวลูกนี่มาพิจารณา ถ้าเปนสัตย ท่านให้เรียกเอาทรัพย์นั้นให้แก่มัน ถ้าเจ้านี่มิให้สารกรมธรรม แลมันมาให้เรียก ท่านว่ามันผู้นั้นเลมิด ให้ทวนด้วยไม้หวาย ๓๐ ที แล้วให้เอาทุนในเอกสารตั้งไหมทวีคูณ ยกทุนให้แก่เจ้าของ เหลือนั้นเอาเปนพิไนยหลวง ๚ะ
๔๕๏มาตราหนึ่ง ผู้พิจารณาความในกรมใด ๆ กรมนั้น ๆ พิจารณาความมิเลอียด แลพิจารณาไม่ต้องในคำหาคำให้การ แลพิจารณาความเหลือขาดผิดสำนวน คู่ความติดใจทุเลาท้วงติง ผู้พิจารณามิรับว่ามิเปนทุเลา เมื่อเอามาพิจารณาพิภาคษาได้ความว่าคู่ความทุเลาท้วงติงนั้นชอบ ให้ไหมผู้พิจารณาซึ่งมิรับทุเลาเขานั้นเปนข้อเลมิดโดยยศถาศักดิ์
๔๖๏มาตราหนึ่ง ฝูงทวยราษฎรทั้งหลายตีด่ายื้อชักผลักไสกัน สิ่งสีนพรัดพรายตกหาย แลมาร้องฟ้องท่านให้พระสุภาวดีพิจารณาดู ถ้าสีนนั้นตกหาย จึ่งให้ผู้ยื้อชักใช้กึ่งหนึ่ง ถ้าสีนหายนั้นน้อย มันว่าหายมาก ท่านให้พิจารณจงถ่องแท้ ได้เท่าใดให้เสียกึ่งหนึ่ง ถ้ามันหาสีนมิได้ มันแกล้งกล่าวเท็จ มันมักได้เท่าใด ให้มันเสียเท่านั้น ถ้าตกหายหาสลักสำคัญมิได้ จะว่าดั่งฤๅมิได้เลย ๚ะ
๔๗๏มาตราหนึ่ง ผู้ใดปองร้ายท่าน ทำท่านมิได้ จ้างคนอื่นให้ไปทำร้ายท่านด้วยประการสิ่งใด ๆ ก็ดี ท่านมิตาย แต่ว่าลำบากมีบาดแผลเสียโฉม ท่านให้ไหมเท่าตายด้วยศักดิ์เหล็ก ๚ะ
๏ศิริบททรงชำระใหม่ได้บทในอาญาหลวง ๑๓๐ มาตรา ๚ะ
๏บทในอาญาราษฎร ๒๐ มาตรา เปน ๑๕๐ มาตราด้วยกันเท่านี้