ข้ามไปเนื้อหา

กฎเสนาบดีกระทรวงวัง ว่าด้วยการจดทะเบียนฯ ว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก ๒๔๕๗

จาก วิกิซอร์ซ

กฎเสนาบดีกระทรวงวัง ว่าด้วยการจดทะเบียนแลระเบียบน่าที่ตามความในกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗

ด้วยตามความในกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงวังเปนน่าที่ออกกฎข้อบังคับประกอบ และเมื่อกฎหรือข้อบังคับนั้น ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประกาศโฆษนาแล้ว ให้นับว่าเปนส่วนหนึ่งแห่งกฎมณเฑียรบาลนั้น

บัดนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี เสนาบดีกระทรวงวังตรากฎขึ้นไว้ดังนี้

ข้อ ๑) ตำแหน่งนายทะเบียนใหญ่สำหรับในพระราชสำนักทั่วไปนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มหาเสวกตรี พระยาอภัยรณฤทธิ์ เปนนายทะเบียนใหญ่ ส่วนสถานที่ทำการนั้นให้รวมอยู่ที่กรมทะเบียนกระทรวงวังในพระบรมมหาราชวัง

ข้อ ๒) กำหนดเวลาจดทะเบียนนั้น ให้บรรดาเจ้าพนักงานทะเบียนตามซึ่งผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุดในกรมต่าง ๆ จะได้จัดตั้งขึ้นตามความในมาตรา ๘ เปนน่าที่คอยรับจดทะเบียนบรรดาข้าราชการในกรมนั้น ๆ แต่วันประกาศใช้กฎนี้เปนต้นไป ส่วนระเบียบการที่เจ้าพนักงานทะเบียนกรมต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติอย่างไรนั้น ให้เปนน่าที่ของผู้บังคับบัญชาแห่งกรมนั้น ๆ จะส่งเจ้าพนักงานทะเบียนประจำกรมของตนมารับคำชี้แจงแนะนำจากนายทะเบียนใหญ่ตามเวลาที่ควร ซึ่งนายทะเบียนใหญ่จะได้นัดหมาย และเมื่อนายทะเบียนได้ชี้แจงคำแนะนำไปประการใด ให้บรรดาเจ้าพนักงานทะเบียนกรมนั้นเชื่อฟังและปฏิบัติการตามจงทุกประการ เหมือนหนึ่งผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตน และดำเนินการเปนระเบียบอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วไป

ข้อ ๓) สมุดสำหรับจดทะเบียนครอบครัวและเคหะสถานนั้นให้ใช้ตามแบบ ว.๑ ซึ่งมีอยู่ข้างท้ายกฎนี้ และให้เปนน่าที่นายทะเบียนใหญ่จะจำหน่ายสมุดให้แก่เจ้าพนักงานทะเบียนกรมต่าง ๆ เปนกำหนดกรมละ ๒ เล่ม คือสำหรับให้เก็บเปนหลักฐานที่กรมนั้น ๆ เล่มหนึ่ง และสำหรับที่จะได้คัดสำเนาส่งให้นายทะเบียนใหญ่เล่มหนึ่ง ส่วนวิธีที่จะต้องจดอย่างไรนั้น ให้เปนน่าที่นายทะเบียนใหญ่จะวางกำหนดให้เปนระเบียบเรียบร้อย

ข้อ ๔) บรรดาข้าราชการในพระราชสำนักที่มีครอบครัวและเคหะสถานอยู่แล้วเมื่อประกาศใช้กฎมณเฑียรบาลนี้ ให้รีบไปจดทะเบียนยังเจ้าพนักงานในกรมที่ตนสังกัดให้แล้วเสร็จภายในกำหนด ๓ เดือนนับแต่วันที่ประกาศใช้กฎนี้เปนต้นไป เมื่อพ้นเขตร์วันที่ ๓๑ ตุลาคม พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ไปแล้ว ให้เปนอันหมดเขตร์ที่จะรับจดทะเบียน แล้วให้เจ้าพนักงานทะเบียนกรมต่าง ๆ รวมสำเนาทะเบียนส่งยังนายทะเบียนใหญ่ให้สิ้นเชิง อนึ่งเมื่อต่อไปมีการเปลี่ยนแปลงประการใด ก็ให้เจ้าพนักงานทะเบียนกรมนั้น ๆ ทำการติดต่อรายงานให้นายทะเบียนใหญ่ทราบเสมอไปภายในกำหนด ๗ วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อนายทะเบียนใหญ่จะได้แก้ไขทะเบียนให้เปนที่ถูกต้อง

ข้อ ๕) บรรดาข้าราชการในพระราชสำนัก ซึ่งมีประสงค์จะมีภรรยาหรือมีเคหะสถานนั้น ให้ทำเรื่องราวยื่นต่อผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตนตามแบบ ว.๒.แล ว.๓. ซึ่งมีอยู่ท้ายกฎนี้ ส่วนผู้บังคับบัญชาเมื่อได้รับเรื่องราวและสอบสวนเห็นควรประการใด ก็ให้ลงความเห็นที่ซีกกระดาษเบื้องซ้ายของเรื่องราวฉบับนั้น แล้วนำเสนอต่อไปตามลำดับชั้นจนถึงผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุด แบบเรื่องราวขออนุญาตมีภรรยาหรือเคหะสถานนี้ให้เปนน่าที่นายทะเบียนใหญ่จะจัดพิมพ์ขึ้นแล้วจำหน่ายให้แก่กรมต่าง ๆ ตามควร

ข้อ ๖) ในการที่จะสั่งอนุญาตให้มีภรรยาหรือเคหะสถานนั้น เมื่อผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรจะอนุญาตได้ ก็ให้ออกใบอนุญาตตามแบบ ว.๔ และ ว.๕ ซึ่งมีอยู่ข้างท้ายกฎนี้ ใบอนุญาตนี้ให้มีต้นขั้วแลคู่ฉีกประจำติดต่อ และมีเลขหมายตามลำดับสำหรับกรมนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้เปนน่าที่นายทะเบียนใหญ่จะจัดพิมพ์ใบอนุญาตนี้ขึ้นและจำหน่ายให้แก่กรมต่าง ๆ สำหรับสำรองใช้ตามควร

ประกาศมา ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๕๗

[เอกสารแนบท้าย]

๑. แบบ ว.๑ ๒. เรื่องราวขออนุญาตมีภรรยา (แบบ ว.๒) ๓. เรื่องราวขออนุญาตมีเคหะสถาน (แบบ ว.๓) ๔. ใบอนุญาตให้มีภรรยา (แบบ ว.๔) ๕. ใบอนุญาตให้มีเคหะสถาน (แบบ ว.๕)

(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)


งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"