ข้ามไปเนื้อหา

กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ/กาพย์

จาก วิกิซอร์ซ
เห่เรือ

โคลง
ปางเสด็จประเวศด้าว ชลาลัย
ทรงรัตนพิมานไชย กิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกร แหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้ว เพริดพริ้งพายทอง
กาพย์
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยัยจับงามงอน
นาวาแน่นเปนขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอน สาครลั่นครั่นครื้นฟอง
เรือครุธยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร
สมรรถไชยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน
สุวรรณหงษ์ทรงภู่ห้อย งอนชดช้อยลอยหลังสินธู์
เพียงหงษ์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
เรือไชยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน
คชสีห์ที่ผาดเผ่น ดูดังเปนเห็นขบขัน
ราชสีห์ที่ยืนยัน คันสองคู่ดูยิ่งยง
เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง
เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เปนแถวท่องล่องตามกัน
นาคาหน้าดังเปน ดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี
เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรี ทีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
ดนตรีมี่อึงอล ก้องกาหฬพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครึ้นโครม โสมนัศชื่นรื่นเริงพล
กรีธาหมู่นาเวศ จากนัคเรศโดยสาชล
เหิมหื่นชื่นกระมล ยลมัจฉาสารพันมี
โคลง
พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์ แจ่มหน้า
มัศยาย่อมพัวพัน พิศวาส
ควรพี่พรากน้องช้า ชวดเคล้าคลึงชม
กาพย์
พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัศยายังรู้ชม สมสาใจไม่พามา
ปลากรายว่ายเคียงคู่ เคล้ากันอยู่ดูงามดี
แต่นางห่างเหินพี่ เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร
หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร
ปลาสร้อยลอยล่องชล ว่ายเวียนวนปนกันไป
เหมือนสร้อยทรงทรามวัย ไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย
เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ เนื้อน้องหรืออ่อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิตรชาย ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง
ปลาเสือเหลือที่ตา เลื่อมแหลมกว่าปลาทั้งปวง
เหมือนตาสุตาดวง ดูแหลมล้ำขำเพราคม
แมลงภู่คู่เคียงว่าย เห็นคล้ายน่าเชยชม
คิดความยามเมื่อสม สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง
หวีเกษเพศชื่อปลา คิดสุดาอ่าองค์นาง
หวีเกล้าเจ้าสะสาง เส้นเกษสลวยรวยกลิ่นหอม
ชะแวงแฝงฝังแนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม
เหมือนพี่แนบแอบถนอม จอมสวาดิ์นาฏบังอร
หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/9หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/10หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/11หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/12หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/13หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/14หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/15หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/16หน้า:กาพย์ห่อโคลงเห่เรือ - ๒๔๕๑.pdf/17เห่และเรือ เห่ละเห่เห เห่โหวเหโหว เห่โหวเห่เห้ เห่เห่ เห่เหเห โอละเห่ สาละวะเห่ โหเห่เห เหเห่ เหเห่เห โอละเห่

ชาละวะเห่ เห่เห เห่เหเห่ โอละเห่ เจ้าเอ๋ย เจ้าก็พาย พี่ก็พาย พายเอ๋ยพายลง พายลงให้เต็มพาย โอวโอวเห่

ชาละอะเห่ โหเห่เห เหเห เหเห่เห โอละเห่ มูละเห่ มูละเห่เห้ โอเห้มารา โอเห้เจ้าข้า โอเห้เจ้าข้า มาราไชโย สีเอยไชย สีไชยแก้วเอย ไชยเอยแก้ว ไชยแก้วพ่อเอย โอวโอว

โคลง
แกงไก่มัศหมั่นเนื้อ นพคุณ
หอมยี่หร่ารศฉุน เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาศหวังนา
แรงอยากยอหัดถ์ข้อน อกให้หวนแสวง
กาพย์
มัศหมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารศร้อนแรง
ชายใดได้กินแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รศดีด้วยน้ำปลา ยี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
หมูแนมแหลมเลิศรศ พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รศทิพย์หยิบมาโปรย รือจักเปรียบเทียบทันขวัญ
เทโพพื้นเนื้อท้อง เปนมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรศครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์
ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กล่อมรศกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
เข้าหุงปรุงอย่างเทศ รศพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เปน เช่นเชิงมิตรประดิดทำ
เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงขั้วส้มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฎรศหื่นหอม
คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเสาวคนธ์
ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุมรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
รังนกนึ่งน่าซด โอชารศกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เศร้าเจ้าดวงใจ
ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เปนโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง
โคลง
ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้
รื่นรื่นรศรมย์ใด รือดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้ รศล้ำน้ำตาล
กาพย์
ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตระหลบล้ำเหลือหวาน
รศไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
ตาลเฉาะเหมาะใจจริง รศเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแคล้วจากจำเปน
จากช้ำน้ำตากระเด็น เปนทุกข์ท่าหน้านวลแตง
หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบทราบนาสา
หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรศโอชา
คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมสมร ชอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
พลับจีนจักด้วยมีด ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์
มือไพร่ไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
ผลเกดพิเศษสด โอชารศล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง สางเกษเส้นขนเม่นสอย
ทับทิมพริ้มตาตรู ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
เหมือนสีฉวีกาย สายสวาดิ์พี่ที่คู่คิด
ลางสาดแสวงเนื้อหอม ผลงอมงอมรศหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ คิดยามสารทยาตรามา
ผลเงาะไม่งามแงะ มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
สละสำแลงผล คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ถ้าทิ่มปิ้มปืนกาม นามสละมละเมตตา
โคลง
สังขยาน่าไข่คุ้น เคยมี
แกมกับเข้าเหนียวสี โสกย้อม
เปนนัยนำวาที สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเสมอพร้อม เพียบเว้อกอร
กาพย์
สังขยาหน้าตั้งไข่ เข้าเหนียวใส่สีโสกแสดง
เปนนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แซกใส่น้ำกระทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพย์หริ่มพิมเสนโรย
รำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม
มัดสะกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาน่าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมสอประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งฉีกทวาย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
รศรักยักลำนำ ประดิดทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
ทองหยิบทิพย์เทียมดัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
ขนมผิงผิงเผ่าร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
งามจริงจ่ามงกุฎ ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สอิ้งน้องนั้นเคยยล
บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
ช่อม่วงเหมาะมีรศ หอมปรากฎกลโกสุม
คิดสีสะไบคลุม หุ้มห่มม่วงดวงพุดตาน
ฝอยทองเปนยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีน
โคลง
หวนเห็นหีบหมากเจ้า จัดเจียน มาแม่
พลูจีบต่อยอดเนียน น่าเคี้ยว
กลี่กล่องกระวานเขียน มือยี่ ปุ่นเฮย
บุหรี่ใส่กล่องเงี้ยว ลอบให้เหลือหาญ
กาพย์
หมากเจียนเจ้างามปลอด พลูต่อยอดน่าเอ็นดู
กระวานอีกกานพลู บุหรี่ให้ใจเหลือหาญ
เช็ดหน้าชุบน้ำอบ หอมตระหลบดอกดวงมาลย์
บังอรซ้อนใส่พาน ส่งมาให้ไม่เว้นวัน
เดือนสามสำเภามา มีใบชาชาติจุหลัน
ถ้ำคู่อยู่เคียงกัน กับให้เห็นเปนปฤษณา
เดือนห้าหน้าร้อนจัด เจ้าให้พัดด้ามจิ้วมา
เรื่องร้อนผ่อนเพทนา เพื่อพนิดาไม่ละเลย
คำนึงถึงเดือนหก ทั่วทายกตามโคมเคย
งามสุดนุชพี่เอ๋ย ได้เห็นกันวันบูชา
เดือนแปดวันเพ็ญเจ้า ย่อมไปเข้าพระพรรษา
รับศีลอย่างสีกา ด้วยเจตนาจำนงใน
เห็นนวลครวญครุ่นคิด กำเริบจิตรวาบวับใจ
ไปได้ก็จะไป โอบเอวอุ้มพุ่มพวงพยุง
ยามฝนดลเดือนสิบ เริ่มเข้าทิพเจ้าจะหุง
หาของต้องการปรุง มุ่งใจจิตรประดิดประดอย
เดือนสิบเอ็ดเด็ดแดดิ้น ยามกระฐินทุกวันคอย
เห็นเรือไล่ถี่ซอย กลอยกลับเห็นเช่นแรกสม
คิดรูปน่ารักเหลือ คิดนุ่มเนื้อน่าเชยชม
คิดเนตรขำค้อนคม ผมหอมชื่นรื่นรศสุคนธ์
ฤดูเดือนสิบสอง หญิงชายซ้องแซ่อึงอล
ขึ้นล่องท่องเที่ยวชล ยลผ้าป่าราตรีกาล
เซ็งแซ่เสียงเภรี ปานเรียมตีทรวงประหาร
พาทย์ฆ้องก้องกังวาล สารดุจน้องร้องเรียกเรียม
ทุกลำลอบเล็งลักษณ์ ไม่พบภักตร์เจ้างามเสงี่ยม
ดูไหนไม่เทียบเทียม ร่วมรักเรียมรูปร่างรัด
เดือนยี่พิธีพระยา โยนชิงช้าชนแออัด
สาวหนุ่มกำหนดนัด ทัศนาแห่แลหากัน
เรียมเตร่ตรวจทุกช่อง ไม่เห็นน้องเนื้อนวลจันทร์
ว้าวิ่นดิ้นแดยัน หันเห็นท่าชิงช้าโยน
เชี่ยวชาญกระดานต้น โยกเยกยลคนหกโหน
ถือท้ายกายอ่อนโอน โดยคิดได้ตั้งใจถวิล
แรมค่ำร่ำไห้หวน แห่อิศวรย่ำยามยิน
เคยเห็นเปนอาจิณ ช้าหงษ์เห่เล่ห์ลมพราหมณ์
โอมอวดสวดสำเนียง ไม่เหมือนเสียงนางนงราม
ล้ำเลิศเฉิดโฉมงาม ยามเย็นเช้าเจ้าอ่านฉันท์
อ่อนหวานสารเสนาะ เพราะอักษรกลอนพาดพัน
แจ้วเจื้อยใจจาบัลย์ ทุกวันหวังฟังเสียงสมร
ห้าค่ำย่ำยามปลาย แห่นารายน์เร่งอาวรณ์
อยู่ใกล้จะใคร่จร ไปรับเจ้าเคล้าคลอมา
เดือนแรมเหมือนเรียมค้าง เรียมรักร้างแรมขนิษฐา
แรมรศแรมพจนา แรมเห็นหน้านิ่งนอนแรม
โคลง
ดลเดือนบะหะหร่ำ เซ็นปี ใหม่แม่
มหง่นประปราณทวี เทวศไห้
ห่อนเห็นมิ่งมารศรี เสมอชีพ มานา
เรียมลูบอกไล้ไล้ คู่ข้อนทรวงเซ็น
กาพย์
ดลเดือนเรียกบะหะหร่ำ ขึ้นสองค่ำแขกตั้งการ
เจ้าเซ็นสิบวันวาร ประหารอกฟกฟูมไฟ
บะหะหร่ำเรียมคอยเศร้า ไม่เห็นเจ้าเศร้าเสียใจ
ลูบอกโอ้อาไลย ลาลดล้ำกำศรวญเซ็น

ในหนังสือเรื่องนี้ คำโคลงที่เอก, โท, พลาดจากข้อบังคับ และที่เรียกว่า เอกโทษ, โทโทษ, มีอยู่หลายแห่ง แต่มิใช่พิมพ์ผิด เปนของเดิมเช่นนั้น เพราะแต่ครั้งโบราณไม่ใคร่ถือกันเปนอย่างกวดขัน อนึ่ง ความในหน้า ๓ บรรทัด ๑๓ แล ๑๔ นั้น เปนพระราชนิพนธ์ทรงแปลง และความในหน้า ๔ ตั้งแต่บรรทัด ๓ ถึงบรรทัด ๑๖ นั้น เปนพระราชนิพนธ์ทรงแปลง และความในหน้า ๔ ตั้งแต่บรรทัด ๓ ถึงบรรทัด ๑๖ นั้น เปนพระราชนิพนธ์แทรก