ข้อบังคับสำหรับกระบวนพิจารณาฯ พระยอดเมืองขวาง (รก.)
- ข้อบังคับสำหรับกระบวนพิจารณา
- ที่จะได้ใช้ในศาลไทย
- กับฝรั่งเศสผสมกัน
- อันเปนศาลที่จะชำระคดีความ
- พระยอดเมืองขวาง
๑ คำฟ้องหา ซึ่งพนักงานผู้เปนทนายแผ่นดินแต่งขึ้นนั้น จะต้องแจ้งความให้ผู้ต้องหาทราบ อย่างน้อยที่สุดก็ ๓ วัน ก่อนเวลาที่จะเปิดศาลชำระความนั้น
๒ ศาลนั้นจะต้องนั่งชำระความตามวันแลเวลา ซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลนี้จะได้กำหนดไว้ให้ชำระกันในห้องอันหนึ่งที่สถานทูตฝรั่งเศส
๓ ผู้พิพากษาก็ดี พยานก็ดี แลผู้ต้องหาก็ดี บรรดาเปนผู้ที่พูดภาษาไม่เหมือนกันนั้น อธิบดีศาลจะได้ให้มีล่ามใช้ ล่ามนั้นอธิบดีศาลจะให้สาบาลว่า จะแปลความซึ่งกล่าวกัน ในระหว่างผู้ซึ่งพูดต่างภาษากันนั้นโดยสัจโดยจริงตามที่ได้กล่าวกัน
๔ ผู้ต้องหานั้น จะได้มายังศาลโดยไม่ต้องมีเครื่องพันธนาการอันใด ให้มีแต่ผู้คุมซึ่งกำกับสำหรับไม่ให้หนีหายเท่านั้น พร้อมกับทนายของผู้ต้องหามาด้วยกันแล้ว อธิบดีศาลจะได้ถามชื่อ อายุ ตำแหน่งซึ่งประกอบกิจการงาน กับตำบลที่เกิดของผู้ต้องนั้นแล้ว ก็จะได้บอกให้ผู้ต้องหาเอาใจใส่คอยฟังความ ซึ่งจะได้ยินต่อไป แล้วในขณะนั้น อธิบดีศาลจะได้มีคำสั่งให้ยกระบัตรศาลอ่านคำฟ้อง ซึ่งยกระบัตรจะต้องอ่านด้วยเสียงอันดังด้วยแล้ว
๕ พนักงานผู้เปนทนายแผ่นดิน จะได้กล่าวคำอธิบาย ในเรื่องที่ฟ้องหานั้นแล้ว ภายหลังจะได้ยื่นรายชื่อพยาน ผู้ซึ่งควรจะให้มาเบิกความ ตามที่ทนายแผ่นดินขอให้สืบ ฤๅตามที่ผู้ต้องหาขอให้สืบนั้น รายชื่อพยานนี้ ยกระบัตรศาลจะได้อ่านขึ้นโดยเสียงอันดังด้วยแล้ว
๖ อธิบดีศาล จะได้สั่งให้พยานออกไปอยู่ในห้องหนึ่ง ซึ่งจัดไว้สำหรับพยานพัก ห้ามไม่ให้พยานไปจากห้องนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าไปเบิกความในศาล
๗ ผู้ต้องหานั้น จะต้องถามเอาคำให้การไว้แล้ว จะได้ถามพยานผู้ซึ่งต้องสาบาลว่า จะเบิกความตามที่รู้เห็นแต่โดยสัจโดยจริง ไม่มีสิ่งอื่นนอกจากความสัจแล้ว ยกระบัตรศาลจะต้องจดถ้อยคำลงไว้ กับทั้งชื่อพยาน คือชื่อตัว ตำแหน่งซึ่งประกอบกิจการงาน อายุแลตำบลที่อยู่ของพยานนั้น
๘ เมื่อได้ถามพยานเบิกความแล้ว เปนคำ ๆ ไปนั้น อธิบดีศาลจะได้ถามผู้ต้องหาว่า จะมีประสงค์ที่จะมีคำคัดค้านท้วงติงคำพยาน อันพึงได้ให้การเปนผิดต่อผู้ต้องหานั้นประการใดบ้าง แต่ห้ามไม่ให้ขัดขวางพยานผู้ซึ่งเบิกความอยู่นั้น ผู้ต้องหาฤๅทนายของผู้ต้องหานั้น จะซักไซ้ถามพยานก็ได้ แต่โดยร้องขอให้อธิบดีศาลถาม เมื่อพยานให้การแล้ว แลจะว่ากล่าวคัดค้านตัวพยานมาก เท่ากับว่ากล่าวทักท้วงคำของพยานนั้นก็ได้เหมือนกัน ตามแต่ที่จะกล่าวเพื่อเปนประโยชน์ ในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหานั้น อธิบดีศาลก็ซักถามพยานฤๅผู้ต้องหาได้ สำหรับที่จะให้ได้ความ ซึ่งอธิบดีศาลเห็นว่า จำเปนจะให้ความจริงปรากฎชัดเจนนั้นด้วย ผู้พิพากษาทั้งหลายก็ดี พนักงานผู้เปนทนายแผ่นดินก็ดี มีอำนาจที่กล่าวถามได้ ตามที่อธิบดีจะยอมอนุญาตให้กล่าวนั้น
๙ ในระหว่าง เวลาชำระความอยู่นั้น อธิบดีศาลจะฟังคำพยานทั้งหลาย แลพิจารณาคำหาทั้งปวง ซึ่งปรากฎแก่อธิบดีศาลว่าเปนการจำเปนจะต้องไต่สวนให้ความจริงปรากฎชัด
๑๐ เมื่อสืบถามพยานเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ก็จงได้ให้กล่าวว่าความแก้ความกันต่อไป พนักงานผู้เปนทนายแผ่นดิน จะได้ว่าความก่อน แลจะได้ชี้แจงเหตุการทั้งหลายซึ่งเปนที่อุดหนุนคำฟ้องหานั้นแล้ว ผู้ต้องหาฤๅทนายของผู้ต้องหา จะได้ตอบแก้ความนั้นแล้ว จะยอมให้พนักงานผู้เปนทนายแผ่นดินกล่าวโต้แย้งอิกได้ แต่ผู้ต้องหาฤๅทนายของผู้ต้องหา จะต้องเปนผู้กล่าวแก้ความสู้ความเปนคำหลังที่สุดแล้วอธิบดีศาลจะได้ประกาศหยุดนั่งศาลกัน
๑๑ อธิบดีศาล จะเปนผู้กะข้อกระทงแถลง ตามความที่ชำระได้นั้น สำหรับปรับสัตย์ตัดสิน มีใจความในข้อกระทงแถลงอย่างนี้ว่า ผู้ต้องหามีความผิดโดยกระทำการอย่างนั้น ๆ พร้อมด้วยเหตุการทั้งหลาย ดังมีในคำฟ้องหานั้น ฤๅไม่มีผิดเปนต้นแล้ว จะได้กะข้อกระทงแถลงที่ว่าด้วยมีเหตุการอันควรลดหย่อนโทษให้เบาลงนั้นฤๅไม่มีด้วย
๑๒ เมื่ออธิบดีศาลได้อ่านข้อกระทงแถลงขึ้นแล้ว ผู้ต้องหาก็ดี ทนายของผู้ต้องหาก็ดี แลพนักงานผู้เปนทนายแผ่นดินก็ดี จะมีคำได้ตามความเห็นของตนที่เห็นสมควรว่าจะต้องมี ในการที่ยกข้อกระทงแถลงไว้อย่างนั้น ถ้าพนักงานผู้เปนทนายแผ่นดิน ฤๅฝ่าย(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ขัดข้อง(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ยกข้อกระทงแถลง อย่างที่กะไว้นั้นแล้ว ศาลจะได้(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ตัดสินคำขัดข้องนั้นตามความที่(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ชอบด้วยแล้ว
๑๓ อธิบดีศาล(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก) ให้พาตัวผู้ต้องหาไปจาก(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ว่าความแล้ว ศาลจะได้เลิกแต่ที่นั้น(ต้นฉบับตรงนี้อ่านไม่ออก)ไปประชุมในห้องที่ปฤกษากัน เพื่อว่าจะได้ปฤกษาปรับสัตย์ตัดสินในข้อกระทงแถลงแลในการว่าโทษ
ถ้าเปนคดีพิจารณาเห็นว่า มีความผิดแล้ว โทษซึ่งจะได้ลงตามความจริงที่พิจารณาได้ชัดเจนอยู่เสมอนั้น ต้องเปนไปตามข้อความที่กล่าวไว้ต่อไปนี้
ข้อ ๑ การทำลายชีวิตมนุษย์ อันกระทำด้วยความจงใจ ก็มีโทษเสมอกับความร้ายที่ฆ่าคนให้ตาย
ข้อ ๒ บรรดาความร้ายที่ฆ่าคนตายอันกระทำด้วยคิดตั้งใจไว้ก่อนแล้ว ฤๅด้วยจงใจแล้ว ก็มีโทษเสมอกับการลอบทำร้ายให้เปนอันตรายแก่ชีวิตมนุษย์
ข้อ ๓ ความคิดตั้งใจไว้ก่อนนั้น คือ ความคิดหมาย อันได้คิดไว้แล้วก่อนลงมือทำการ ที่พยายามจะให้เปนอันตรายแก่ตัวของบุทคลผู้หนึ่งซึ่งได้หมายไว้ ฤๅแม้ว่าจะให้เปนอันตราย แก่ผู้ซึ่งจะได้พบปะ เมื่อความคิดหมายนั้นย่อมอาไศรยแก่เหตุการอย่างนั้นแลอาไศรยแก่ธรรมดาการอย่างนั้น
ข้อ ๔ ผู้สมรู้เปนใจ ในความผิดความร้ายนั้น จะต้องลงโทษ เสมอกับผู้ต้นคิด ผู้ลงมือกระทำความผิดความร้าย เว้นไว้แต่ที่มีบทกฎหมาย ให้ลงโทษเปนอย่างอื่น
ข้อ ๕ บรรดาผู้ซึ่งประกอบไป ด้วยให้ปันสิ่งของก็ดี ด้วยสัญญานัดหมายก็ดี ด้วยข่มขู่รู่ก็ดี ด้วยใช้อำนาจในที่ผิดฤๅเกินอำนาจก็ดี ด้วยเปนเครื่องมือเครื่องใช้ ให้ถึงที่ผิดฤๅถึงที่มีโทษได้ก็ดี แล้วแลก่อให้เกิดการผิดนั้น ฤๅมีคำสั่งใช้ให้กระทำการผิดนั้น จะต้องลงโทษเหมือนเปนผู้สมรู้เปนใจ ที่มีโทษเสมอกับทำความผิดนั้น ๆ
บรรดาผู้ซึ่งได้เสาะหามา เปนเครื่องสาตราวุธก็ดี เปนเครื่องมือต่าง ๆ ฤๅของอย่างอื่นก็ดี สำหรับใช้ในการนั้น โดยความรู้แล้วว่า จะได้ใช้ในการนั้น แลบรรดาผู้ซึ่งรู้เห็นแล้ว ได้ช่วยเกื้อกูลฤๅอุดหนุน ผู้ต้นเหตุฤๅผู้ลงมือในการนั้นโดยที่ได้ตระเตรียม ฤๅทำการให้เปนที่สดวกฤๅทำให้สำเร็จแก่การนั้น จะต้องลงโทษเหมือนเปนผู้สมรู้เปนด้วยใจ
ข้อ ๖ บรรดาผู้ซึ่งรู้แล้วเต็มใจ แลได้รับไว้ทั้งหมด ฤๅแต่ส่วนหนึ่งก็ดีอันเปนสิ่งของโจรผู้ร้าย ที่ลักซ่อนมาฤๅได้มาเพื่อประโยชน์ ที่จะช่วยความผิดความร้ายอันหนึ่งนั้น จะต้องลงโทษเสมอกับผู้สมรู้เปนใจ ในความผิดความร้ายอย่างนั้น
ข้อ ๗ แม้ว่าโทษประหารชีวิต ย่อมจะลงโทษแก่ผู้ต้นคิด ผู้ลงมือทำการผิดร้ายบางข้อแล้วก็ดี แต่ส่วนผู้รับของโจรผู้ร้าย ย่อมเปลี่ยนเปนลงโทษเพียงจำคุกทำการหนักเปนนิตย์
ข้อ ๘ บรรดาผู้ซึ่ง มีความผิดร้ายลอบทำอันตราย แก่ชีวิตมนุษย์ก็ดี บิตุฆาฏมาตุฆาฏก็ดี ฆ่าทารกในครรภ์นอกครรภ์ก็ดี วางยาพิษก็ดี จะต้องลงโทษถึงประหารชีวิต
ข้อ ๙ การฆ่าคนตายนั้น เมื่อเวลาที่กระทำ ได้มีความผิดอื่นกระทำด้วย ก่อนก็ดี หลังก็ดี ฤๅพร้อมกันก็ดี จะนำไปให้ถึงโทษประหารชีวิตได้
ข้อ ๑๐ ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งได้ถือเอาสิ่งของที่ไม่ใช่ของ ๆ ตนไปโดยอุบายฉ้อโกงแล้ว ก็มีความผิดเสมอโจร
ข้อ ๑๑ ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจงใจทิ้งไฟเผา ตึกโรงเรือนก็ดี เรือใหญ่น้อยก็ดี โรงร้านลานร่มบังก็ดี เมื่อเปนที่คนได้อยู่อาไศรย ฤๅใช้เปนที่อยู่อาไศรย แลว่าทั่วไปบรรดาที่อยู่อาไศรยของคน จะเปนของตนก็ดี ของผู้อื่นก็ดี จะต้องมีโทษถึงประหารชีวิต
- เหตุการ
- อันควรลดหย่อนผ่อนโทษให้เบาลง
ข้อ ๑๒ อันโทษทั้งหลาย ที่ว่าไว้ว่า จะมีแก่ผู้กระทำผิดเหล่านั้น ตามที่พิจารณาได้ความจริงแล้วนั้น เมื่อศาลเห็นว่า มีเหตุการอันควรลดหย่อนผ่อนโทษให้เบาลงแก่ผู้ต้องหาโทษนั้นแล้ว จะต้องแก้ไขตามความที่ว่าต่อไปนี้ คือ
ถ้าโทษว่าไว้ ถึงประหารชีวิตแล้ว ศาลจะต้องว่าโทษจำคุก ทำการหนักไม่มีกำหนดพ้นโทษ ฤๅว่าโทษจำคุกทำการหนัก มีกำหนดเวลาพ้นโทษก็ได้
ถ้าเปนการว่าโทษจำคุก มีกำหนดเวลาพ้นโทษแล้ว จะต้องว่า โทษจำ ๕ ปีเปนอย่างต่ำ แลจำ ๒๐ ปีเปนอย่างสูง ตามกำหนดเวลาในระยะนั้น สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร

บรรณานุกรม[แก้ไข]
- "ข้อบังคับสำหรับกระบวนพิจารณาที่จะได้ใช้ในศาลไทยกับฝรั่งเศสผสมกันอันเปนศาลที่จะชำระคดีความพระยอดเมืองขวาง". (2437, 10 มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 11, ตอน 11. หน้า 87–90.

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"
