ข้างหลังภาพ/บทที่ 1

จาก วิกิซอร์ซ
เมื่อ เจ้าคุณอธิการบดีพาหม่อมราชวงศ์กีรติ ภรรยาของท่าน ไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นนั้น ข้าพเจ้ากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยริคเคียว และในเวลานั้น ข้าพเจ้าเพิ่งมีอายุได้ ๒๒ ปี.

ในเมืองไทย ข้าพเจ้าเคยรู้จักกับท่านเจ้าคุณโดยฐานที่ท่านเจ้าคุณกับบิดาของข้าพเจ้าเป็นมิตรกัน และท่านมักแสดงความปรานีต่อข้าพเจ้าในเวลาที่พบปะ. ข้าพเจ้ารู้จักคุณหญิงอธิการบดีเท่ากับที่รู้จักท่านเจ้าคุณ. ภายหลังที่ข้าพเจ้าได้ออกไปเล่าเรียนที่ญี่ปุ่นได้ประมาณหนึ่งปี ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวด้วยความสลดใจว่า คุณหญิงอธิการบดีได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าไม่ได้ทราบข่าวของคุณหญิงอีกเลย. จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปอีก ๒ ปี และจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าพเจ้าจึงได้รับทราบข่าวจากท่านอีกครั้งหนึ่ง.

เจ้าคุณอธิการบดีได้เขียนมาถึงข้าพเจ้าว่า ท่านจะออกมาประเทศญี่ปุ่นพร้อมด้วยภรรยาใหม่ของท่าน — หม่อมราชวงศ์กีรติ — ขอให้ข้าพเจ้าช่วยจัดแจงบ้านพักไว้ให้และรวมทั้งความสะดวกอื่น ๆ ตามที่ผู้ซึ่งออกมาอยู่ต่างประเทศจะต้องการ. ท่านตั้งใจว่าจะพักอยู่โตเกียวสัก ๒ เดือน.

ที่ว่าท่านพาภรรยาไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นั้น เป็นคำซึ่งข้าพเจ้าเรียกเอาเอง แต่ในจดหมายที่เขียนมานั้น ท่านบอกว่าต้องการจะเปลี่ยนภูมิประเทศและต้องการเดินทางไกลเพื่อพักผ่อนหย่อนใจสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง. ความประสงค์ข้อใหญ่ในการออกมาประเทศญี่ปุ่นนั้นก็เพื่อจะให้เป็นที่เบิกบานสำราญใจแก่ภรรยาคนใหม่ของท่าน. กล่าวถึงหม่อมราชวงศ์กีรติ, ท่านได้เขียนมาว่า "ฉันทั้งรักและสงสารเธอ. เป็นผู้ที่ยังไม่สู้จะคุ้นกับโลกภายนอก ถึงแม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว. ฉันปรารถนาจะให้กีรติคุ้นเคยกับโลกภายนอก ไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น และฉันปรารถนาจะให้เธอเป็นสุขเบิกบาน ปรารถนาจะให้เธอรู้สึกว่า การแต่งงานกับผู้มีอายุเช่นฉันนั้น อย่างน้อยที่ไม่ไร้ความหมายเสียทีเดียว. ฉันเชื่อว่า พ่อนพพรจะพอใจกีรติเช่นเดียวกับที่เธอได้มีความพอใจคุณหญิงเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของฉันผู้หาบุญไม่แล้ว. แต่ว่ากีรติเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบอยู่สักหน่อยสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกัน แต่เป็นคนใจคอโอบอ้อมอารี ไม่ต้องสงสัย. ลักษณะนิสัยอย่างพ่อนพพร คาดได้ว่ากีรติจะพอใจมาก. ฉันได้บอกความข้อนี้ให้กีรติทราบแล้วด้วย."

ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักหม่อมราชวงศ์กีรติมาแต่ก่อน และข้อความสั้น ๆ ที่เจ้าคุณอธิการบดีเขียนถึงท่านผู้นี้มาในจดหมายก็ไม่ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้จักท่านดีขึ้น. ข้าพเจ้าเดาเอาว่า ท่านผู้นี้จะมีอายุราว ๔๐ หรืออาจจะเยาว์กว่านั้นสักนิดหน่อย คงจะเป็นคนถือตัว หรืออย่างน้อยก็ไว้ตัวตามเลือดของเผ่าพันธุ์ที่เป็นเจ้า และไม่ชอบเด็กที่มีนิสัยเอะอะตึงตัวหลุกหลิกนั้นแน่ เพราว่านั่นไม่ใช่ลักษณะนิสัยของข้าพเจ้า. คงจะเป็นคนขรึม ๆ ไม่ค่อยโปรดความสนุกรื่นรมย์ตามทำนองของคนโดยมาก คงมีนิสัยเคร่งครัดในระเบียบแบบแผนต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าจะต้องติดต่อกับท่านด้วยความระมัดระวัง.

เจ้าคุณอธิการบดีเขียนมาในจดหมายว่า ท่านไม่มีประสงค์จะพักอยู่ที่โฮเต็ล ไม่ว่าจะเป็นโฮเต็ลที่หรูเพียงใด เช่นอิมพีเรียลโฮเต็ลเป็นต้นนั้น. ท่านเบื่อที่จะต้องไปใช้เวลาว่างปะปนกับคนแปลกหน้าทั้งหลาย เบื่อการแต่งตัวซึ่งจะต้องแต่งอย่างเป็นระเบียบในเวลาออกมานอกห้องหรือในเวลารับประทานอาหาร. ท่านต้องการจะเช่าบ้านพักสักหลังหนึ่งซึ่งท่านอาจจะใช้ชีวิตของท่านอย่างอิสระเสรีเต็มที่ และท่านไม่สนใจว่าในการอยู่โดยทำนองนี้จะสิ้นเปลืองเงินไปสักเท่าใด.

ในข้อหลังนี้ข้าพเจ้าทราบดี เพราะว่าท่านเจ้าคุณได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีย่อม ๆ คนหนึ่งในเมืองไทย และทั้งเป็นคนใจคอกว้างขวางโอบอ้อมอารี. ข้าพเจ้าได้จัดการว่าเช่าบ้านหลังหนึ่งที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง เป็นตำบลที่อยู่นอกเมืองออกไป และอยู่ไม่ไกลจากทางรถไฟ การเดินทางเข้าไปในเมืองจะได้รับความสะดวกสบายทุกประการ. บ้านที่ว่าเช่าไว้นั้นเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ว่าเป็นบ้านที่สวยงามน่าเอ็นดูหลังหนึ่งในตำลนั้น เป็นบ้านที่ปลูกขึ้นเมื่อดูตามรูปทรงภายนอกประกอบด้วยศิลปะของชาวตะวันตก แต่การก่อสร้างภายในมีการสร้างห้องหับและการจัดและตบแต่งบ้านด้วยเครื่องเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นไปตามแบบอย่างชาวญี่ปุ่น. บ้านนั้นตั้งอยู่บนเนินเตี้ย ๆ มีกำแพงซึ่งก่อด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ สูงราว ๒ ฟุตครึ่ง เหนือก้อนหินมีดินพูนสูงขึ้นไปราว ๓ ฟุตและปลูกหญ้าเขียวชอุ่ม เหนือกำแพงดินยังปลูกต้นไม้กอน้อย ๆ เรียงรายไปบนกำแพง มีระยะห่างกันพอสมควร. ภายในบริเวณบ้านมีสวนซึ่งดูทึบไปด้วยสีเขียวของใบไม้ใหญ่น้อยประกอบกับมีต้นไม้ใหญ่สองต้นปลูกอยู่ที่หน้าบ้านแผ่กิ่งก้านและใบอันหนาทึบปกคลุมอยู่แทบทั่วบริเวณ ทำให้บ้านหลังนั้นแลดูสดชื่นระรื่นตายิ่งขึ้น. ข้าพเจ้าเองมีความพอใจในบ้านหลังนี้มาก และแม้เจ้าของขอเรียกค่าเช่าเดือนละ ๒๐๐ เยน ข้าพเจ้าก็เห็นว่าไม่แพงสำหรับบ้านที่มีเครื่องแต่งบ้านพร้อมอย่างเป็นที่พอใจและทั้งต้องคอยดูแลมิให้รกร้างทรุดโทรม.

ข้าพเจ้าได้ว่าจ้างสาวใช้รูปร่างหน้าตาหน้าเอ็นดูไว้คนหนึ่งสำหรับดูแลบ้านช่องให้เป็นไปตามทำนองความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่น. การที่เลือกหาสาวใช้หน้าตาน่าเอ็นดูนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้หมายว่าจะให้เป็นที่พอใจแก่ท่านเจ้าคุณในทางอื่นนอกไปจากหน้าที่โดยตรงของหล่อน. ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ถ้าเราสามารถที่จะเลือกได้ในระหว่างคนใช้ที่มีหน้าตาเหมือนยักษิณีกับที่มีหน้าตาหมดจดงดงามแล้ว เราก็ควรจะเลือกเอาคนหลัง เพราะว่าการที่อยู่ต่อหน้าความหมดจดงดงาม ไม่ว่าจะเป็นในบุคคลหรือในวัตถุก็ดี ย่อมจะช่วยให้อารมณ์ของเราแช่มชื่นขึ้นตามส่วน. ข้าพเจ้าทราบดีว่า เจ้าคุณอธิการบดีอยู่ในฐานะที่จะเลือกได้. ข้าพเจ้าต้องจ้างสาวใช้คนนี้ด้วยอัตราที่แพงกว่าปรกติธรรมดา แต่ส่วนที่แพงขึ้นนั้นมิใช่เป็นส่วนที่จะต้องเพิ่มให้แก่ความน่าเอ็นดูของหล่อน แต่ว่าข้าพเจ้าจำเป็นต้องเลือกหาผู้หญิงญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้บ้างพอควร เพราะมิฉะนั้นแล้ว ท่านทั้งสอง — เจ้าคุณอธิการบดีกับภรรยาของท่าน — ก็จะได้รับความขลุกขลักมาก.

วันแรกที่ข้าพเจ้าได้พบเจ้าคุณอธิการบดีพร้อมด้วยคณะของท่านที่สถานีโตเกียวนั้น ได้เป็นครั้งแรกด้วยที่ข้าพเจ้าได้รับความฉงนสนเท่ห์ใจอย่างมากเนื่องในการที่ได้รู้จักกับภรรยาของท่าน. สุภาพสตรีสองคนที่มากับท่านเจ้าคุณนั้น เมื่อชำเลืองเห็นในขณะแรก ข้าพเจ้าคาดว่า คนที่มีอายุประมาณ ๓๘ ปี แต่งตัวเรียบ ๆ และดูติดจะครึ ๆ ตื่น ๆ นิดหน่อยนั้นคงจะเป็นหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้งนี้ สันนิษฐานตามจดหมายที่เจ้าคุณมีมาถึงข้าพเจ้า. ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นตรงกันข้าม แลดูเป็นสาวและเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่ง แต่งกายงดงามมีสง่า แม้เพียงชั่วการชำเลืองเห็นครั้งแรก ความงามสง่าของหล่อนก็ปรากฏโดยเด่นชัดในสายตาของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าเดาไม่ออกว่าหล่อนเป็นใคร. ธิดาคนโตของท่านเจ้าคุณซึ่งได้แต่งงานไปเมื่อหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าก็เคยได้พบในกรุงเทพฯ.

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสจะนึกเดาอยู่ได้เกินกว่าหนึ่งนาที เพราะว่าภายหลังที่ข้าพเจ้าตรงเข้าไปทักทายกับท่านเจ้าคุณได้สองสามคำ ท่านก็หันไปทางสุภาพสตรีคนสาวซึ่งในขณะนั้นยืนอยู่ข้างเคียงท่าน และพูดว่า "นี่ภรรยาของฉัน คุณหญิงกีรติ" คำแนะนำของท่านทำเอาข้าพเจ้าแทบสะดุ้งเพราะความคาดผิดอย่างเขลา. ข้าพเจ้าเกือบเสียกิริยาที่จะเพ่งดูดวงหน้าของเธอเพื่อขจัดความสงสัยว่า มีอะไรในดวงหน้านั้นบ้างเล่าที่ทำให้ใคร ๆ อาจที่คาดหมายได้ว่า เธอคือหม่อมราชวงศ์กีรติ ภรรยาคนใหม่ของเจ้าคุณอธิการบดี.

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและงามชดช้อยเมื่อรับไหว้ของข้าพเจ้า. ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งในขณะนั้นถอยไปยืนอย่างมีคารวะอยู่เบื้องหลังท่านเจ้าคุณสักสองก้าว. เมื่อเหลือบไปเห็นหล่อนอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าก็พลันนึกได้ถึงข้อความตอนหนึ่งในจดหมายของท่านเจ้าคุณซึ่งได้เขียนบอกมาว่า ท่านจะนำแม่ครัวของท่านมาจากกรุงเทพฯ ด้วย. ข้าพเจ้าลืมความข้อนี้เสียสนิท. ในที่สุด ข้าพเจ้าไม่มีอะไรสับสนอยู่ในหัวแล้วว่าใครเป็นใครก็จริง แต่ข้าพเจ้าก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ข้าพเจ้าคาดอายุอานามและรูปโฉมของหม่อมราชวงศ์กีรติผิดไปถนัด.

ในวันนั้น ข้าพเจ้าแต่งเครื่องแบบของนักเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสิ่งแรกในตัวข้าพเจ้าที่หม่อมราชวงศ์กีรติมีความสนใจ. เธอชมเชยว่าเป็นเครื่องแบบที่เรียบร้อยน่าเอ็นดู และที่เธอชอบมากคือสีของมัน — สีน้ำเงิน. เธอก็บังเอิญแต่งสีเดียวกัน — สีน้ำเงิน และมีดวงดอกขาวประดับอยู่ทั่วผืนผ้า — ทั้งกระโปรงและเสื้อ. เป็นสีที่ไม่ฉูดฉาด แต่ถึงเช่นนั้นก็มีความภาคภูมิและมีสง่าอย่างบอกไม่ถูก.

เมื่อข้าพเจ้าสั่งรถยนต์ให้แล่นช้าตอนจะเลี้ยวเข้าประตูบ้าน เจ้าคุณอธิการบดีชะโงกตัวเอื้อมมือมาตบไหล่ข้าพเจ้าเบา ๆ และชมเชยว่า ข้าพเจ้าจัดหาบ้านให้เป็นที่พอใจมาก. เป็นความจริงว่า ตามทางที่รถยนต์ผ่านมาในละแวกนั้น จะหาบ้านใดที่สวยงามน่าอยู่เหมือนบ้านของเราไม่มี. คนใช้สาวในเครื่องกิโมโนงามหมดจดเรียบร้อยยืนคอยอยู่ที่ริมบันไดหน้าบ้าน และน้อมกายลงคำนับตั้งแต่รถผ่านประตูเข้ามา. หล่อนคำนับอีกสองสามครั้งด้วยความคารวะอยู่สูงตามประเพณีของคนญี่ปุ่น เมื่อท่านทั้งสองลงมาจากรถ. เจ้าคุณได้ปราศรัยกับหล่อนด้วยถ้อยคำสองสามประโยค และหล่อนตอบเป็นภาษาอังกฤษได้เรียบร้อยพอใช้ ซึ่งทำให้ท่านต้องแสดงความพอใจอีก. ในที่สุด เมื่อท่านได้ตรวจดูห้องหับและเครื่องใช้ไม้สอยภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว ท่านก็กล่าวคำชมเชยและขอบใจข้าพเจ้าอย่างเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง. ข้าพเจ้าต้องสารภาพว่า ข้าพเจ้ามีความอิ่มใจมากที่ได้จัดการให้ความพอใจแก่ท่านได้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง เพราะว่าด้วยความสามารถเช่นนั้นได้ทำให้เจ้าคุณกล่าวสรรเสริญข้าพเจ้าแก่คนอื่น ๆ ในภายหลังว่า ข้าพเจ้าเป็นเด็กที่เฉลียวดฉลาดรอบคอบเหนือเด็กหนุ่ม ๆ โดยทั่วไป.

น้ำร้อนได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับอาบ และทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง. ท่านทั้งสองได้รับความพอใจตั้งแต่แรกย่างเหยียบเข้าไปในบ้าน และไม่มีความผิดหวังอะไรมาขัดจังหวะ. ตอนค่ำ ข้าพเจ้าพาท่านไปรับประทานอาหารจีนที่ภัตตาคารกาโจเอ้ง ซึ่งเป็นภัตตาคารที่หรูหรามีชื่อเสียงเยี่ยมในนครโตเกียว. ทั้งสถานที่และอาหารที่รับประทานกันในค่ำวันนั้นทำให้ท่านเจ้าคุณต้องพูดออกมาบ่อย ๆ ว่าชวนให้คิดถึงห้อยเทียนเหลาในกรุงเทพฯ. เมื่อกลับมาบ้าน ที่นอนของท่านทั้งสองได้จัดเตรียมไว้อย่างมีระเบียบเรียบร้อยพร้อมแล้ว. ข้าพเจ้ากลับมาบ้านของข้าพเจ้าในคืนวันนั้นด้วยความอิ่มใจในความสำเร็จ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ออกจะรู้สึกว่าเป็นไปดีอย่างเกินคาด.