คัมภีร์โหราศาสตร์ไทยมาตรฐานฉบับสมบูรณ์/คำอธิบายเรื่องการให้ฤกษ์และอุทาหรณ์
![]() | หน้านี้ขาดแหล่งที่มาของเนื้อหา ถ้าเป็นไปได้ ควรเป็นเอกสารต้นฉบับที่สแกนมาอัปโหลดไว้ที่วิกิมีเดียคอมมอนส์แล้วจัดทำแบบพิสูจน์อักษร หรือถ้าไม่สามารถอัปโหลดต้นฉบับเช่นนั้นได้ อย่างน้อยก็ควรระบุแหล่งที่มาที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของเนื้อหาได้ |
คำอธิบายเรื่องการให้ฤกษ์และอุทาหรณ์
๏ การให้ฤกษ์นี้มีตำราหลายอย่างหลายประการ ตามที่กล่าวมาแล้วจะเห็น
ได้ว่า ตำราต่อตำราด้วยกันก็ย่อมมีข้อขัดแย้งกันอยู่ในตัวในวันเวลาเดียวกัน ก็มีทั้งเวลาดี
และชั่ว ในราศีเดียวกันก็มีทั้งดีและชั่ว ในยามเดียวกันก็มีทั้งดีและชั่ว แม้ว่าจะหาฤกษ์
ได้วันธงชัยหรืออธิบดีก็ดี แต่เมื่อวันนั้นนับตามดิถีเป็นทักทิน ทรธึก และนับตามเดือนเป็น
วันอายกัมพาย เป็นวันจม ตามวิธีการคำนวณออกเศษตรงกับพระเคราะห์ที่ร้าย เหล่า
นี้ก็ใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ยังไปถูกวันกาลกรรณีกับวันเกิดบ้าง กาลกรรณีกับภูมิอายุจร
บ้างเป็นเจ้าเรือนราศีวินาศบ้าง อยู่ในราศีวินาศแก่ดวงชะตาบ้าง โคจรอยู่ในที่ประเป็น
นิจแก่ดวงฤกษ์บ้าง ตามที่กล่าวมานี้อยู่ในข้อที่จะต้องละเว้นทั้งนั้น ดังนั้นกาลวิธีสำคัญๆ
เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นต้น จึงต้องหาฤกษ์เป็นเวลาแรมปี เพราะจะต้องคอย
ให้พระเคราะห์โคจรผ่านพ้นราศีที่เป็นประเป็นนิจและเป็นวินาศแก่ลัคนาในดวงฤกษ์ แต่ถึง
อย่างนั้นก็ดี ที่จะให้ได้ฤกษ์บริสุทธิ์ถูกต้องตามตำราทุกอย่างย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็น
ธรรมดาของผู้ที่จะให้ฤกษ์ ย่อมกล่าวแต่ส่วนที่ดีๆ ส่วนชั่วหาได้ยกขึ้นกล่าวไม่ เพราะพูด
ไปก็จะทำให้เจ้าการเกิดเสียใจเป็นการไม่สมควร และทั้งเชื่อแน่กันว่า เมื่อมีส่วนที่ดีมาก
แล้ว ก็ย่อมคุ้มส่วนที่ชั่วเสียได้ ในกาลปัจจุบันนี้โหรเพ่งเล็งที่กาลโยคเป็นสำคัญ จึงได้ตรา
กาลโยคไว้ที่ปฏิทินโหราศาสตร์ประจำปีเป็นหลัก แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ที่ว่า “พระ
หลวงโหรรอบรู้ตำรับแผนเดือนดาวตะวันแดน ดวงจักรกระบวนวน แจ้งทุกข์สุขาภัย ในต่ำใต้แผ่นดินดล” ดังนี้
ดังนั้นการให้ฤกษ์จึงตรวจดูพระเคราะห์โคจรจนเห็นว่าจะไม่ให้โทษทุกข์ภัยแก่เจ้า
ของดวงชะตาแล้ว จึงให้กำหนดวันที่ทำการมงคล และวางลัคนาให้เหมาะกับพระ
เคราะห์ที่โคจรอยู่ในเวลานั้น ถ้าได้โยคเกณฑ์มีมหาอุจจ์และเกษตรกุมลัคน์ในดวงฤกษ์
ด้วยก็ยิ่งดี การวางลัคน์จันทร์ให้ชอบกับดวงพระเคราะห์ที่โคจรอยู่ในเวลานั้นเป็นการสำคัญ
นัก พึงดูตัวอย่างที่ท่านโบราณาจารย์ให้ฤกษ์มาแล้วเป็นปทัฏฐานก่อน คำอธิบายวิธีหา
ฤกษ์ตามทักษาพยากรณ์จะได้อธิบายไว้ตอนท้ายแห่งคำอุทาหรณ์ ต่อนี้เป็นอุทาหรณ์
ในการให้ฤกษ์ในอดีตกาลแล
๏ สมเด็จพระรามาธิบดี (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงให้โหรหาฤกษ์ทำพระราชพิธี
ยกหลักเมือง กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา (กรุงเก่า) ปรากฏตามพระราชพงศาวการว่า
ได้ฤกษ์ ณ ๖ ๖ฯ ๕ ปีขาลโทศก จุลศักราช ๗๑๒ ปี เพลา ๓
นาฬิกา ๙ บาท (ตามบันทึกของโหรเป็น ๒ บาท)
ลัคนาอยู่ราศี พฤษภ พระจันทร์เสวยฤษ์ ๓ และกุมลัคน์ พระเสาร์อยู่ราศี
เมษ พระราหูอยู่ราศีเมถุน พระพฤหัสบดีอยู่ราศีกรกฎ พระพุธพระศุกร์อยู่ราศีกุมภ์ พระ
อาทิตย์พระอังคารอยู่ราศีมีน ได้เกณฑ์ ๑๒ อักษร ๒๗ นามเมือง ๘ ทักษา
๑๕ ในดวงฤกษ์นี้จะเห็นได้ว่า มีที่หมายในพระจันทร์เป็นตัวมหาอุจจ์กุมลัคน์ในดวงฤกษ์
และได้ลัคนาดวงฤกษ์อยู่ราศีเดียวกับพระราชลัคนาของพระเจ้าอู่ทอง การให้ฤกษ์นี้ตาม
พงศาวดารว่าเดือน ๕ แต่ในตำราโหราศาสตร์ชื่อญาณทีปกถาของพระเทวโลก มีชื่อพระ
มหาคำเป็นผู้เขียน เขียนแล้วเมื่อ ณ วัน ๔ ๑๐ ฯ ๑๑ ค่ำ ปีจอจัตวาศก จุลศักราช
๑๑๖๔ คิดเวลาถึง พ.ศ.๒๔๘๐ นี้ได้ ๑๓๖ ปี เขียนไว้เป็นเดือนสี่
๏ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสร้างกรุงเทพมหานคร บวร
ทวารวดีศรีอยุธยา ตามที่โหรบันทึกไว้ว่าวัน ๑ ๑๐ ฯ ๖ ปีขาลจัตวาศก จุลศักราช
๑๑๔๔ เพลารุ่งแล้ว ๙ บาท (แต่ในพระราชพงศาวดารของกรมศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ ๑ ร.ศ.๑๒๐ เล่ม ๓ หน้า ๑๗๖ เป็นวัน ๑ ๙ฯ ๖ ค่ำ หาตรงกับบันทึกของ
โหรไม่ ส่วนในสำเนาเทศนาพระราชประวัติตรงกับบันทึกของโหร) เป็นฤกษ์ฝังหลักพระ
นคร วางลัคนาไว้ราศีเมษ พระจันทร์เสวยฤกษ์ ๘ นาที ฤกษ์ ๔๑ พระ ๑, ๙
อยู่เมษ พระ ๓ อยู่พฤษภ พระ ๕, ๗ อยู่ธนู พระ ๔, ๖, ๘ อยู่มีน ได้
นาม ๘ อักษร ๒๑ ทักษา ๑๒ ดวงฤกษ์นี้ยังความศุภแก่พระราชลัคนาของพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์มีพระราชสมภพ ณ วัน ๔ ๕ฯ ๔ ค่ำ ปี
มะโรงอัฏศก จุลศักราช ๑๐๙๘ เวลา ๘ ทุ่ม ๗ บาท พระราชลัคนาสถิตราศีมังกร
ส่วนพระเคราะห์ทั้งหลาย สถิตตามทวาทศราศีดังนี้ พระ ๖ อยู่เมษ พระ ๓, ๗
อยู่พฤษภ พระ ๘, ๙ อยู่สิงห์ พระ ๒, ๐ อยู่พฤศจิก พระ ๔, ๕ อยู่กุมภ์
พระ ๑ อยู่มีน
๏ เมื่อคราวบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โหร
ถวายฤกษ์ ณ วัน ๕ ๑๕ ฯ ๖ ค่ำ ปีกุนตรีศก จุลศักราช ๑๒๑๓ เวลาเช้า ๑
โมง ๑๘ นาที (แต่ในสำเนาเทศนาพระราชประวัติเป็น ๙ บาท) ดวงพระฤกษ์นี้
ได้ลัคนาสถิตราศีพฤษภพระ ๑ กุมลัคน์ พระ ๔, ๗ อยู่ราศีเมษ พระ ๘ อยู่
ราศีกรกฎ พระ ๕ อยู่ราศีกันย์ พระ ๒ อยู่ราศีพฤศจิก พระ ๓, ๖ อยู่ราศีมีน
ดวงพระฤกษ์นี้วางลัคนาไว้ในที่เป็นศุภแก่พระราชลัคนา คือพระองค์พระราชสมภพ
ประสูติ ณ วัน ๕ ๑๔ ฯ ๑๑ ค่ำ ปีชวดฉศก จุลศักราช ๑๑๖๖ เวลา ๓ ยาม
พระราชลัคนาสถิตราศีกันย์ พระ ๗, ๕, ๐ กุมพระราชลัคนา พระจันทร์อยู่ราศีเมษ
พระ ๓ อยู่ราศีกรกฎ พระ ๖ อยู่ราศีสิงห์ พระ , ๔ อยู่ราศีตุล พระ ๘
อยู่ราศีมังกร พระ ๙ อยู่ราศีมีน
๏ เมื่อคราวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้า
จุฬาลงกรณ์ เป็นกรมขุนพินิตประชานารถ ได้พระฤกษ์ ๑ ๗ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะนพศกจุลศักราช ๑๒๒๙ เวลาเช้า ๔ โมงเป็นปฐมฤกษ์ ลัคนาสถิตราศีพฤษภ พระ ๖
อยู่เมษ พระ ๐ อยู่เมถุน พระ ๘ อยู่สิงห์ พระ ๒, ๗ อยู่พฤศจิก พระ ๓, ๔, ๙ อยู่กุมภ์ พระ ๑, ๕ อยู่มีน ดวงพระฤกษ์นี้ได้พระราชลัคนาของสมเด็จพระเจ้า
ลูกยาเธอ อยู่ในที่เป็นลาภแก่ดวงพระฤกษ์
๏ ตามที่กล่าวมาแล้วทั้งสี่ฤกษ์ข้างต้นนั้น เป็นมติโหรอันนานมาแล้ว
บัดนี้จะกล่าวด้วยมติโหรในปัจจุบันนี้บ้าง พึงดูตัวอย่างในการถวายพระฤกษ์บรมราชา
ภิเษกรัชการที่ ๗ ปีฉลูสัปตศก พระพุทธศักราช ๒๔๖๘ เป็นต้น โหรผู้มีชื่อทั้ง
๕ คนนี้คือ เสวกโทพระยาโหราธิบดี เสวกตรีพระญาณเวท รองเสวกเอกหลวงโลกทีป
รองเสวกโทหลวงไตรเพทพิสัย รองเสวกโทขุนโลกพยากรณ์ ได้คำนวณพระฤกษ์บรมราชา
ภิเษกขึ้นกราบบังคมทูลโดยทางสุริยคติกาลและจันทรคติกาลวารดฤถี ตามคัมภีร์ฎีกา
โหราศาสตร์นิยม เมื่อ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๘
ความว่าวันพฤหัสบดี ๒๕ กุมภาพันธ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๘ ตรงกับ
เดือนสี่ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ได้มหาศุภมงคล พระฤกษ์เวลา ๙ นาฬิกา กับ ๕๓ นาที
๕๒ วินาทีก่อนเที่ยง ขออัญเชิญเสด็จสู่พระแท่นสรงแปรพระพักตร์สู่เบื้องมหามงคลทิศ
อีสาน พรหมณ์จะได้ถวายน้ำกลดและน้ำพระมหาสังข์ชำระพระองค์ ทรงเครื่องมุรธา
ภิเษกสนานตามจารีตแบบอย่างสมเด็จพระบรมมหาจักรพรรดิกษัตราธิราชเจ้าสืบๆ มา
ครั้นถึงเวลา ๑๐ นาฬิกา กับ ๕๒ นาที ๕๒ วินาทีก่อนเที่ยงเป็นปฐม
ฤกษ์ เชิญเสด็จเถลิงพระแท่นภัทรบิฐไปจนถึงเวลา ๑๑ นาฬิกา กับ ๑๒ นาที
๕๒ วินาทีก่อนเที่ยงเป็นที่สุดแห่งพระฤกษ์
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/36/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C.png)
พระฤกษ์วันนี้ได้วันจัตุรงคโชค ประกอบด้วยราชา
และลาภพระฤกษ์ และศรีจรร่วมพระราชลัคนา และเป็น
ลาภกับฤกษ์ ทั้งกาลกรรณีจรเป็นมรณะ นับว่าพระ
ฤกษ์วันนี้ สมบูรณ์ดียิ่งทุกประการ ซึ่งจะหาฤกษ์วันใด
มาเทียบเทียมมิได้
๏ โดยนัยแห่งพระฤกษ์นี้ ข้าพเจ้าจักทำคำ
อธิบายไว้พอเป็นเครื่องพิจารณาสืบไป :-
(๑) คำว่าจัตุรงคโชค คือเมื่อคำนวณตามตำราจัตุรงคโชค ได้เศษเป็นจัตุรงคโชค ในเวลาบรมราชาภิเษก
(๒) คำว่าประกอบด้วยราชา คือวันนั้นพระจันทร์เสวยฤกษ์ที่ ๘ เป็นราชาฤกษ์
(๓) คำว่าลาภ คือพระราชลัคนาอยู่ที่ราศีกุมภ์ เป็นจักรราศีที่เป็นลาภกับลัคนาในดวงพระฤกษ์
(๔) คำว่าศรีจรร่วมพระราชลัคนา คือได้พระฤกษ์วันพฤหัสบดี พระอาทิตย์
เป็นศรี และพระอาทิตย์นั้นจรอยู่ในราศีกุมภ์ อันเป็นราศีที่พระราชลัคนาสถิตจึงว่าศรีจร
ร่วมพระราชลัคนา และตกในจักรราศีอันเป็นลาภกับลัคนาในดวงพระฤกษ์ จึงว่าเป็นลาภ
กับพระฤกษ์
(๕) คำว่าทั้งกาลกรรณีจรเป็นมรณะ เพราะได้พระฤกษ์วันพฤหัสบดีพระ
เสาร์เป็นกาลกรรณี และพระเสาร์นั้นจรอยู่ในราศีที่เป็นมรณะแก่ลัคนาในดวงพระฤกษ์ จึง
ว่ากาลกรรณีจรอยู่ในที่เป็นมรณะ (ไม่ใช่ตัวมรณะ)
ในการพระราชพิธีสรงมุรธาภิเษกสนานครั้งนี้ มีใบตะขบซึ่งเป็นใบไม้อักษร ต (พระเสาร์) เป็นนามกาลกรรณีของวันพฤหัสบดี สำหรับทรงเหยียบเมื่อสรงมุรธาภิเษก
ด้วย (ตามมติทางโหร บางคนว่าควรจะต้องทรงทัดใบไม้ที่เป็นศรี และถือใบไม้ที่เป็นเดชด้วยจึงจะสมบูรณ์ตามวิธีการ)