ข้ามไปเนื้อหา

คาถาขอฝน

จาก วิกิซอร์ซ
Warning: หน้านี้ขาด {{หัวเรื่อง}}
ถ้าคุณอยากช่วย คุณสามารถเพิ่มข้อมูลตาม {{หัวเรื่อง}} เข้ามาในหน้านี้ หรือแสดงความเห็นไว้ที่ หน้าพูดคุย

สมพุทธมุตตมมุฬารมหนตญาณ , สตตุตตม ทสพลกรุราธิวาส , สกการภาชนมงคณาน , สทธาณเตนสตต สิรสา นมามิ วีร วิสารทมปารคุณมพุราสี ม ธีรนธโรปมธิตี ถิรธมมการ , ปารงคต ภวภยากรสาครสส , สารญขเนสุ สุคตสิรสา นมามิ โลเกกจกขุมตุลามลปญจจกขุ , โลเกกสารมชรามรธมมสาร , โลเกกพนธุมรวินทุสหายพนธุ , โลเกกจารุติลก สิรสา นมามิ วีโตปมานมปมาณมนาถนาถ , สุทธ สุสุทธนยน นยนาภิราม , สสารจกกมถน วรธมมจกก , จกกงกิโตรุจรณ สิรสา นมามิ เนกขมมมนตพลวาริตราคยกข , เมตตมพุสา สมิตโกรธมหาหุตาส , ปญญาปทีปหตโมหมหนธการ , โลกตถจารุปฏร สิรสา นมามิ มหาการุณิโก นาโถ หินาย สพพปาณิน , ปูเรตวาเทโว วสสตุ กาลโต. มหาการุณิโก นาโถ สุขาย สพพปาณิน , ปูเรตวา ปารมี สพพา ปตโต สมโพธิมุตตม ,เอเตน สจจวชเชน เทโว วสสตุ ฐานโส. สุภูโต จ มหาเถโร มหากาโย มโหทโร , นีลวณโณ มหาเตโช ปวสสนตุ วลาหกา. ฉนนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา วสส เทว ยถาสุข. จิตต เมสุสมาติต วิมุตตต อาตาปี วิหรามิ วสส เทวาติ. อนุสสริตวา สต ธมม ปรมตถ วิจินตย , อกาสี สจจกริย ยโลเก ธุวสสสต . ยโต สรามิ อตตาน ยโต ปตโตสมิ วิญญุต , นาภิชานามิ สญจิจจ เอกปาณมปิ หีสิตา. เอเตน สจจวชเชน ปชุนโน อภิวสสิย. ถล นินนญจ ปูเรนโต ขเณนอภิวสสิย , เอวรูป สจจเสชพลสสิโต , สจเจน เม สโม นตถิ เอสาเม สจจปารมีติ สทธมมราชมปราชิตธมมเสน , สทธมมเตชหตมารสุโฆรเสน , สทธมมเทสนมโนหรเภริโฆส , สทธมม สารมกุฏ สิรสา นมามิ ยุตต คุเณสิ สกเลหิ สุนิมมเลหิ , โทเสหิ มุตตม ขิเลหิ สวาสเนหิ , พยามปปภาขจิตภาสุรลกขณาภา มาโลปโสภิตตนุ สิรสา นมามิ ปญญาทิวาวินิคคตเทสนาภา , นิทธุตตสพพปรวาทฆนนธการ , การุญญวารินนิวาริตโลกตาป , ทุกขคคิชาลวิสร สิรสา นมามิ เญยยยญชน สกลเมว ปริคคหีต , ชาตาหิ ญาณกรุณาหิมหาชวาหิ , โลกสส ทุกขมวธุยย สุขปปทายี โลกคคนาถมตุล สิรสา นมามิ พยามปปภาวลยจารุสุรินทจาป ,อุณณารุร สิวิสรุชชลวิชชุชาล , ธมมมพุวุฏฐิชนิต มิตสาธุสสส , สพพญญุเมฆมนฆ สิรสา นมามิ. ปาโปปตาปนปรนนปรนตปนต , อจจนตสนตชนนชนน ชนคค , สมภคคสพพปปก สรณญชนาน , สพพาภิภุ ทสพล สิรสา นมามิ. สุคตมมิตพุทธี โลกนาถ นมิตวา , กุสลมุปจิต ยนเตนเตชสสเทน , วิลยมุปนยนตโรคทุพภิกขทุกขา , วิปุลสลิลธารา วสสิโน โหนตุ เมฆา.

คำแปลคาถาขอฝน

[แก้ไข]

ข้าพเจ้าขอนมัสการเนืองๆ ด้วยเศียรเกล้า อันน้อมไปด้วยความเชื่อ ซึ่งพระทศพลสัมพุทธเจ้า ผู้อุดมเลิศ ทรงมีพระญาณหาที่สุดมิได้ ทรงเป็นผู้สูงสุดในหมู่สัตว์ ทรงทนธารด้วยพระกรุณา เป็นที่รองรับสักการะ ไม่เป็นภาชนะแห่งกิเลสเครื่องยั่วยวน ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระสุคตเจ้าผู้แกล้วกล้า ผู้ทรงมีพระคุณไม่มีเขตคั่น ดังน่านน้ำ ทรงเป็นนักปราชญ์ผู้ปรีชา เปรียบด้วยแผ่นดิน ทรงมีพระธรรมกายมั่นคง ทรงถึงฝั่งแห่งสาคร อันเป็นแดนเกิดแห่งภัยคือภพ ทรงเป็นผู้ประเสริฐในหมู่ชน. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงมีพระจักษุ 5 ดวง กระจ่างหาที่เปรียบมิได้ ซึ่งเป็นดวงตาอันเอกในโลก ทรงมีธรรมอันไม่แก่ไม่ตายเป็นแก่นสาร ซึ่งเป็นแก่น อันเอกในโลก ทรงเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์อันเอกในโลก ทรงเป็นผู้สูงเด่น ทรงเป็นเอกในโลก ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงปราศจากเหตุที่ควรดูหมิ่น , ทรงเป็น ที่พึ่งของผู้อนาถาไม่มีประมาณ ผู้หมดจด , ทรงมีพระเนตรอันหมดจดดีเป็นที่น่าอภิรมแห่งนัยน์ตา , ทรงมีพระธรรมจักรเป็นเครื่องย่ำยีสงสารจักร ทรงมีพระอุรุสำหรับเที่ยวไปกำหนดด้วยจักร. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้า ผู้ทรงมียักษ์ คือ ความกำหนัดอันพระองค์ทรงห้ามเสียแล้ว ด้วยกำลังแห่งมนต์ คือ เนกขัมมะ ผู้มีไฟกองใหญ่ คือ ความโกรธ อันดับแล้วด้วยน้ำ คือ พระเมตตา ทรงมีความมืดมนใหญ่หลวง คือ โมหะ อันขจัดแล้ว ด้วยประทีป คือ พระปัญญา ทรงเป็นดุจกองทอง อันเป็นประโยชน์แก่โลก. ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดมแล้ว , ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฤดูกาล. พระบรมโลกนาถทรงมีพระกรุณาใหญ่ ทรงยังพระบารมีทั้งสิ้นให้เต็มแล้ว , เพื่อความเกื้อกูล แก่สัตว์ทั้งปวง ได้ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว , ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอฝนจงตกตามฐานะ.อนึ่ง พระมหาเถระชื่อสุภูต มีกายล่ำสัน มีท้องพลุ้ย , มีผิวดังนิล มีเดชมาก ด้วยเดชแห่ง พระมหาเถระนั้น พลาหกเทพบุตรทั้งหลายจงให้ฝนตกลงเถิด. กุฏิทั้งหลายของเรามุงบังแล้ว อยู่สบาย กันลมได้ , ดูก่อนเทพบุตร ท่านจงให้ฝนตกตามสบายเถิด. จิตของเราตั้งมั่นดีพ้นแล้ว. เรามีความพากเพียร อยู่ ขอท่านจงให้ฝนตกเถิดเทพบุตรดังนี้. เราตามระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ แล้วคิดค้นอยู่ซึ่งอรรถอันยิ่ง , ได้ทำสัจจกริยาใด เป็นธรรมมั่นคงยั่งยืนในโลก. เมื่อใดเราระลึงถึงตนได้ เมื่อใดเราถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา , เมื่อนั้นเรารู้ตัวอยู่ไม่ได้แกล้งเบียดเบียนสัตว์แม้แต่ตัวเดียว. ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอมหาเมฆจงให้ฝน ตกเถิด , ดูก่อนปชุนนเทพบุตร ท่านจงคำรามให้ฝนตกยังขุมทรัพย์ของกาให้ฉิบหาย. ท่านจงรุกรานกาเสีย ด้วยความโศก , เมื่อความสัตย์อันประเสริฐเราได้ทำแล้ว ฝนได้ตกลงพร้อมสัจจกริยานั้น. ตกพักเดียว ทำที่ดอนและที่ลุ่มให้เต็ม , เราอาศัยเดชและกำลังแห่งสัจจะ แล้วทำสัจจกริยาเห็นปานนี้ และความเพียรอันอุดม. ได้ยังมหาเมฆให้หลั่งฝนลงแล้ว , สิ่งที่เสมอด้วยสัจจะของเราไม่มี นี้เป็นสัจจบารมีของเราดังนี้แล้ว. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงเป็นสัทธรรมราชา ทรงมีธรรมเสนา อันไม่พ่ายแพ้ ทรงผจญมารและเสนามารผู้เหี้ยมหาญ ด้วยเดชแห่งพระสัทธรรม มีพระสัทธรรมเทศนา อันกึกก้องดุจเภรีที่จูงใจ มีพระสัทธรรมอันอุดมเป็นมกุฏ. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ประกอบด้วยพระคุณทั้งสิ้น ปราศจาก มลทินพ้นโทษทั้งมวลกับทั้งวาสนา มพระกายงดงามด้วยระเบียบรัศมี มีลักษณะอันรุ่งเรือง ซึ่งประดับไปด้วยรัศมีข้างละวา. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำจัดปรวาท อันทำความมืดคลุ้ม ทั้งปวงด้วยแสง คือเทศนาที่พร่าออกจากดวงอาทิตย์ คือ ปัญญา มีกลุ่มแห่งเปลวไฟ คือ ทุกข์ ซึ่งแผดเผาโลกอันพระองค์ป้องกันไว้ด้วยน้ำ คือ พระการูญ. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงกำหนดชนที่ควรตรัสรู้ทั้งสิ้น , ด้วยพระญาณและพระกรุณาที่เกิดขึ้นอย่างว่องไว ผู้ทรงบำบัดทุกข์แล้วประทานสุขแก่สัตว์โลก หาผู้เปรียบปานมิได้ในโลก. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงวลัย คือ พระรัศมีข้างละวา อันงามดุจแล่งศรของจอมสุรโยธิน มีช่อแห่งพระรัศมีที่พระอุณาโลม อันรุ่งเรืองดุจประกายฟ้าแลบ ทรงยังน้ำฝน คือธรรมให้เกิดมีข้าวกล้า คือความดีอันทรงนับแล้ว มีเมฆ คือ พระสัพพัญญูอันหาค่ามิได้. ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระทศพลเจ้าผู้มีอันยังบาปให้เร่าร้อนเป็นเบื้องหน้า ไม่ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน มีความเกิดอันระงับโดยส่วนเดียว ผู้เป็นชนกแห่งสังฆรัตนะเป็นยอดของชน ทรงขจัดโทษเศร้าหมองทั้งปวงเสีย เป็นสรณะของชนทั้งหลาย เป็นใหญ่ในธรรมทั้งปวง. กุศลอันใด ที่ข้าพเจ้านมัสการพระสุคตโลกนาถเจ้าผู้ทรงมีพระปัญญานับไม่ได้ สร้าง สมไว้แล้วด้วยเดชอันกล้าแข็งแห่งกุศลนั้น ของโรคทุพภิกขภัย และทุกข์ทั้งหลายจงถึงความพินาศไป ขอเมฆอันมีสลิลธาราอันไพบูลย์จงยังให้ฝนตกลงเถิด.