จดหมายเหตุ เรื่อง เจ้าพระยาภูธราภัยยกกองทัพไปปราบฮ่อ/ตอนที่ 1

จาก วิกิซอร์ซ
จดหมายเหตุ เรื่อง เจ้าพระยาภูธราภัยยกกองทัพไปปราบฮ่อ

ตอนที่ ๑ อธิบายว่าด้วยท้องที่ ๆ เกิดศึกฮ่อ

ท้องที่อันเปนบ่อเกิดศึกฮ่ออยู่ตรงชายแดนของประเทศทั้ง ๔ คือ อยู่ข้างใต้ของประเทศจีน อยู่ข้างเหนือของประเทศสยาม อยู่ข้างตวันออกของประเทศพม่า แลอยู่ข้างตวันตกของประเทศญวน ในท้องที่ ๆ กล่าวมา เดิมเปนภูมิลำเนาของชนชาติไทยน้อยที่ได้ลงมาเปนใหญ่ในประเทศสยามนี้ นามอาณาเขตรเรียกว่า สิบสองจุไทย (มาแต่คำว่า สิบสองเจ้าไทย เพราะเคยมีเมืองเจ้าปกครองสิบสองแห่ง) เขตรแดนเดิมเห็นจะกว้างใหญ่ พวกไทยในที่นั้นจึงมีกำลังสามารถลงมาชิงได้แดนขอมแล้วตั้งประเทศลานช้างแลประเทศลานนาตลอดลงมาจนสยามประเทศเปนแผ่นดินไทย บางทีจะเปนเพราะเหตุที่พวกไทยโดยมากพากันอพยบลงมาอยู่เสียข้างใต้อันเปนที่บริบูรณ์ดีกว่าภูมิลำเนาเดิมนั้นเอง จึงเปนเหตุให้กำลังเมืองสิบสองจุไทยลดถอยน้อยลง ประเทศที่ใกล้เคียงก็บุกรุกเขตรแดนเข้าไปโดยลำดับ จนแดนสิบสองจุไทยที่เหลืออยู่มีแต่เมืองน้อย ๆ แยกกันเปน ๓ ภาค ๆ ตวันตกที่ต่อแดนพม่า เรียกว่า สิบสองปันนา ภาคกลางที่ต่อแดนจีน คงเรียกว่า สิบสองจุไทย ภาคตวันออกที่ต่อแดนญวน เรียกว่า เมืองพวน พวกไทยที่เปนชาวเมืองในท้องที่ ๓ ภาคนั้นก็ได้ชื่อต่างกัน พวกชาวสิบสองปันนา ได้ชื่อว่า ลื้อ พวกชาวสิบสองจุไทย ได้ชื่อว่า ผู้ไทย พวกชาวเมืองพวน ได้ชื่อว่า ลาวพวน แต่พูดพาษาไทยแลถือตัวว่าเปนไทยด้วยกันทั้ง ๓ พวก

ในสมัยเมื่อพวกไทยที่ลงมาตั้งประเทศลานช้างมีอำนาจมาก ได้บ้านเมืองพวกไทยทั้ง ๓ ภาคที่กล่าวมาไว้ในอำนาจกรุงศรีสัตนาคนหุตทั้งหมด ครั้นพม่ามีอำนาจขึ้น พม่าชิงเอาแดนสิบสองปันนาไปเปนของพม่า ต่อมาเมื่อพวกเม่งจูได้ครองเมืองจีน ๆ ขยายอำนาจเข้ามาปกคลุมเอาทั้งแดนสิบสองปันนาและสิบสองจุไทยไปขึ้นต่อจีนด้วย มาถึงสมัยเมื่อญวนมีอำนาจขึ้น ญวนก็เข้ามาปกคลุมเอาเมืองในแดนพวกไปเปนเมืองขึ้น เพราะเมืองในแดนทั้งสองนั้นเปนแต่เมืองน้อย ๆ อยู่ชายแดนห่างไกลเมืองหลวงพระบางอันเปนราชธานีกรุงศรีสัตนาคนหุตในสมัยนั้น อำนาจประเทศไหนมาถึงตัว พวกท้าวขุนที่ครองเมืองเห็นว่า จะสู้ไม่ไหว ก็ "ทู้" คือ ยอมอยู่ในอำนาจ พอให้พ้นภัย ทางกรุงศรีสัตนาคนหุตอันเคยขึ้นมาแต่เดิมก็คงยอมขึ้นอยู่อย่างแต่ก่อน เมืองในแดนสิบสองจุไทยแลเมืองพวนจึงมักเปนเมืองขึ้นหลายเจ้า เรียกกันว่า เมืองสองฝ่ายฟ้า เว้นแต่เหล่าเมืองที่อยู่ชิดเมืองหลวงพระบาง เจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตตั้งท้าวพระยาออกไปเปนตำแหน่งหัวพันปกครอง เดิมมี ๕ เมือง แล้วเพิ่มขึ้นอิกเมือง ๑ เรียกว่า เมืองหัวพันห้าทั้งหก กรุงศรีสัตนาคนหุตปกครองไว้ได้แต่ฝ่ายเดียว ต่อมา กรุงศรีสัตนาคนหุตเกิดแยกกันเปน ๒ อาณาเขตร เจ้านครหลวงพระบางเปนใหญ่ในอาณาเขตรฝ่ายเหนือ เจ้านครเวียงจันท์เปนใหญ่ในอาณาเขตรฝ่ายใต้ เมืองสิบสองจุไทยอยู่ใกล้ทางเมืองหลวงพระบาง ก็ขึ้นต่อเจ้านครหลวงพระบาง ส่วนเมืองพวนอยู่ใกล้ทางเมืองเวียงจันท์ ก็ขึ้นต่อเจ้านครเวียงจันท์สืบมา แต่ครั้งเมืองหลวงพระบางแลเมืองเวียงจันท์ยังเปนอิสระในสมัยเมื่อกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี มาจนเปนประเทศราชขึ้นกรุงสยามในชั้นกรุงรัตนโกสินทร ครั้นถึงรัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์ซึ่งครองเมืองเวียงจันท์เปนขบถ เอาเมืองพวนกับเมืองหันพันห้าทั้งหกไปแลกความอุดหนุนของญวน ๆ ก็แต่งข้าหลวงเข้ามาอยู่กำกับ แต่เมื่อไทยปราบปรามพวกขบถราบคาบแล้ว พระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยกกองทัพขึ้นไปเมืองพวน ให้เจ้าพระยาธรรมา (สมบุญ) ยกกองทัพขึ้นไปเมืองหัวพันห้าทั้งหก พวกข้าหลวงญวนก็กลับไปหมด ครั้งนั้น โปรดฯ ให้เลิกประเทศราชเวียงจันท์เสีย เอาหัวเมืองตามริมลำน้ำโขงอันเคยขึ้นเมืองเวียงจันท์อยู่แต่ก่อนมาขึ้นกรุงเทพฯ แลเมืองพวกนั้น พระราชทานให้เปนเมืองขึ้นเมืองหลวงพระบางต่อมา ด้วยเจ้านครหลวงพระบางซื่อตรงแลมีความชอบในครั้งนั้น แต่เพราะเขตรแดนเมืองสิบสองจุไทยแลเมืองพวนกว้างใหญ่ ทางที่จะไปถึงก็กันดาร เมืองหลวงพระบางไม่มีกำลังพอที่จะปกปักรักษา ครั้นสิ้นศึกสงครามแล้ว ญวนก็มาเกลี้ยกล่อมพวกท้าวขุนเจ้าเมืองพวนไปเปนสองฝ่ายฟ้าอิก ด้วยเมืองพวนอยู่ใกล้ชิดติดกับแดนญวน เรื่องต้นตำนานส่วนท้องที่ในสมัยเมื่อก่อนจะเกิดศึกฮ่อมีเนื้อความดังแสดงมา

ยังมีเรื่องตำนานอันว่าด้วยพวกชาวเมืองในแดนสิบสองจุไทยกับแดนเมืองพวนอิกส่วน ๑ ในท้องที่เหล่านั้น พวกชนชาติไทยตั้งภูมิลำเนาอยู่โดยมากก็จริง แต่ยังมีชนชาติอื่นอิก คือ พวกข่า ชาติ ๑ พวกข่านี้เปนเชื้อสายพวกขอมเดิม เมื่อไทยลงมาชิงได้ดินแดน ก็ได้พวกขอมในท้องที่ไว้เปนเชลย พวกเชื้อสายขอมซึ่งเรียกว่า ข่า จึงเปนคนสำหรับพวกไทยใช้สอยสืบมาจนเปนประเพณีในเมืองหลวงพระบาง นอกจากพวกข่า ยังมีเชื้อสายพวกจีนซึ่งอพยบหลบหนีมาแต่ครั้งพวกเม่งจูได้เปนใหญ่ในเมืองจีน แต่เมื่อมาอยู่ทางนี้แล้ว มานิยมต่างกันไป จึงกลายไปเปน ๒ พวก ๆ ๑ อยู่สมรสปะปนกับพวกไทย ลูกหลานที่เกิดมาพูดภาษาไทยแลประพฤติเปนไทย คงรักษาขนบธรรมเนียมจีนอยู่แต่บางอย่าง จีนอิกพวก ๑ เที่ยวอยู่ตามภูเขาแต่ลำภังพวกของตน ไม่ปะปนกับพวกไทย ครั้นนานมา จึงได้นามว่า แม้ว แล เย้า เปนต้น ยังพวกญวนอิกพวก ๑ ซึ่งอพยพหนีภัยมาครั้งเกิดขบถในเมืองญวนเมื่อตอนปลายสมัยครั้งกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานีในสยามประเทศนี้ ก็มาอยู่ปะปนกับพวกไทยทางเมืองพวนจนเกิดเชื้อสายสืบมา เพราะเหตุที่ชาวเมืองปะปนเปนเชื้อสายหลายชาติ แลทำเลท้องที่ก็อยู่ในระหว่างประเทศใหญ่ พวกชาวสิบสองจุไทยกับชาวเมืองพวนจึงไปมาค้าขายกันกับเมืองจีน เมืองญวน แลเมืองไทยในราชอาณาเขตรสยาม คุ้นเคยกับทุกฝ่ายด้วยกัน