ซ้องกั๋ง/เล่ม ๑/ตอน ๑๕
หน้า ๑๕๖–๑๖๑ สารบัญ
อวนเซียวเหงาจึงตอบว่า ไม่ใช่ขุนนางมาบังคับดอก ถึงคนที่ไหน ๆ ก็ว่ากล่าวบังคับพวกข้าพเจ้าไม่ได้ โงวหยงว่า ถ้ากระนั้น ทำไมท่านจึงไม่ไปหาที่เขาเนียซัวเปาะเล่า อวนเซียวเหงาว่า ท่านยังไม่รู้เรื่อง ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟัง โงวหยงทำเป็นพูดว่า ที่เขาเนียซัวเปาะนั้นเป็นประการใด เชิญท่านเล่าให้ฟังสักหน่อยเถิด อวนเซียวชิดว่า ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะมีคนจำพวกหนึ่งฝีมือเข้มแข็ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดไปหาปลาที่แม่น้ำตำบลนั้น ซ่องสุมกันเป็นโจร นายที่หนึ่งชื่อ เฮงหลุน นายที่สองชื่อ โตวเซียน นายที่สามชื่อ ซองบาน อีกคนหนึ่งชื่อ จูกุ้ย ตั้งโรงขายสุราอยู่ริมฝั่งคอยฟังเหตุการณ์ว่า ผู้ใดมีเงินทองเดินทาง ก็ไปบอกกันมาแย่งชิงสิ่งของทั้งปวง แล้วฆ่าเจ้าทรัพย์เสีย แต่ยังมีอีกคนหนึ่งเป็นครูทหารอยู่ ณ ตังเกียเมืองหลวง ชื่อ ลิมชอง ฝีมือเข้มแข็งนัก เข้ามาอยู่ใหม่ เป็นห้านายด้วยกัน เที่ยวตีปล้นราษฎรอยู่เนือง ๆ ไม่ได้ไปหาปลาที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะประมาณสองปีเศษแล้ว โงวหยงว่า มาตั้งซ่องสุมกันเป็นโจร พวกนายทหารหลวงไม่มาจับหรือ อวนเซียวเหงาว่า ขุนนางยกมาจับครั้งไหนก็ไม่ได้ กลับมาแย่งชิงเอาทรัพย์สิ่งของของราษฎรไป ไม่เกรงกลัวผู้ใด ถ้าแย่งชิงได้เงินทองมาก็แบ่งปันกัน ซึ่งข้าพเจ้าสามคนพี่น้องฝีมือเข้มแข็งอยู่ในตำบลนี้ แต่ยังสู้พวกเขาเนียซัวเปาะไม่ได้ โงวหยงได้ฟังก็ดีใจ จึงคิดว่า พี่น้องสามคนนี้เราพูดเลียบเคียงดูท่วงทีก็เห็นจะเล่นด้วย คงสมความปรารถนา อวยเซียวชิดจึงพูดว่า เราเกิดมาชาตินี้เปรียบเหมือนหญ้าเมื่อฤดูฝน จะตายเป็นก็ครั้งเดียว ถ้าเราฝึกหัดเหมือนพวกเขาเนียซัวเปาะได้สบายเช่นนั้น วันเดียวตายก็ไม่เสียดายชีวิต อวนเซียวยีว่า ขุนนางทุกวันนี้ไม่ซื่อตรง โทษผู้ใดหนักก็เป็นเบา แล้วเที่ยวข่มเหงกดขี่ราษฎรลงเอาเงินทอง ชาวบ้านจึงไม่มีความสุข ซึ่งตัวข้าพเจ้านี้ถ้ามีพวกพ้องแล้วก็จะไปเข้าเป็นพวกเขาเนียซัวเปาะเสีย หาให้ผู้ใดข่มเหงไม่ อวยเซียงเหงาว่า ข้าพเจ้าคิดอยู่เหมือนกัน ด้วยฝีมือเพลงอาวุธต่าง ๆ นั้นเราสามคนพี่น้องไม่เคยแพ้แก่ผู้ใด แต่ไม่มีผู้รู้จักชักนำเข้าไป ก็เป็นอันจนใจ ถึงได้ตั้งทำมาหากินอยู่ตามสบาย โงวหยงเห็นได้ทีจึงพูดว่า ท่านทั้งสามจะไปจริง ๆ หรือ พี่น้องทั้งสามว่า ถ้ามีผู้ชักนำเข้ากับพวกเขาเนียซัวเปาะแล้ว ถึงจะใช้ให้ดำน้ำลุยไฟก็จะทำตามทุกสิ่ง โงวหยงจึงว่า ถ้ากระนั้น ท่านทั้งสามจงไปจับนายโจรที่เขาเนียซัวเปาะมาจะได้หรือไม่ อวนเซียวยี่ว่า ถ้าข้าพเจ้าไปจับมาได้ ผู้ใดจะมีบำเหน็จรางวัลให้ก็เปล่าทั้งนั้น คนที่มีฝีมือเข้มแข็งก็จะนินทาว่า ไปจับเขามาเปล่า ๆ ไม่ต้องการ รักกันไว้ไม่ดีหรือ โงวหยงว่า ท่านคิดเห็นดังนั้น เหตุไฉนไม่ไปเข้าเป็นพวกพ้อง ต้องมาลำบากอยู่ทำไมเล่า อวยเซียวยีว่า เดิมข้าพเจ้าพี่น้องได้ปรึกษากันว่า จะไป แล้วได้ยินข่าวว่า เฮงหลุน นายใหญ่ ใจคอไม่ดี เกลียดชังคนที่มีฝีมือเข้มแข็งกว่าตัว ถ้าแม้นว่า เฮงหลุนโอบอ้อมอารีเหมือนกับท่านซินแส ข้าพเจ้าสามคนพี่น้องก็จะเข้าไปเสียนายแล้ว หาอยู่จนบัดนี้ไม่ โงวหยงว่า เราดีอย่างไร แต่ที่มืองซัวตังกับเมืองฮ่อปักนั้นมีคนฝีมือเข้มแข็งสติปัญญาดี บัดนี้ มาอยู่ที่ฮุนเสียกุ้ย ตำบลตังเคยชึง คนหนึ่ง แซ่ เตียว เป็นนายอำเภอใหญ่ ท่านรู้จักหรือไม่ อวนเซียวเหงาถามว่า ที่ชาวบ้านเรียกว่า ทกทะเทียนอ๋อง ชื่อ เตียวไก่ นั้นหรือ โงวหยงว่า เตียวไก่คนนี้แลใจคอดีนักหนา อวนเซียวชิดว่า บ้านเตียวไก่นั้นตั้งแต่นี้ไปหนทางร้อยลี้เศษ ข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลืออยู่ แต่หารู้จักกันไม่ โงวหยงว่า เตียวไก่คนนี้ชาติชายทหาร ใจคอมั่นคงสัตย์ซื่อ รักพวกพ้องมาก เงินทองไม่เสียดาย เหตุไฉนท่านไม่ไปให้รู้จักเสียบ้างเล่า อวนเซียวยี่ว่า ข้าพเจ้าสามคนพี่น้องไม่มีธุระสิ่งใด จึงไม่ได้ไปให้รู้จักกัน โงวหยงก็ทำเป็นพูดว่า เราไปสั่งสอนศิษย์อยู่ที่ตำบลนั้น ได้ยินข่าวว่า เตียวไก่จะไปเอาทรัพย์สิ่งของที่ไหนมาเป็นอันมาก เราชวนกันไปคอยดูตามทางแย่งชิงเอามาเสีย ท่านจะเห็นประการใด อวนเซียวเหงาว่า เตียวไก่เป็นคนสัตย์ซื่อดี คบหาแต่คนมีฝีมือเข้มแข็ง ถ้าเราทำเช่นนั้น คนที่ฝีมือเข้มแข็งในแผ่นดินก็จะพากันหัวเราะได้ ชอบแต่เตียวไก่มีธุระสิ่งใดพวกเราชวนกันไปช่วยจึงจะควร โงวหยงได้ฟังก็หัวเราะพูดว่า เราจะลองใจท่านว่า จะรักชายชาติทหารหรือไม่ บัดนี้ เห็นใจท่านทั้งสามแล้ว เราจะบอกความตามจริง ซึ่งตัวเรานี้ก็อยู่กับเตียวไก่ด้วยกัน เตียวไก่ได้ยินข่าวเล่าลือว่า ท่านทั้งสามฝีมือเข้มแข็งสัตย์ซื่อดี จึงให้เรามาเชิญท่านทั้งสามไปที่บ้าน จะปรึกษาการงานสักสิ่งหนึ่ง อวนเซียวยี่ว่า ข้าพเจ้าสามคนทั้งสามพี่น้องมีใจสามิภักดิ์เป็นพวกพ้องของเตียวไก่จริง ๆ มิได้คิดเป็นใจหนึ่งใจสอง ถ้าเตียวไก่รักใคร่จะเอาเป็นพวกจริงแล้ว ข้าพเจ้าทั้งสามจะสาบานให้ ในขณะนั้น กำลังกินโต๊ะเสพสุราอยู่ ก็จับถ้วยสุราขึ้นสาบานว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่ซื่อตรงต่อเตียวไก่ ขออย่าให้แคล้วคลาดอาวุธต่าง ๆ เลย โงยหยงได้ฟังก็ยินดี พูดว่า มิใช่ข้าพเจ้ามาชักชวนท่านเป็นโจรผู้ร้ายหรอก แต่ด้วยคราวนี้เป็นการใหญ่ ถ้าได้สมความปรารถนา พวกเราก็มีความสุขไปจนชั่วลูกและหลาน ครั้งนี้ เนียสิเกียดจัดซื้อเพชรพลอยเป็นเงินสิบหมื่นเหรียญ จะไปช่วยแซยิดชัวเกีย พ่อตา ในเมืองหลวง ณ เดือนหก ขึ้นสิบห้าค่ำ เตียวไก่ให้เรามาเชิญท่านไปคิดอ่านการอันนี้ ท่านจะเห็นประการใด พี่น้องทั้งสามได้ฟังก็ดีใจ พูดว่า ถ้าเตียวไก่เอาเป็นพวกพ้องแล้ว ถึงจะให้ไปตายก็ขอไป อย่าวิตกเลย ข้าพเจ้ายอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสามคน พูดแล้วก็ชวนกันกินโต๊ะเสพสุราอยู่จนเวลาเช้า โงวหยงกับพี่น้องทั้งสามก็พากันออกจากบ้านเจี๊ยะเกียดชวนตรงไปบ้านเตียวไก่ ตำบลตังเคยชึง ในที่สุด ก็พากันมาถึงตำบลตังเคยชึง บ้านเตียวไก่ โงวหยงก็พาอวนเซียวยี อวนเซียวเหงา อวนเซียวชิด เข้าไปหา เตียวไก่กับเล่าตงเห็นโงวหยงกับพี่น้องสามคนมาก็ยินดี ออกไปรับคำนับกันตามธรรมเนียม เชิญเข้าไปข้างใน จัดที่ให้นั่งสมควร พูดจาไต่ถามถึงทุกข์และสุขซึ่งกันและกัน แล้วโงวหยงจึงเล่าความซึ่งไปพูดกับพี่น้องทั้งสามให้เตียวไก่ฟังทุกประการ เตียวไก่ก็ยินดี สั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันเป็นที่สบาย พี่น้องทั้งสามเห็นเตียวไก่มีลักษณะดีสมเป็นใหญ่ จะพูดสิ่งใดก็ถูกต้องตามธรรม ใจโอบอ้อมอารี มีความยินดีนัก หกนายชวนกันกินโต๊ะเสพสุราพูดจาถึงการที่คิดไว้รู้เต็มใจทุกคน แล้วเตียวไก่จัดที่ให้คนทั้งสามพักอยู่ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า เตียวไก่จึงจัดโต๊ะเครื่องบูชามาตั้งกลางบ้าน หกนายจุดธูปเทียนบูชาบวงสรวงเทพยดาฟ้าและดิน แล้วสาบานเป็นพี่น้องกัน ประกาศว่า ถ้าผู้ใดไม่ซื่อตรงต่อมิตร ขอให้เป็นอันตรายต่าง ๆ อย่าให้แคล้วคลาดคมอาวุธได้เลย แล้วชวนกันกินโต๊ะเสพสุราเป็นที่สบาย มีหลวงจีนรูปหนึ่งมาบอกกับคนใช้ว่า จะมาหาเตียวไก่ นายอำเภอ คนใช้ก็เข้าไปแจ้งกับเตียวไก่ ขณะนั้น เตียวไก่กำลังกินโต๊ะอยู่ จึงสั่งคนใช้ว่า เอาข้าวไปให้หลวงจีนฉัน บอกว่า เรามีธุระ ให้กลับไปก่อนเถิด คนใช้ก็เอาข้าวมาให้แล้วบอกตามสั่ง หลวงจีนว่า เราอยากจะพบกับเตียวไก่ดอก ข้าวปลาอาหารเราไม่ต้องการ คนใช้ก็ไปแจ้งความกับเตียวไก่อีก เตียวไก่ว่า ถ้ากระนั้น เอาไปให้มาก ๆ บอกว่า เรามีธุระสำคัญอยู่ ออกไปไม่ได้ คนใช้ก็กลับมาทำตามสั่ง หลวงจีนก็ไม่รับ คนใช้เอาข้าวไปให้อีกหลายครั้ง หลวงจีนโกรธ ตีเอา คนใช้พวกในบ้านก็เข้าช่วยกันทุบตี แต่สู้หลวงจีนไม่ได้ แล้วทุ่มเถียงกันอื้ออึงขึ้น เตียวไก่ได้ยินก็ออกมาเห็นหลวงจีนนั้นมีลักษณะชอบกล รูปร่างสูงใหญ่ จึงถามว่า ข้าวปล่าเงินทองก็ให้แล้ว นี่วิวาททุ่มเถียงกันด้วยเหตุอันใดเล่า หลวงจีนจึงตอบว่า ไม่อยากได้ข้าวปลาเงินทองของท่านดอก แต่เงินถึงสิบหมื่นเหรียญก็ยังไม่เต็มใจ อยากจะพบกับเตียวไก่เท่านั้น เตียวไก่ได้ฟังหลวงจีนพูดถึงเงินสิบหมื่นเหรียญถูกต้องกับตัวคิดไว้ ก็นึกว่า เหตุไฉนหลวงจีนจึงมาพูดดังนี้ ชอบกลอยู่ ดูท่วงทีเข้มแข็ง เห็นจะเป็นคนซื่อตรง จำเราจะบอกตามจริงก่อน แล้วจึงค่อยถามดูคงจะรู้ความ คิดดังนั้นก็บอกกับหลวงจีนว่า ตัวเราคือเตียวไก่ ท่านมีธุระสิ่งใดหรือ
หลวงจีนได้ฟังก็ยินดี พูดว่า เรามาหาท่าน ปรารถนาจะปรึกษาการงานด้วย เตียวไก่ก็เชิญหลวงจีนเข้าไปข้างใน โงวหยงเห็นหลวงจีนมาก็หลบเข้าแอบฟังอยู่ในห้อง เตียวไก่พาหลวงจีนไปที่โต๊ะเสพสุรา หลวงจีนเห็นผู้คนนั่งอยู่มาก ก็บอกกับเตียวไก่ว่า ท่านจงพาไปที่อื่นเถิด จะได้พูดจาปรึกษาหารือกัน เตียวไก่ก็พาไปข้างใน เชิญให้นั่งที่สมควร ถามหลวงจีนว่า ท่านแซ่ไร ชื่อใด มาแต่ไหน หลวงจีนบอกว่า เราแซ่ กงสุน ชื่อ สิน เป็นชาวเมืองกิจิว ตั้งแต่เล็กมาก็เรียกวิชาฝึกหัดเพลงอาวุธล่องหนหายตัวได้ คนทั้งหลายเรียกว่า ยิบฮุนเหล็ง แปลว่า มังกรลอยเข้าเมฆ เราได้ยินข่าวเขาลือว่า ท่านอยู่ที่ตำบลตังเคยชึง ชื่อเสียงปรากฏนัก จึงได้ตั้งใจมา หมายจะเอาเพชรพลอยเป็นราคาเงินสิบหมื่นเหรียญมาคำนับ ไม่แจ้งว่า ท่านจะรับหรือไม่ เตียวไก่ได้ฟังก็หัวเราะแล้วพูดว่า นี่เห็นจะเป็นรายที่เนียสิเกียด เจ้าเมืองปักเกีย ดอกกระมัง กงสุนสินได้ฟังเช่นนั้นจึงถามว่า เหตุไฉนท่านจึงรู้เล่า เตียวไก่ว่า ข้าพเจ้าพูดเดาไป จะผิดถูกอย่างไรไม่ทราบเลย กงสุนสินว่า ของรายนี้มิใช่ตัวหาได้โดยสุจริต เที่ยวข่มเหงกดขี่เอาเงินทองแก่ชาวบ้านให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน ควรเราจะแย่งชิงเอามาเสีย ถ้าแม้นปล่อยไป ภายหลังก็จะมีความเสียดาย แต่ใจของท่านจะเห็นประการใด เตียวไก่ยังไม่ทันพูด พอโงวหยงย่องเข้าไปข้างหลัง กอดเอากงสุนสินหลวงจีนไว้ แล้วพูดว่า ข้าพเจ้าแอบฟังอยู่รู้เรื่องความทั้งสิ้น ช่างกล้าหาญจริง มาปรึกษาการดังนี้ได้ไม่กลัวผู้ใดเลย กงสุนสินหลวงจีนไม่รู้เหตุผลอย่างไร ก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดตัวสั่น เตียวไก่เห็นดังนั้นจึงพูดว่า อย่าหยอกเล่น เป็นพวกเดียวกันดอก จงรู้จักไว้เถิด