ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 4/ภาค 1/ตอน 4

จาก วิกิซอร์ซ
กฎหมายจุลศักราช ๑๑๗๖
(พ.ศ. ๒๓๕๗ หรือ ร.ศ. ๓๓)

กฎหมายห้ามมิให้เล่นการพนัน
คือ เด็ดปิล, แทงห่วง, กอบเข้าสาร, เรียงเบี้ย,
ผ้าผูกสายย่าม, ทายอึ่ง, ทายปลาไหล, ทายกลีบมงคุด,
รูดไม้คมพัด, เสือนอนกิน, จ.ศ. ๑๑๗๖.
(กระทรวงมหาดไทยส่งมายังหอสมุดวชิรญาณเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘)

กฎให้ไว้แก่พระสุรัศวดีซ้ายขวาในนอกให้กฎหมายบอกแก่เจ้าพระยาและพระยาพระหลวงเมืองเจ้าราชนิกุลขุนหมื่นพันทนายฝ่ายทหารพลเรือนชาวที่มหาดเล็กขอเฝ้าเจ้าต่างกรมหากรมมิได้ฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลข้าหลวงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการหัวเมืองเอกโทตรีจัตวาปากใต้ปากเหนือร้อยแขวงอาณาพระยาบ้านนายบ้านอำเภอแลราษฎรทั้งปวงจงทั่ว ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมธรรมิกราชารามาธิบดีตรีภูวนารถธิเบศไตรโลกยเชษฐมหาพุทธางกูรราช บรมนารถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระจัตุรงคภีธาจาริยาวัตรธรรมิกราชธรรมอันมหาประเสริฐ เสด็จออกณพระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิ์พิมานอุดรสถานพิมุข พร้อมด้วยอรรคมหาเสนาเสวกามาตยาธิบดีกระวีราชปโรหิตาโหราจารย์ทูลลอองธุลีพระบาทโดยอันดับ จึ่งพระยายมราชนำข้อความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เดิมผู้ฟ้องว่า ณวันเดือนสี่ ขึ้นห้าค่ำ ปีระกา เบ็ญจศก ผู้จอดเรืออยู่ณท่าบ้านเพลาพลค่ำ มีผู้ร้ายตีชิงเอาทรัพย์สิ่งของไป คิดเป็นเงินสามชั่งเก้าตำลึงบาท จึ่งทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิจารณาสืบสาวหาตัวผู้ร้าย เดชพระบารมีพระบรมโพธิสมภาร ผู้คิดอ่านโกหกมารยาแลกล่าวเท็จทุจริตปิดความผิดหารับไม่ ได้ความเป็นสัตย์ว่า อ้ายคง อ้ายมี อ้ายดำ อ้ายฉิม อ้ายวัด อ้ายนาย อ้ายนก อ้ายหนู คบคิดกันขี่เรือลำละสองคนสามคน ทำไม่รู้จักกัน ไปจอดเรือเคียงเรือผู้ฟ้องนั้น เล่นรูดไม้คงพัดทำเสียทำได้ให้เงินกันต่อหน้าผู้ฟ้อง แล้วชักชวนผู้ฟ้องให้เล่น ผู้แพ้ต้องเสียเงินตราผ้าพรรณนุ่งห่มรูปพรรณสิ่งของเข้ากันเป็นเงินสามชั่งเก้าตำลึงบาท อ้ายมีชื่อได้ทรัพย์ไปแบ่งปันกัน ได้เร่งเอาเงินแลรูปพรรณส่งให้ผู้เจ้าทรัพย์แล้ว รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมไล่เลียงไต่ถาม ได้ความต่อออกไปว่า อ้ายมีชื่อหลายคนคบคิดกันให้กฤษฎีกาสัญญาแนะนำบอกกันให้สังเกตชำนิชำนาญในการเล่นพนัน จนเดดปิลให้ขาด แทงห่วงให้ถูกห่วง กอบเข้าสารให้หมด หยิบเบี้ยเรียงให้ขึ้นทีละสองเบี้ยสามเบี้ย เอาผ้าผูกสายย่ามให้แก้ให้ออก หมายเบี้ยให้คนตาบอดทายให้ถูก ทายอึ่งว่าหามีปากไม่ ทายปลาไหลว่าใส้ไม่มี ทายกลีบมงคุดประสมสิบ หยิบเบี้ยสองแถวให้ถูกที่หมาย ทายรูปสัตว์รูดไม่คงพัด เสือนอนกินกอบด้วยกลอุบายหลอกหลอนพูดจา แล้วจัดกันเป็นพวก พวกละสองคนสามคนสี่คนห้าคน เที่ยวตามกันไปทำไม่รู้จักกัน ครั้นพบชายหญิงราษฎรในกรุงนอกกรุงแลต่างประเทศข้าขอบขัณฑเสมาลูกค้าพานิชชาวบกชาวเรือฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ เห็นล่อลวงเอาทรัพย์สิ่งของได้ ก็แวะเข้าไปหยุดพักพูดจาจึงการเล่น ทำเป็นเถียงกันขันพนันทำแพ้ทำชนะเสียเงินให้กันต่อหน้ามิให้คนสงสัย ฝ่ายข้างผู้ได้ก็ลวงพูดจาชักชวนชายหญิงเย้ายุยั่วให้เล่น ทำพวกเข้าเงินด้วยให้หลงเสียพันพัวมัวเล่นตามทุนไปจนสิ้นเงินตราสิ่งของทองรูปพรรณหามีอันจะเสียไม่ อ้ายมีชื่อมิฟังเข้ายื้อแย่งแพรผ้ามีดพร้าจอบเสียมเครื่องอัญญมณีแลเครื่องสรรพสาตราวุธไปแบ่งปันกัน พิจารณาได้ความดังนี้ ที่ขอผู้ฟ้องว่า อ้ายมีชื่อพวกนี้เป็นผู้ร้ายตีชิงเอาทรัพย์สิ่งของไปนั้น หาจริงไม่ ครั้นทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงพระราชดำริว่า ผู้เจ้าทรัพย์เป็นคนหลงโลภเจตนาจะใคร่ได้ จึงปลงใจให้ทรัพย์สิ่งของเสียโดยพนันในการเล่น ครั้นรู้สึกกายเสียดายทรัพย์กลับเอาความเท็จมิจริงมา มาผูกพันร้องฟ้องว่า ผู้ร้ายตีชิงเอาทรัพย์สิ่งของไป ให้ยากแก่ความเมืองดังนี้ เจ้าทรัพย์ก็มีความผิดอยู่ ซึ่งอ้ายมีชื่อเป็นพาลคิดอ่านกันล่อลวงผู้ให้เล่นการพนันเป็นอุบายโกหกมารยาได้ทรัพย์ไปแบ่งกันเลี้ยงชีวิตก็เป็นมิจฉาชีวะหาสุจริตไม่ จำจะให้มีโทษด้วยกันทั้งสองฝ่าย จะได้เข็ดหลาบไปภายหน้า จึงมีพระราชโองการมาณพระบันฑูรสุรสิงหนารถดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนผู้เจ้าทรัพย์กับอ้ายมีชื่อคนละสามสิบที เรียกนายประกันทานบนไว้ แลทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐ ตั้งพระทัยจะให้เขตต์อณาประเทศราษฎรทั้งปวงมีอุตสาหะทำมาหากินโดยซื่อตรง มิให้คิดกระทำบังอาจข่มเหงกันโชกฉ้อกระบัดชิงฉกลักแลล่อลวงเอาทรัพย์สิ่งของท่านไปโดยกุลอุบายโกหกมารยา ทรงพระราชเมตตาจะให้สัตว์โลกกอบด้วยคุณประโยชน์จะให้คุ้มโทษในอนาคตประจุบัน จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกำหนดกฎหมายแจกประกาศไว้ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ห้ามอย่าให้ผู้ใดคบคิดกันพนันเล่นเดดปิล แทงห่วง กอบเข้าสาร หยิบเบี้ยเรียง แก้ย่าม ตาบอดทายเบี้ย ทายเม็ดขนุน ทายอึ่ง ทายปลาไหล ทายกลีบมังคุด ประสมสิบ หยิบเบี้ยหมายทายรูปสัตว์ รูปไม้คมพัด เสือนอนกิน เป็นกลอุบายล่อลวงพูดจามารยาโกหกเป็นอันขาดทีเดียว ถ้ามิฟัง มีผู้จับได้และร้องฟ้องพิจารณาเป็นสัตย์ ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนสามยก ส่งตัวไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง อนึ่ง ผู้ใดจะเล่นถั่วอีโปอีแปะไพ่งาแปดเก้าพกลิดกำตัดสะแกสกาดวดก็ดี ให้เล่นกันแต่โดยซื่อตรง ห้ามอย่าให้เล่นฉ้อโกหกทำเบี้ยปลอมกลองแหครอบตัดเสื่อตัดกระดานผ้าหนีบเข้าออกแลทำโปหลังอ่อนโปใกโปแม่เหล็ก และห้ามอย่าให้รู้กับเจ้ามือทำเป็นลักเปิดไปชวนให้แทงแกล้งปิดไปให้เจ้ามือได้ ห้ามอย่าหมายไพ่เปลี่ยนไพ่ซ่อนไพ่ แล้วอย่าให้ถ่วงเบี้ยทอดถ่วงลูกหมากทอดเป็นอันขาดทีเดียว ถ้ามิฟัง จับได้ ให้นายบ่อนหัวเบี้ยทำโทษแลบังคับบัญชาตามอาญาบ่อน ถ้ามิทำ ก็ให้นายตราส่งตัวผู้กระทำผิดนั้นเข้ามายังพณหัวเจ้าท่านลูกขุนณสาลา ถ้าหัวเมืองนั้น ขุนพัตหมื่นพัต ส่งไปยังเจ้าเมืองกรมการ จะได้ลงพระราชอาญาโดยโทษานุโทษให้หลาบจำ มิให้กระทำสืบไป

กฎให้ไว้ณวันอังคาร เดือนหก ขึ้นสองค่ำ จุลศักราชพันร้อยเจ็ดสิบหก ปีจอนักษัตร ฉศก

(คัดจากต้นฉะบับตัวอักษรเขียนของหอพระสมุดวชิรญาณ เลขที่ ๑๒๐)