ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 4/ภาค 1/ตอน 6
กฎหมายให้ไว้แก่พระสุรัศวะดีซ้ายขวาในนอกให้กฎหมายบอกแก่เจ้าพญาแลพญาพระหลวงเมืองพระราชนิกูลขุนหมื่นพันทนายฝ่ายทหารพลเรือนชาวที่มหาดเลกขอเฝ้าข้าเจ้าต่างกรมหากรมหมิได้ฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลข้าหลวงกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการณหัวเมืองเอกเมืองโทเมืองตรีเมืองจัตวาปากใต้ฝ่ายเหนือ แลเจสัวผู้แต่งสำเภาเรือเสาเรือใบลูกค้าวานิชอะนาประชาราษฎรทั้งปวงจงทั่ว ด้วยพระบาทสมเด็จบรมธรรมิกราชารามาธิบดีศรีวิสุทธิคุณวิบุลปรีชาฤทธิราเมศวรราชบรมนาถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้สรงจัตุรสังฆหะวัตถุแลทศมิตราชธรรมอันมหาประเสริฐ เสด็จออกณพระธินั่งท้องสนามจันทฝ่ายประจิมาพิมุกแห่งพระธินั่งบุศบกมาลามหาจักระพรรดิพิมาน พร้อมด้วยอัคมหาเสนาโหราพฤฒามมาตยราชมนตรีกระวีมุกมาตยาประโรหิตาจารย์เฝ้าทูลอองธุลีพระบาทโดยอันดับ จึ่งทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระมหาบรมกระษัตราธิราชแต่ปางก่อนตั้งพระราชกำหนดพระอายะการไว้ห้ามหมิให้ผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่นซื้อฝิ่นขายฝิ่น ถ้าหมิฟัง จับได้ ให้ลงทัณฑ์โทษถึงทวนทะเวนริบราชบาตจำใส่ตรุไว้ ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นก็หาฟังไม่ ครั้นเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นปราบดาภิเศก ก็ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีพระราชบัญญัติหมายประกาศป่าวร้องห้ามปรามซ้ำไว้อีก เพื่อจะให้คนชั่วรู้โทษตัวละพยศอันร้าย พระราชหฤทัยหมายจะทรงสงเคราะห์สรรพสัตว์ให้ได้สุขคะติภูมไปภายหน้า โดยทรงพระเมตตาธิคุณแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นก็ยังหาฟังไม่ จึงให้จับเอาตัวมาลงพระราชทัณฑ์กักขังแลคุมตัวไว้ ที่รู้สึกโทษเหนไภยในปัจจุบันในอะนาคต ก็อุสาหะลดหย่อนผ่อนสูบให้น้อยลงทุกวันจนอดได้เด็จขาดก็มี ที่เปนข้าราชการก็ได้ฉลองพระเดชพระคุณสืบไป แต่จำพวกที่หนาไปด้วยอะกุศลเปนคนหยาบหมิได้เกรงพระราชอาญาคบหากันสูบฝิ่นกินฝิ่นชุกชุมขึ้นเปนอันมาก ที่ยากจนขัดสนทรัพย์หาอันจะซื้อฝิ่นกินมิได้ ใจเกิดกำเริบเปนพาล คบหากันกระทำโจรกำม์สกดสดมตัดช่องย่องเบาล้วงลักปล้นเรือนตีชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สิ่งของเครื่องอัญะมะนีมาขายจำนำเอาเงินซื้อฝิ่นสูบกินก็มีบ้าง ลางทีมีทรัพย์สิ่งสินอยู่แล้ว ก็ได้ซื้อฝิ่นสูบกิจเปนนิจ คิดแต่ทนงหลงโลภมักใหญ่ฝ่ายสูงนึกมั่งมีในใจ เหนแต่จะได้เกิดศุขโสมะมัศในขณะเมา จำพวกนี้ก็นับเข้าในเมไรยประมาท หมิได้ได้คิดกระทำราชการแลทำมาหากินสะสมกองกุศลที่จะยกตนออกจากภพ มีแต่ก่อสร้างปัญจะวิธะเวระกำม์จะนำไปสู่ทุกข์หาประโยชน์ไม่ ถึงจะทำราชการณรงค์สงครามฉลองพระเดชพระคุณเล่า ถ้าอดฝิ่นหมิได้ ถึงเพลาก็ให้เงี่ยนเกิดอาเจียนหิวอ่อนเอาราชการหมิได้ บ้างก็ให้ปวดมวนร้อนหนาวทุรนทุรายลงท้องตายก็มี เมื่อพิเคราะห์ดูอำนาถฝิ่นให้โทษแก่ผู้สูบกินถึงเพียงนี้ ถ้าจับได้ ก็จะมีโทษต้องทุกข์เวทนาในพระราชอาชาอะนาจักร์โสตะหนึ่ง เปนทิฐิแต่ในปัจจุบัน ครั้นสิ้นชีวิตร์แล้ว อกุศลที่ตนสูบฝิ่นกินฝิ่นเปนอาจิระกำม์แล้วคบหากันเปนโจรผู้ร้ายซ้ำเข้าเปนสองโทษฉนี้ ผลกำม์ก็จะนำตนไปตกในมหาดาพะนรกอะเวจีนะรก นายนิริบาลลงทัณฑกำม์กระทำโทษต้องทุกข์เวทนาโดยสาหัสหาที่สุดหมิได้ ครั้นพ้นจากมหาดาพะนะรกอะเวจีนรกแล้ว ก็ต้องไปบังเกิดเปนเปรตวิไสยมีควันไฟพลุงออกมาทางจมูก เพราะเสศผลที่ตนสูบฝิ่นกินฝิ่นเปนนิจผิดเปนมิจฉาชีวะไม่เหนทุกข์โทษในอะนาคตปัจจุบัน ครั้นจะละไว้ บุคคลที่เปนพาลสันดานทุจริดก็จะคบคิดกันลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่นสูบฝิ่นกินฝิ่นและจะทำโจรกำม์กำเริบล่วงเกินพระอาชา แลจะไปทนทุกข์เวทนาในอะบายภูมอีกโสตหนึ่ง แล้วทรงพระราชดำริห์เหนว่า ฝิ่นซึ่งนักเลงมีชื่อสูบกินอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่มีพืชผลต้นลำขึ้นในแผ่นดินกรุงพระมหานครศรีอยุธยา ฝิ่นมีเข้ามาแต่นานาประเทศ ถึงฝารั่งเจ้าของผู้กระทำฝิ่นได้ ก็ยังห้ามปรามเอาโทษกันถึงสิ้นชีวิตร หาให้สูบฝิ่นกินฝิ่นไม่ แม้เจสัวแลลูกค้าซึ่งแต่งเรือไปค้าขายฝ่ายตวันตก ถ้าเกรงพระราชบัญญัติไม่จัดซื้อฝิ่นเข้ามาขายณะกรุงเทพฯ แล้ว ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นไม่มีที่ซื้อ ก็คงจะอดได้ หามีผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่นไม่ ถ้ามีผู้ขายมีที่ซื้อได้ ถึงจะเอาโทษสักเพียงใด ก็เหนว่า ผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นจะอดหมิได้ คงจะลักลอบซื้อสูบกินต่อไป แลผู้ซื้อกับผู้ขายล่วงพระราชอาชาโทษเท่ากัน ครั้นจะห้ามให้เด็ดขายโดยเร็วเล่า ถ้าผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นที่ติดมาช้านานหลายปีแล้ว ก็จะหากลับตัวอดได้โดยเร็วไม่ จะเกิดไข้เจ็บแลถึงตายก็จะมีบ้าง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเปนอันมาก จึงมีพระราชโองการมาณะพระบันทูลสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งให้ตราพระราชบัญญัติไว้ เพื่อจะให้เปนหิตินุหิตประโยชน์ หนึ่ง จะทรงพระราชสงเคราะห์ช่วยระงับดับทุกข์โทษแห่งคนร้ายในอะนาคตปัจจุบัน แลในพระราชบริหารบัญญัตินั้นว่า แต่บันดาผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นที่เคยสูบมาแต่ก่อนวันละมากน้อยเท่าใด ก็ให้ลดหย่อนผ่อนสูบให้น้อยลงมากว่าแต่ก่อนจงทุกวันกว่าจะอดได้ให้เด็ดขาดแต่ในกำหนดเดือน ๔ ปีเถาะ เอกศกนี้ ถ้าถึง ๑ฯ ๕ ค่ำ ปีมะโรง โทศก ผู้ใดยังขืนสูบฝิ่นกินฝิ่นอยู่อีก จับได้พิจารณาเปนสัจ ให้ลงพระราชอาชาเฆี่ยน ๓ ยก ลิบราชบาดเอาทรัพย์สิ่งของเปนหลวงให้สิ้นเชิง ทเวนบก ๓ วัน ทเวนเรือ ๓ วัน ส่งตัวไปเปนตะพุ่นหญ้าช้าง แลบุตร์ภรรยาผู้สูบฝิ่นกินฝิ่นนน ให้ส่งไปสีเข้าฉางหลวงใช้การที่อันหนัก อะหนึ่ง เจสัวแลลูกค้าวานิชซึ่งแต่งเรือไปค้าขายฝ่ายตวันตก ให้เจสัวกำชับนายเรือแลลูกเรือห้ามอย่าให้ซื้อฝิ่นนานาประเทศเข้ามาขายณะกรุงเทพพระมหานครแลแว่นแคว้นกรุงฯ เปนอันขาดทีเดียว ถ้าผู้ใดมีฝิ่นอยู่ก่อนหมิได้ห้ามมากน้อยเท่าใด ก็ให้เอามาส่งต่อเจ้าพนักงานคลังในซ้าย ถ้าหัวเมือง ให้ส่งตอ่ผู้รักษาเมืองต่อกรมการ เกบเอาฝิ่นใส่หีบปิดตรารักษาไว้กว่าจะถึงมรสุมเรือล่อง จึงให้เจ้าของมารับเอาฝิ่นต่อเจ้าพนักงาน ให้เร่งเอาฝิ่นไปขายเสียแก่นานาประเทษให้พ้นแคว้นกรุงเทพพระมหานครให้สิ้นเชิงแต่ในกำหนดเดือน ๔ ปีเถาะ เอกศกนี้ ถ้าผู้ใดมีฝิ่นอยู่ก่อนห้ามหมิได้เอาฝิ่นมาส่งต่อเจ้าพนักงาน แลเจสัวนายเรือลูกเรือขืนลักลอบซื้อฝิ่นก้อนเข้ามา ลูกค้ารับซื้อไว้ต้มขาย ตั้งแต่เดือน ๑ฯ ๕ ค่ำ ปีมะโรง โทศก จะให้มีผูจับ ถ้าจับได้พิจารณาเปนสัจ ให้เอาราคาฝิ่นซึ่งซื้อเขามานั้นตั้งปรับไหมเท่าตัวให้เปนบำเหน็จแก่ผู้จับ แลฝิ่นซึ่งซื้อเข้ามามากน้อยเท่าใด ให้เจ้าพนักงานเกบเอาฝิ่นมาถ่วงน้ำเสียให้สิ้น แลตัวเจสัวลูกค้าเจ้าของฝิ่นนั้น ให้ลงพระราชอาชาเฆี่ยน ๓ ยก ริบราชบาดเอาทรัพย์สิ่งของเปนหลวงให้สิ้นเชิง ทเวนบก ๓ วัน ทเวนเรือ ๓ วัน ส่งตัวไปตะพุ่นญ่าช้าง แลบุตร์ภรรยาลูกค้าเจ้าของฝิ่นนั้น ให้ส่งไปสีเข้าฉางหลวงใช้การที่อันหนัก ให้ร้อยแขวงกรมการนายบ้านนายอำเภอประกาศป่าวร้องอนาประชาราษฎรลูกค้าวานิชทั้งปวงให้รู้จงทั่ว แลให้มหาดไทย กระลาโหม กรมท่า มีตราแจกพระราชบัญญัติไปจงทุกหัวเมือง ให้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายนี้จงทุกประการ ถ้าผู้ใดหมิกระทำตามพระราชกำหนดนี้ จะเอาตัวเปนโทษตามโทษานุโทษ
กฎให้ไว้ณะวัน ๔ ๑๑ฯ ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๘๑ ปีเถาะนักสัตว์ เอกศก