ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 54/ภาค 1/เรื่อง 143
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พุทธศักราช ๒๔๘๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ๑การจดทะเบียนชื่อสกุล การเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อรอง หรือชื่อสกุล ให้ยื่นคำร้องตามแบบของกระทรวงมหาดไทย
ข้อ๒เมื่อกรมการอำเภอได้รับคำร้อง หากพิจารณาเห็นว่า ชื่อที่ขอนั้นขัดต่อมาตรา ๖ ก็ดี มาตรา ๘ ก็ดี ให้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ
ข้อ๓การประกาศให้สาธารณชนในท้องถิ่นทราบในกรณีขอจดทะเบียนชื่อสกุลหรือเปลี่ยนชื่อสกุลนั้น ให้กรมการอำเภอทำประกาศระบุชื่อผู้ร้อง ตำบลที่อยู่ และชื่อสกุลที่ขอจดทะเบียนหรือขอเปลี่ยน ปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ มีกำหนดสิบห้าวัน
ข้อ๔ให้กรมการอำเภอเสนอเรื่องราวคำร้องไปยังคณะกรรมการจังหวัดเพื่อพิจารณาเสนอต่อไปยังกระทรวงมหาดไทย
ในกรณีที่เกี่ยวด้วยชื่อสกุลนั้น ให้เสนอไปพร้อมด้วยคำคัดค้าน ถ้ามี
ข้อ๕เมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีให้ใช้ชื่อตามคำร้องก็ดี หรือรัฐมนตรีไม่อนุญาตก็ดี ให้คณะกรรมการอำเภอแจ้งให้ผู้ร้องทราบ
ข้อ๖การขอรับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุลตามความในมาตรา ๑๘ นั้น ให้ยื่นเรื่องราว ณ ที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อส่งต่อไปยังรัฐมนตรี และเมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดแจ้งให้ผู้ยื่นเรื่องราวทราบเพื่อรับหลักฐานไปดำเนินการจดทะเบียนต่อไป
ข้อ๗ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการขอเปลี่ยนชื่อสกุลตามอัตราต่อไปนี้
(๑)ในกรณีที่ขอเปลี่ยนเพราะชื่อสกุลพ้องกับสกุลอื่น หรือมีความหมายหยาบคายไม่สมควร หรือมีสำเนียงเป็นภาษาต่างคำหรือประเทศ รายละ ๒ บาท
(๒)ในกรณีที่ขอเปลี่ยนเพราะเหตุอื่นนอกจากที่ระบุใน (๑) รายละ ๒ บาท
ข้อ๘ผู้ขอเปลี่ยนชื่อสกุลต้องวางเงินค่าธรรมเนียมดั่งระบุไว้ในข้อ ๗ แก่กรมการอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้จดทะเบียนในเวลาที่ยื่นคำร้องขอเปลี่ยน
ข้อ๙ถ้าในที่สุดคำร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุลนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนได้ ให้คืนค่าธรรมเนียมแก่ผู้ยื่นคำร้อง
เชวงศักดิ์สงคราม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย