ข้ามไปเนื้อหา

ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่ม 7/ภาค 5/เรื่อง 8

จาก วิกิซอร์ซ
ประกาศ
พระราชบัญญัติผัวขายเมีย

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศแก่ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายน่าฝ่ายในแลราษฎรในกรุงนอกกรุงให้ทราบทั่วกันว่า เมื่อณวันพฤหัศบดี แรม ๑๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีเถาะ นพศก อำแดงจั่นทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายกล่าวโทษนายเอี่ยมผัวว่า ลักเอาชื่ออำแดงจั่นไปขายไว้แก่ผู้มีชื่อ อำแดงจั่นไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นด้วย ครั้นความทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทดังนี้ จึงทรงพระราชดำริห์ว่า ผัวลักเอาชื่อภรรยาไปขาย ภรรยาไม่ได้รู้เห็นด้วย จะเรียกว่าเปนเรือนเบี้ยไม่ควร แต่กฎหมายเก่านั้นว่าไว้อย่างไร ยังหาทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทไม่ ณวันอังคาร แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ปีเถาะ นพศก จึงมีพระราชหัถเลขาให้พระอินทรเทพเชิญไปถามลูกขุน ๆ พร้อมกันคัดบทกฎหมายเก่าทูลเกล้าฯ ถวายเข้ามา ดังนี้ (ถ้าผัวแลพ่อแม่นายเงินเอาชื่อลูกเมียข้าคนลงในกรมธรรมขาย ท่านว่า เปนสิทธิ แม้นว่าเจ้าสินบอกก็ดี มิได้บอกก็ดี แก่ตัวเรือนเบี้ยซึ่งมีชื่ออยู่ในกรมธรรมนั้น ท่านว่า เปนสิทธิได้โดยรบินเมืองท่าน เหตุว่า เจ้าผัวแลพ่อแม่นายเงินนั้นเปนอิศรภาพ) (บทหนึ่งว่า เมียก็ดี ลูกก็ดี เอาชื่อพ่อแม่ผัวลงในกรมธรรมขาย ท่านว่า มิเปนสิทธิ เหตุว่า เมียลูกนั้นมิได้เปนอิศรแก่ผัวแลพ่อแม่นั้น) กฎหมายเดิมมีอยู่เช่นนี้ จึงทรงพระราชดำริห์ว่า กฎหมายนี้ เมื่อพิเคราะห์ดู เหมือนผู้หญิงเปนควาย ผู้ชายเปนคนไป หาเปนยุติธรรมไม่ ให้ยกเสีย จึงมีพระราชบัญญัติใหม่ว่า ถ้าผัวจะเขียนชื่อเมียในสารกรมธรรมขาย ถ้าเมียมิใช่เมียทาษมีค่าตัวมีสารกรมธรรมในมือผัวแล้ว ต่อเมียยอมให้ขายลงลายมือแกงใดด้วยเปนสำคัญผู้เขียนสารกรมธรรม ฤๅมีผู้นั่งเปนพยานรู้เห็นด้วย จึงเปนอันขาย ควรถือว่าเปนตัวเรือนเบี้ยได้ ถ้าเมียไม่ยอมให้ขาย ฤๅลักเอาชื่อไปขาย ไม่มีพยานรู้เห็น ไม่เปนอันขาย แต่ถ้าเมียอยู่กับผัว ไม่ได้อย่าร้างค้างขายแยกย้ายกัน ผัวลักเอาชื่อเมียไปทำสารกรมธรรมขายแล้วหนีไป นายเงินจะมาร้องฟ้องให้เกาะครองเมียมาเร่ง ให้ส่งตัวผัวตามรบินเมืองได้ ถ้ามันยอมเปนจำนำแทนผัวมันให้ใช้ต่างกะยาดอกเบี้ยค่าป่วยการฤๅยอมเปนทาษต่อภายหลังลงแกงใดทำใบยอมให้ จะยึดเอาตัวเปนทาษก็ได้ ถ้าไม่ยอม จะเกาะเปนจำนำได้แต่ในโรงศาล จะยึดเอาเปนตัวทาษไม่ได้ ถ้าเมียอย่าร้างขาดจากผัวเมียกันก่อน แต่มันหนี ถึงมีชื่อในสารกรมธรรม มันไม่รู้เห็นด้วยก็ดี ฤๅเมียผัวมันไปขายเปนทาษท่านผู้อื่นไว้แต่ก่อน ยอมเปนทาษใช้อยู่ในเรือนนายเงินแล้วก่อน แต่ผัวลักเอาชื่อมาทำสารกรมธรรมขายที่อื่นอีกนั้นก็ดี จะเกาะมันเอามาเปนจำนำไม่ได้ ให้เกาะเอาแต่ผู้นายประกันแลผู้รับเรือนนายประกันเงินของตัวในการเรื่องผัวลักเอาชื่อเมียมาขายนั้นเถิด ในการอย่างนี้ ต้องเปนความลำบากแก่ผู้มักง่ายเชื่อกฎหมายเก่าว่า ผู้หญิงเปนควาย ผู้ชายเปนคน ๚ะ

ถ้าเมียเปนทษมีค่าตัว ผัวยังไม่ได้ฉีกสารกรมธรรมยกค่าตัวให้ ถึงเปนเมียไม่ให้ว่าเมียให้ ว่าเปนทาษทาษเปนเมียก็ดี ไม่ได้เปนเมียก็ดี สารกรมธรรมมีนายเงินซึ่งเปนผัวแลไม่ได้เปนผัว จะเอาชื่อไปขายไม่ยิ่งกว่าค่าตัวเดิม เพียงเสมอค่าตัวเดิม ฤๅหย่อนกว่าค่าตัวเดิมก็ได้ ต้องมอบสารกรมธรรมเก่าให้ไปแก่ผู้นายเงินใหม่เปนสำคัญ ทาษที่ยอมเปนเมียนายเงินสารกรมธรรมยังไม่ได้ฉีกยกให้ จะผิดกับทาษที่ไม่ได้เปนเมียนายเงิน แต่เมื่อถ้านายเงินผู้เปนผัวควรจะได้มรฎกบ้างเล็กน้อยในฉันภรรยา โดยว่า ทรัพย์มรฎกไม่มีผู้รับทรัพย์มรฎกฤๅเจ้าหนี้ของผู้ตาย จะต้องลดค่าตัวเปน ๑๐ ลดฤๅ ๑๒ ลด ๑๕ ลด สมมตว่า เปนมรฎกของผู้ตายยกให้แก่มันที่เปนเมีย แต่ในการขายนั้นเหมือนกับทาษ ถ้าผัวขายเมียทาษฤๅนายเงินขายทาษแรงกว่าค่าตัวเดิมไป ไม่ให้สารกรมธรรมเดิมไปเปนสำคัญ ถ้ามันลงแกงใดยินยอมด้วยดังว่าก่อน ก็เปนอันขายได้ ถ้ามันไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย ต้องพิจารณาเอาความจริงชำระเร่งรัดเอาตามค่าตัวเดิม เงินที่เกินให้เร่งเอาแต่ผู้ขายผู้ที่รับเงินไป ถ้านายเงินเอาชื่อทาษที่เปนเมียก็ดี ไม่ได้เปนเมียก็ดี ที่หลบหลีกหนีแล้วมาขายแลช่วยถ่ายไว้ ได้ตัวเรือนเบี้ยมา ให้เรียกค่าตัวเดิมแลค่าป่วยการตั้งแต่หนีไปได้แต่ต้นชนดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ถ้าพ่อแม่เอาชื่อลูกมาขาย ถ้าลูกอายุยังไม่ถึง ๑๕ ปี แลอยู่กับพ่อแม่มัน ถึงไม่มีแกงใดแลคำยอมด้วย ก็เปนอันขายได้ ถ้าลูกแยกย้ายไปจากพ่อฤๅแม่ที่เปนผู้ขายแล้ว คือ พ่อแม่โกรธอย่าร้างกัน ลูกตกไปอยู่ข้างอื่นจากผู้ขายหรือญาติของฝ่ายอื่นจากผู้ขาย จะลอบเอาชื่อมาขายไม่ได้ ไม่เปนอันขาย ให้เร่งเงินเอาแก่ผู้ขาย แลผู้นายประกันจะเกาะเรือนเบี้ยไม่ได้ ก็ถ้าลูกชายก็ดี ลูกหญิงก็ดี อายุถึง ๑๕ ปีขึ้นไปแล้ว ถ้าพ่อแม่มันจะเอามาขาย ต่อมันลงแกงใดยินยอมมีผู้รู้เห็นด้วย จึงเปนอันขาย การก็เหมือนกับเมียที่ไม่มีค่าตัว ถ้าพ่อแม่มันผู้ขายนั้นหนี มันยังอยู่ในเรือนพ่อแม่มัน จะเกาะเอาตัวมันมาเปนจำนำในโรงสาลได้ ถ้ามันลงแกงใดทำใบยอมเปนทาษแทนพ่อแม่มันให้ใช้ จะเอาเปนทาษตามสารกรมธรรมก็ได้ ถ้ามันไม่ยอม จะเกาะเปนจำนำไว้ได้ในโรงสาล ให้มันนำตัวพ่อแม่มันที่หนี แต่ถ้ามันแยกย้ายตกไปฝ่ายอื่นขาดไปแล้วจากพ่อแม่ผู้ขาย จะเกาะเอามาเปนจำนำก็ไม่ได้ ต้องเร่งเอาแต่ผู้นายประกันแลผู้รับเรือนผู้ประกันฝ่ายเดียว

ถ้าผู้ขายตาย ผู้รับมรฎกเปนผัว ฤๅเปนเมีย ฤๅเปนลูก ฤๅเปนญาติของผู้ตาย ต้องรับใช้หนี้แทนผู้ตายโดยสมควรแก่กฎหมายมรฎก ถ้าเมียขายผัว ๆ เปนทาษของเมียมีค่าตัว สารกรมธรรมยังไม่ได้ฉีกยกให้ ก็เหมือนกับขายทาษ จะเอาเรื่องที่เปนผัวมาเกี่ยวไม่ได้ เมียขายผัวก็ดี ลูกขายพ่อแม่ก็ดี พี่น้องขายกันก็ดี เพื่อนฝูงชอบพอกันก็ดี ถ้าลงกำแหงแกงใดยินยอมด้วยมีผู้รู้เห็น ก็เปนอันขาย ถ้าไม่ยินยอมเห็นด้วย ไม่เปนอันขาย ลูกที่ไม่มีพ่อแม่ ผู้ขายเอามาเลี้ยงเหมือนลูกของตัวแต่ได้อายุ ๗ ขวบลงมา สิทธิ์ขาดไม่มีใครเถียง ก็ขายได้เหมือนกับลูกตัว เพราะมันจะได้มรฎกด้วยความเปนลูกเลี้ยง ขายได้ในอายุ ๑๕ ปีลงมา เมื่อพ้นอายุ ๑๕ ขึ้นไปแล้ว ต่อเรือนเบี้ยมันยอมด้วย จึ่งขายได้ ลูกผู้อื่นที่ผู้ขายเอามาเลี้ยง เมื่ออายุมันกว่า ๗ ขวบถึงอายุได้ ๑๕ ปีลงมา มันไม่ยอมด้วย จะเอาไม่ขายไม่ได้ เพราะมันไม่ควรได้มรฎกของผู้เลี้ยง ให้ลูกขุนตระลาการซึ่งจะพิพากษาความต่อไปเบื้องน่าว่าตามพระราชบัญญัติซึ่งประกาศไว้นี้ อย่าให้เอากฎหมายเดิมมาว่าเปนอันขาด ถ้าลูกขุนตระลาการผู้ใดยังว่าตามกฎหมายเดิมอยู่ ไม่พิพากษาความตามพระราชบัญญัตินี้ จะให้มีโทษตามโทษานุโทษแต่ผู้นั้น ๆ

ประกาศมาณวันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๙ ปีเถาะ นพศก