ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 70/เรื่องที่ 13
วัน ๑ ๗ฯ ๒ ค่ำ ปีจอ อัฏฐศก ศักราช ๑๒๔๘
หลวงเสนีพิทักษ์ | ข้าหลวง | นั่งพร้อม | |||
ขุนเพ็ชรลูแสน | |||||
นายทองมหาดเล็ก | |||||
เจ้าราชสำพันธวงศ์ | เมืองนครจำปาศักดิ์ | ||||
เจ้า | หมุน | ||||
ราชวงศ์ | ผู้ว่าราชการเมือง | เมืองเชียงแตง | |||
ราชบุตร | กรมการ |
ณทำเนียบที่พัก ได้หาพระคำแหงพลศักดิ์ เจ้าเมืองสุตนคร มาถามด้วยราชการเขตต์แดนเมืองกำภูชาฯ กับเมืองเชียงแตงซึ่งติดต่อกันเอาความจริง พระกำแหงพลศักดิ์ อายุ ๗๙ ปี ให้การว่า เดิมข้าพเจ้าชื่อ ท้าวเชียงบุญราช เป็นบุตรราชบุตร มารดาชื่อ อำแดงดา ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านแก่นท้าว แขวงเมืองหล่มศักดิ์ ครั้นอายุข้าพเจ้าได้ ๒๔ ปี บิดามารดาข้าพเจ้าไปขอนางสุขุมา บุตรสาวเพี้ยไชยราช บ้านแก่นท้าว อยู่กินเป็นสามีภิริยาจนเกิดบุตรหญิง ๑ ชาย ๑ รวม ๒ คน อยู่มาช้านาน ข้าพเจ้าจึงได้มาค้าขายณบ้านข่า แขวงเมืองนครจำปาศักดิ์ แล้วข้าพเจ้าได้ช่วยไถ่ข่ามาเป็นภรรยาคนหนึ่ง ครั้นณปีมะโรง ฉศก ศักราช ๑๒๐๖ อายุข้าพเจ้าได้ ๓๐ ปี ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชายกกองทัพกรุงเทพฯ ออกมาสู้รบญวน ปราบปรามเมืองเขมรเรียบร้อยแล้ว จึงยกองค์ด้วงเขมรขึ้นเป็นพระหริรักษ์รามาธิบดี ราชการเมืองพนมเป็ญก็ราบคาบได้ครั้งนั้น แล้วท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงให้ข้าหลวงแลพระยาพระเขมรออกไปปักปันเขตต์แดนซึ่งเป็นเมืองติดต่อกันใกล้เคียงกันกับเมืองพนมเป็ญ ขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ลงไปรับราชการอยู่กับท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา ข้าพระเจ้าได้รับตราตั้งเป็นที่ขุนโยธาภักดี นายกองควบคุมเลขจรจัด ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ใช้ข้าพเจ้า กับหลวงอนุรักษ์ภูเบศฯ ขุนสิทธิณรงค์ ข้าหลวง พระยาวรจุล กับพระยาพระเขมรหลายนาย ขึ้นมาปักปันเขตต์แดนเมืองพนมเป็ญซึ่งติดต่อกันกับเมืองเชียงแตง ได้ปักไว้ที่บุ่งขลา มีต้นมะขามเล็กโตกำกึ่งอยู่ ๔ ต้น แล้วข้าพเจ้า กับข้าหลวง แลพระยาเขมร จึงพากันขนก้อนหินศิลามากองไว้ที่ต้นมะขามแลต้นเสา แล้วเอาไม้พยอมโตประมาณ ๓ กำกึ่ง สูง ๓ ศอก มาทำหลักฝังไว้ที่ริมต้นมะขามเป็นเขตต์แดน ครั้นปักหลักที่บุ่งขลาเสร็จแล้ว ข้าหลวง กับข้าพเจ้า แลพระยาเขมร ก็พากันขึ้นไปปักที่ด่านจะลับอีกแห่งหนึ่ง มีต้นกะโดนต้นหนึ่ง ต้นรังสองต้น เป็นสำคัญ แล้วได้เอาไม้รังโต ๓ กำกึ่ง สูง ๓ ศอก ฝังไว้ที่เป็นเขตต์แดน เสร็จแล้ว ข้าพเจ้า กับท่านข้าหลวง แลพระยาเขมร ก็กลับมาถึงเมืองเชียงแตง ข้าพเจ้าจึงลาหลวงอนุรักษ์ภูเบศฯ ขุนสุทธิณรงค์ กลับขึ้นไปบ้านเรือนข้าพเจ้าที่บ้านข่าตะแบง ฝ่ายหลวงอนุรักษ์ภูเบศฯ ขุนสิทธิณรงค์ ก็เลยขึ้นไปเมืองนครจำปาศักดิ์ พระยาวรจุล เขมร กับพระยาเขมร พักคอยอยู่ที่เมืองเชียงแตง ข้าพเจ้าไปถึงบ้านเรือนข้าพเจ้าแล้วได้ทราบข่าวว่า หลวงอนุรักษ์ภูเบศฯ ขุนสิทธิณรงค์ พาเจ้าโพสาราช เมืองนครจำปาศักดิ์ แลพระยาเขมร ลงไปปักเขตต์แดนที่เสียมโบกอีกแห่งหนึ่ง แล้วกลับลงไปกราบเรียนชี้แจงรายเขตต์แดนต่อท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาที่เมืองพนมเป็ญ ครั้นณปีมะเมีย อัฏฐศก ข้าพเจ้าจึงกลับลงไปที่เมืองพนมเป็ญ ได้นองาลงมาไปเป็นของน้ำใจท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา แลกราบเรียนชี้แจงการเขตต์แดนซึ่งข้าพเจ้ามาปักที่บุ่งขลาที่ด่านจะลับ ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชามีบัญชาว่า ชอบด้วยราชการอยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็ได้รับราชการอยู่ประมาณหลายเดือน ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาจวนจะลงไปกรุงเทพฯ ข้าพเจ้ากราบลามาบ้านข้าพเจ้า ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ให้ตราสำหรับตัวฉบับหนึ่ง ใจความว่า มิให้เจ้าเมืองกรมการกดขี่คุมเหงให้ได้ความเดือดร้อน ครั้นณปีมะเมีย นพศก อายุข้าพเจ้าได้ ๖๓ ปี ข้าพเจ้าได้รับราชการอยู่กับเจ้านครจำปาศักดิ์ ภายหลัง โปรดมีศุภอักษรออกมาถึงเจ้านครจำปาศักดิ์ว่า เมืองได้ว่างเปล่าอยู่ ไม่มีเจ้าเมือง ก็ให้ตั้งข้าพเจ้าเป็นเจ้าเมืองควบคุมเลขทำราชการขึ้นกับเมืองนครจำปาศักดิ์ เจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์คำสุขคนนี้จึงได้ยกบ้านตะแบงขึ้นเป็นเมืองสุตนคร ตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นพระกำแหงพลศักดิ์ เจ้าเมือง ทำราชการขึ้นกับเมืองนครจำปาศักดิ์ต่อมาจนทุกวันนี้ เป็นความสัตย์จริงที่ได้รู้เห็นการเขตต์แดน สิ้นคำให้การแต่เท่านี้ ได้เขียนชื่อประทับตรารูปมนุษยไว้เป็นสำคัญ