ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 64
งานนี้ยังไม่เสร็จ สามารถดูและร่วมพัฒนาได้ที่ดัชนีนี้: 1 |
ในงานปลงศพคุณหญิงปฏิภานพิเศษ (ลมุน อมาตยกุล) เจ้าภาพมีความประสงค์จะพิมพ์หนังสือที่เกื้อกูลการศึกษาประวัติศาสตร์สักเรื่องหนึ่งเป็นของสำหรับแจกในงาน ขอให้กรมศิลปากรเป็นธุระหาต้นฉบับ
กรมศิลปากรเลือกได้พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งเป็นหนังสือที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งของผู้ใฝ่ใจในทางประวัติศาสตร์ เมื่อเจ้าภาพได้รับเรื่องไปพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ก็แสดงความพอใจ และตกลงรับพิมพ์ ดังปรากฏอยู่ในเล่มนี้
บรรดาพระราชพงศาวดารสยามความเก่า จับเรื่องตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา ที่กรมศิลปากรมีต้นฉบับอยู่เวลานี้ ทั้งที่พิมพ์แล้วและยังมิได้พิมพ์ คือ
(๑)พระราชพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐ มีบานแผนกบอกไว้ดังนี้
"ศุภมัสดุ ๑๐๔๒ ศก วอกนักษัตร ณวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อนสั่งว่า ให้เอากฎหมายเหตุของพระโหราเขียนไว้แต่ก่อน และกฎหมายเหตุซึ่งหาได้แต่หอหนังสือ แลเหตุซึ่งมีในพระราชพงศาวดารนั้น ให้คัดเข้าด้วยกันเป็นแห่งเดียว ให้ระดับศักราชกันมาคุงเท่าบัดนี้"
ได้ความว่า เป็นพระราชพงศาวดารที่สมเด็จพระนารายน์มีพระราชโองการให้เรีบเรียงเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๓ ความขึ้นต้นแต่แรกสถาปนาพระพุทธรูปพระเจ้าพะแนงเชิงเมื่อปีชวด จุลศักราช ๖๘๖ (พ.ศ. ๑๘๖๗) และแรกสร้างกรุงเทพทราวดีศรีอยุธยาเมื่อปีขาลจุลศักราช ๗๑๒ (พ.ศ. ๑๘๙๗) สืบมาจนถึงปีมะโรง จ.ศ. ๙๖๖ (พ.ศ. ๒๑๔๗) ตอนปลายรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิมพ์อยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑
(๒)พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๓๖ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๑๗ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ได้ปลีกมาเล่มเดียว เป็นฉบับหลวง เขียนครั้งกรุงธนบุรี ว่าด้วยเรื่องราวตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช พิมพ์อยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔ สำนวนรัดกุมและเก่าไล่เลี่ยกับฉะบับหลวงประเสริฐ
(๓)พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๔๕ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๒๖ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๑) มี ๒ เล่ม เป็นฉบับปลีก ว่าด้วยเรื่องราวในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเล่มหนึ่ง ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเล่มหนึ่ง เข้าใจว่ายังไม่มีการชำระแก้ไขต่อเติมในคราวนั้น เพราะบางแห่งบอกไว้ชัดว่า ต้นฉบับขาดที่ตรงนั้นเท่านั้น แล้วปล่อยให้ขาดอยู่ตามฉบับเดิม เมื่อนำสอบกับฉะบับพันจันทนุมาศปรากฏว่า ฉะบับพันจันทนุมาศแต่งเติมที่ขาดนั้นแล้ว ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๔๕ นี้ ถึงจะมีไม่ครบบริบูรณ์ ก็เป็นหนังสือที่ดีในทางรักษารูปสำนวนเก่า แต่ยังไม่มีโอกาสพิมพ์ออกให้แพร่หลาย
(๔)พระราชพงศาวดาร ฉบับพิมพ์ ๒ เล่ม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฉบับหมอบรัดเล เริ่มความตั้งแต่แรกสร้างกรุงเทพทราวดีศรีอยุธยา ต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร สุดความลงเพียง จ.ศ ๑๑๕๕ (พ.ศ. ๒๓๓๕) อันเป็นปีที่ ๑๑ ในรัชกาลที่ ๑ ไม่มีบานแผนกบอกว่า ำระหรือเรียบเรียงเมื่อไร เป็นแต่บอกไว้ที่ปกในเล่มต้นว่า "พระศรีสุนทรโวหารได้ช่วยชำระดูสอบบ้าง เห็นว่าถูกต้องอยู่แล้ว" จึงเป็นอันรู้ได้ว่า พงศาวดารฉะบับนี้ได้มีการชำระกันมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งเมื่อรัชกาลที่ ๔ ก่อนที่หมอบรัดเลจะได้นำมาลงพิมพ์
(๕)พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เริ่มความตั้งแต่แรกสถาปนากรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร สุดความลง จ.ศ. ๑๑๕๒ (พ.ศ. ๒๓๓๓) ได้ความในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งมีพระราชทานไปให้เซอร์ยอนเบาริงที่เข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงชำระพระราชพงศาวดารร่วมกับกรมหลวงวงศาราชสนิทตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นต้นมา (ดูพระราชหัตถเลขารัชกาลที่ ๔ รวมครั้งที่ ๔ หน้า ๑๖ หรือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๒ หน้า ๒๓๗) เข้าใจว่า การชำระครั้งนั้นคงจะได้ทรงกระทำมาถึงปีสุดรัชกาลรัชกาลของพระองค์ ซึ่งสำเร็จเป็นฉบับพระราชหัตถเลขา พิมพ์เมื่อ พ. ศ. ๒๔๔๕ นั้นแล้ว ที่จะเข้าใจดังนี้ก็เพราะมีคำว่า ภูษามาลา เป็นที่สังเกตอยู่แห่งหนึ่ง แต่ก่อนมาเรียกคำนั้นว่า มาลาภูษา ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ ปีสุดท้ายของรัชกาลที่ ๔ ปรากฏในหมายรับสั่งต้นปีว่า มีพระบรมราชโองการห้ามมิให้เรียก มาลาภูษา ให้เปลี่ยนเรียกเป็น ภูษามาลา พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ก็ใช้คำว่า ภูษามาลา จึงสันนิษฐานว่า คงจะทรงชำระมาถึงปีสุดรัชกาลของพระองค์ แต่เสียดายที่ไม่มีบานแผนกบอกไว้ ชะรอยว่าการทรงชำระจะยังไม่สมบูรณ์ตามพระราชประสงค์ก็อาจเป็นได้
(๖)พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ข้อความโดยมากยุติกับกับฉบับหมอบรัดเลพิมพ์ เว้นแต่เรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนารายน์ตอนปลายติดต่อมามีแปลกออกไปหลายแห่ง พิมพ์อยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘
(๗)พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) มีจำนวนสมุดไทยตามลำดับเป็น ๒๒ เล่ม ขาดในระหว่างบ้างบางเล่ม เริ่มต้นแต่แรกสถาปนากรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ต่อมาจนสุดรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอเริ่มความตอนต้นกรุงรัตนโกสินทรก็หมดฉบับ แต่สังเกตได้ว่ายังไม่สุดเรื่อง ที่พิมพ์ในเล่มนี้เพียงตอนกรุงศรีอยุธยา ส่วนตอนกรุงธนบุรีหวังว่าจะได้พิมพ์ในโอกาสต่อไป
พระราชพงศาวดารฉบับนี้มีบานแผนกบอกไว้ว่า "ศุภมัสดุ ศักราช ๑๑๕๗ ปีเถาะ สัปตศก สมเด็จพระบรมธรรมิกมหาราชาธิราชพระเจ้าอยู่หัวผ่านถวัลราชณกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา เถลิงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงชำระพระราชพงศาวดาร" ดังนี้ จุลศักราช ๑๑๕๗ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๓๘ อันเป็นปีที่รัชกาลที่ ๑ โปรดให้ชำระพระราชพงศาวดารนับเป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร
ยังมีข้อความตอนท้ายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ (หน้า ๓๗๘) กล่าวเป็นบานแผนกเพิ่มเติมไว้อีกว่า "เพียงนี้เรื่องพระเพทราชากับพระเจ้าเสือทำไว้แต่ก่อน บัดนี้ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้เจ้าพระยาพิพิธพิชัยกระทำเรื่องพระนารายน์เป็นเจ้า กับพระเพทราชา พระเจ้าเสือ พระบรมโกศ พระเจ้าพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ทำศักราชถัดกันไป"
ข้อความตรงนี้น่าจะหมายความว่า เรื่องที่ชำระเรียบเรียงไว้แต่ก่อนฉะเพาะตอนกรุงศรีอยุธยาสุดลงเพียงสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ แล้วมีพระบรมราชโองการให้ท่านเจ้าพระยาพิพิธพิชัยร้อยกรองเพิ่มเติมขึ้นอีก แต่มิได้เอาข้อความปรับปรุงเข้ากับที่แต่งไว้ก่อนนั้น คงให้แยกอยู่ต่างหาก การทำเช่นนี้ให้ความรู้ในทางตำนานการชำระเรียบเรียงพระราชพงศาวดารเป็นอย่างดี จะได้ทราบถ่องแท้ว่า เรื่องแต่ก่อนมีอยู่เพียงไหน แต่งเติมต่อมาอีกเท่าไร มิฉะนั้น จะหาทางสันนิษฐานให้ทราบใกล้ความจริงได้ยาก
หนังสือพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ มีข้อความแตกต่างจากฉบับหมอบรัดเลและฉบับพระราชหัตถเลขาหลายแห่ง แม้เพียงเท่าที่พิมพ์ตอนกรุงศรีอยุธยาออกมาให้แพร่หลายก็เป็นประโยชน์มากในทางสอบสวนค้นคว้าประวัติศาสตร์สยาม ซึ่งผู้ได้รับคงยินดีอนุโมทนาทั่วกัน
ในการพิมพ์ครั้งนี้มีเวลาจำกัด เพราะกระชั้นงานมาก เพียงแต่คัดถ่ายจากต้นฉบับสมุดไทย บางฉบับต้องเสียเวลาอ่านทบทวน ด้วยเหตุว่าตัวหนังสือลบเลื่อนอยู่มากแห่ง ฉบับหลวงที่อาศัยสอบทานก็มีไม่บริบูรณ์ จึงน่าจะมีการขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง แต่กระนั้น ก็ได้พยายามที่จะให้เรียบร้อยเป็นอย่างดีที่สุด ได้สอบเรื่องที่ตรงกับฉบับหลวงประเสริฐ แล้วจดศักราชเทียบไว้เห็นที่ต่างกันเป็นด้วย
กรมศิลปากรขออนุโมทนากุศลธรรมิกพลีอันอุดมที่เจ้าภาพสร้างสมบำเพ็ญเพื่ออุทิศมนุญญานิสงส์อันพึ่งสำเร็จโดยฐานะสมควรแก่คุณหญิงปฏิภาณพิเศษ (ลมุน อมาตยกุล) เพิ่มพูนความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นในสัปรายภพเบื้องหน้าต่อไป.
วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ. ศ. ๒๔๗๙
คุณหญิงปฏิภาณพิเศษ (ลมุน อมาตยกุล) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๑๓ สิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๒๘ เป็นบุตรีหลวงฤทธิ์อัคเณย์ (เอม เอมทัศ) และทัศ เอมทัศ เป็นมารดา บ้านเดิมอยู่ปากคลองดาวคนอง ครั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๕ ได้มาอยู่กินกับพระยาปฏิภาณพิเศษที่บ้านตำบลไปรษณีย์ หน้าวัดราชบุรณะ จังหวัดพระนคร เกิดบุตรธิดาด้วยกัน เป็นชาย ๗ คน หญิง ๔ คน ยังคงมีชีวิตอยูทั้ง ๑๑ คน คือ
- นายเอก อมาตยกุล
- นางทวี อมาตยกุล
- นายดาบ ตรี อมาตยกุล
- นายจัตวา อมาตยกุล
- นายเบญจะ อมาตยกุล
- นางฉัฏฐ์ อมาตยกุล
- นายสัปดาห์ อมาตยกุล
- นายอัฏฐ์ อมาตยกุล
- นายนพ อมาตยกุล
- นางสาวทัศรี อมาตยกุล
- นางสาวภาณี อมาตยกุล
คุณหญิงปฏิภาณพิเศษได้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคม ครั้นถึงวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ เวลา ๑ นาฬิกา ๕ นาฑี ได้ถึงแก่กรรมณที่บ้านตำบลไปรษณีย์ หน้าวัดราชบุรณะ จังหวัดพระนคร คำณวนอายุได้ ๕๐ ปีกับ ๗ เดือน
วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙
สารบาญ | |||
หน้า | ๑ | ||
” | ๑ | ||
(๑) รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) | |||
เมืองขึ้นกรุงศรีอยุธยา ๑๖ เมือง |
” | ๒ | |
โปรดให้พระราเมศวรยกทัพไปปราบขอม |
” | ๒ | |
โปรดให้พระบรมราชายกทัพไปช่วยพระราเมศวร |
” | ๒ | |
สถาปนาวัดพุทไธศวรรย์ |
” | ๓ | |
เกิดม้าและไก่ประหลาด |
” | ๓ | |
สถาปนาวัดป่าแก้ว |
” | ๓ | |
(๒) รัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ครั้งที่ ๑ | |||
พระบรมราชาชิงราชสมบัติ |
” | ๓ | |
(๓) รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ | |||
เสด็จไปเอาเมืองฝ่ายเหนือ |
” | ๔ | |
เสด็จไปเอาเมืองนครพังคาและเมืองแซรงเซรา |
” | ๔ | |
เสด็จไปเอาเมืองชากังราว ครั้งที่ ๑ |
” | ๔ | |
แรกสถาปนาพระศรีรัตนมหาธาตุ |
” | ๔ | |
เสด็จไปเอาเมืองพิษณุโลก |
” | ๔ | |
เสด็จไปเอาเมืองชากังราว ครั้งที่ ๒ |
” | ๔ | |
เสด็จไปเอาเมืองชากังราว ครั้งที่ ๓ |
หน้า | ๕ | |
เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ |
” | ๕ | |
(๔) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทองลัน | |||
สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๕ | |
(๒) รัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ครั้งที่ ๒ | |||
เสด็จเลียบพลขึ้นไปเชียงใหม่ |
” | ๕ | |
ได้เมืองเชียงใหม่ |
” | ๖ | |
สถาปนาวัดมหาธาตุ |
” | ๗ | |
ทำพระราชพิธีประเวศพระนคร ครั้งที่ ๑ |
” | ๗ | |
พระยาละแวกลอบยกกองเข้ามากวาดเอาเมืองชลบุรีและจันทบุรี |
” | ๗ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปปราบพระยาละแวก |
” | ๗ | |
โปรดให้พระยาชัยณรงค์รั้งเมืองละแวก |
” | ๗ | |
ทำพิธีประเวศพระนคร ครั้งที่ ๒ |
” | ๘ | |
(๕) รัชกาลสมเด็จพระยาราม | |||
เจ้ามหาเสนาบดีคิดกบฎ |
” | ๘ | |
(๖) รัชกาลสมเด็จพระอินทราชาธิราช | |||
โปรดให้สมเด็จพระยารามไปกินเมืองปทาคูจาม |
” | ๙ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปเมืองพิษณุโลก |
” | ๙ | |
เจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยาแย่งราชสมบัติกัน |
” | ๙ | |
(๗) รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ | |||
สถาปนาวัดราชบุรณะ |
หน้า | ๑๐ | |
ก่อพระเจดีย์ ๒ องค์ไว้ที่เชิงสะพานป่าถ่าน |
” | ๑๐ | |
เสด็จไปเอาเมืองนครหลวง |
” | ๑๐ | |
โปรดให้พระนครอินท์ราชโอรสครองเมืองนครหลวง |
” | ๑๐ | |
สร้างวัดมเหยงคณ์ |
” | ๑๐ | |
พระราเมศวรราชโอรสเสด็จไปเมืองพิษณุโลก |
” | ๑๐ | |
เพลิงไหม้พระราชมนเทียรสถาน |
” | ๑๑ | |
เพลิงไหม้พระที่นั่งตรีมุข |
” | ๑๑ | |
เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ |
” | ๑๑ | |
เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ ๒ |
” | ๑๑ | |
(๘) รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ | |||
ยกวังทำเป็นวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ |
” | ๑๑ | |
สร้างพระที่นั่งเบญจรัตนมหาปราสาท |
” | ๑๑ | |
พระราชทานชื่อขุนนางตามตำแหน่งนา |
” | ๑๑ | |
สถาปนาวัดพระราม |
” | ๑๒ | |
แต่งทัพไปเอาเมืองมะละกา |
” | ๑๒ | |
แต่งทัพไปเอาเมืองศรีสพเถิน |
” | ๑๒ | |
ข้าวแพง |
” | ๑๒ | |
หล่อรูปพระโพธิสัตว์ ๕๕๐ พระชาติ |
” | ๑๒ | |
พระยาเชลียงคิดกบฎ |
” | ๑๓ | |
พระอินทราชาทรงชนช้างกับหมื่นนคร |
หน้า | ๑๓ | |
สร้างพระวิหารวัดจุฬามณี |
” | ๑๓ | |
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงพระผนวช |
” | ๑๓ | |
ท้าวมหาบุญชิงเมืองเชียงใหม่ |
” | ๑๔ | |
เสด็จไปเมืองเชลียง |
” | ๑๔ | |
แรกตั้งนครไทย |
” | ๑๔ | |
พระราชทานให้อภิเศกพระยาซ้ายขวาเป็นพระยาล้านช้าง |
” | ๑๔ | |
พระบรมราชาราชโอรสทรงพระผนวช |
” | ๑๕ | |
ประดิษสถานพระราชโอรสในที่พระมหาอุปราช |
” | ๑๕ | |
มหาราชท้าวลูกพิราลัย |
” | ๑๕ | |
สมเด็จพระมหาอุปราชไปตีเมืองทะวาย |
” | ๑๕ | |
เกิดโค, ไก่, ข้าวสารประหลาด |
” | ๑๕ | |
แรกก่อกำแพงเมืองพิชัย |
” | ๑๕ | |
(๙) รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ | |||
พระราชพิธีการเบญจเพส |
” | ๑๖ | |
พระราชพิธีประถมกรรม |
” | ๑๖ | |
แรกสร้างพระวิหารวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ |
” | ๑๖ | |
แรกหล่อพระศรีสรรเพ็ชญ์ |
” | ๑๖ | |
แรกทำตำราพิชัยสงคราม |
” | ๑๗ | |
แรกทำสารบัญชีพระราชพิธีทุกเมือง |
หน้า | ๑๗ | |
ชำระคลองศรีษะจรเข้และคลองทับนาง |
” | ๑๗ | |
ขุดได้รูปเทพารักษ์ชื่อพระยาแสนตาและชื่อบาทสังขกร |
” | ๑๗ | |
คนทอดบัตรสนเท่ห์ ขุนนางถูกฆ่ามาก |
” | ๑๗ | |
ข้าวแพง |
” | ๑๗ | |
ประดิษฐานพระราชโอรสในที่พระมหาอุปราช |
” | ๑๘ | |
พระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก |
” | ๑๘ | |
(๑๐) รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร | |||
(๑๑) รัชกาลสมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร | |||
(๑๒) รัชกาลสมเด็จพระชัยราชาธิราช | |||
เสด็จไปเชียงไตรเชียงตราน |
” | ๑๘ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปปราบเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ ๑ |
” | ๑๙ | |
เพลิงไหม้ในพระนคร |
” | ๑๙ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปปราบเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ ๒ |
” | ๑๙ | |
พระเทียรราชาทรงผนวช |
” | ๒๐ | |
(๑๓) รัชกาลสมเด็จพระยอดฟ้า | |||
(๑๔) รัชกาลขุนวรวงศาธิราช | |||
ขุนพิเรนทรเทพกับพวกคิดการกบฎ |
” | ๒๓ | |
(๑๕) รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช ครั้งที่ ๑ | |||
ตั้งขุนพิเรนทรเทพเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองเมืองพระพิษณุโลก |
หน้า | ๒๙ | |
ตั้งขุนอินทรเทพเป็นเจ้าพระยาศรียาธรรมโศกราช |
” | ๒๙ | |
ตั้งหลวงศรียศเป็นเจ้าพระยามหาเสนาบดี |
” | ๓๐ | |
ตั้งหมื่นราชเสน่หาเป็นเจ้าพระยามหาเทพ |
” | ๓๐ | |
ตั้งหมื่นราชเสน่หานอกราชการเป็นเจ้าพระยาภักดีนุชิต |
” | ๓๐ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๑ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาเหยียบชานพระนคร |
” | ๓๑ | |
พระยาละแวกยกทัพมากวาดครัวเมืองปราจินบุรี |
” | ๓๒ | |
ซ่อมแซมกำแพงพระนคร |
” | ๓๒ | |
สถาปนาวัดวังชัย |
” | ๓๒ | |
พระราชพิธีประถมกรรม |
” | ๓๓ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปปราบเขมร |
” | ๓๓ | |
พระยาละแวกถวายนักพระสุโท นักพระสุทัน เป็นพระราชบุตรบุญธรรม |
” | ๓๔ | |
นักพระสุทันครองเมืองสวรรคโลก |
” | ๓๔ | |
แปลงเรือแซ่เป็นเรือชัยแลเรือศีรษะสัตว์ต่าง ๆ |
” | ๓๕ | |
พระราชพิธีมัธยม |
” | ๓๕ | |
เมืองละแวกเสียแก่ญวน |
” | ๓๕ | |
พระองค์สวรรคโลกยกทัพไปกู้เมืองละแวก |
หน้า | ๓๖ | |
เสียพระองค์สวรรคโลกกับคอช้าง |
” | ๓๖ | |
พระราชพิธีอาจริยาภิเษก |
” | ๓๖ | |
พระราชพิธีอินทราภิเษก |
” | ๓๖ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๒ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาติดพระนคร |
” | ๓๗ | |
มหาดาวัดภูเขาทองศึกออกรับขุดคูตั้งค่ายกันทัพเรือ |
” | ๓๘ | |
สมเด็จพระศรีสุริโยทัยขาดคอช้าง |
” | ๔๒ | |
พระเจ้าหงสาวดีเลิกทัพไปทางเมืองเหนือ |
” | ๔๙ | |
สมเด็จพระมหาธรรมราชาหลีกพ้นทางทัพพะม่า |
” | ๕๐ | |
พระราเมศวรและพระมหินทราธิราชตัดท้ายพลทัพพระเจ้าหงสาวดี |
” | ๕๑ | |
กองทัพพระเจ้าหงสาวดีจับได้พระราเมศวรแลพระมหินทราธิราช |
” | ๕๑ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิให้ข้าหลวงขึ้นไปขอพระราเมศวรแลพระมหินทราธิราช |
” | ๕๒ | |
พระเจ้าหงสาวดีขอช้างพลาย ๒ ช้าง |
” | ๕๓ | |
สถาปนาวัดศพสวรรค์ |
” | ๕๔ | |
ตั้งบ้านท่าจีนเป็นเมืองสาครบุรี |
” | ๕๕ | |
ตั้งบ้านตลาดขวัญเป็นเมืองนนทบุรี |
” | ๕๕ | |
ตั้งเมืองนครชัยศรี |
” | ๕๕ | |
รื้อกำแพงเมืองลพบุรี, นครนายก, สุพรรณบุรี |
หน้า | ๕๕ | |
พระศรีสินกบฎ |
” | ๕๕ | |
ฆ่าขุนนางที่เข้ากับพระศรีสินเป็นอันมาก |
” | ๕๗ | |
มีช้างเผือก ๗ ช้าง |
” | ๕๗ | |
พระเจ้าหงสาวดีขอช้างเผือก ๒ ช้าง |
” | ๕๘ | |
กรุงศรีอยุธยาไม่ให้ช้างเผือก |
” | ๕๙ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๓ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๖๑ | |
สมเด็จพระมหาธรรมราชาออกสวามิภักดิ์พระเจ้าหงสาวดี |
” | ๖๑ | |
พระยาพิชัยรณฤทธิ พระยาวิชิตรณรงค์ ยกทัพไปช่วยเมืองเหนือไม่ทัน |
” | ๖๕ | |
พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพเรือลงเรือลงมาบรรจบทัพพะม่า |
” | ||
ที่เมืองนครสวรรค์ |
” | ๖๖ | |
ทัพหงสาวดีติดพระนคร |
” | ๖๗ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิยอมออกเป็นไมตรี |
” | ๖๙ | |
ทัพหงสาวดีกลับทางเหนือ |
” | ๗๑ | |
พระยาตานีกบฎ |
” | ๗๑ | |
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแต่งทูตมาขอพระเทพกษัตรีย์ราชธิดา |
” | ๗๑ | |
พระเจ้าหงสาวดีแต่งให้กองทหารมาสะกัดชิงพระเทพกษัตรีย์ |
” | ๗๕ | |
(๑๖) รัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช ครั้งที่ ๑ | |||
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประทับวังหลัง |
หน้า | ๗๕ | |
บุรณะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองลพบุรี |
” | ๗๖ | |
เมืองเหนือทั้งปวงเป็นสิทธิแก่พระมหาธรรมราชา |
” | ๗๖ | |
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตยกทัพมารบเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๗๗ | |
ทัพกรุงศรีอยุธยายกขึ้นไปช่วยเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๗๗ | |
พระมหาธรรมราชาระแวงทัพกรุงศรีอยุธยา |
” | ๗๗ | |
พระมหาธรรมราชาให้ปล่อยแพไฟเผากองทัพเรือกรุงศรีอยุธยา |
” | ๗๘ | |
กรุงหงสาวดีให้พระยาภุกามและพระยาเสือหาญยกกองทัพมาช่วยเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๗๙ | |
ทัพกรุงศรีอยุธยาถอยกลับคืน |
” | ๗๙ | |
ทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตล่าคืนไป |
” | ๗๙ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงพระผนวช |
” | ๘๐ | |
พระมหาธรรมราชาขอให้พระยารามไปเป็นเจ้าเมืองพิชัย |
” | ๘๑ | |
(๑๕) รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช ครั้งที่ ๒ | |||
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาพระผนวช |
หน้า | ๘๒ | |
พระมหาธรรมราชาพาพระนเศร์ไปกรุงหงสาวดี |
” | ๘๒ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จขึ้นไปรับพระวิสุทธิกษัตรีย์กับพระเอกาทศรฐลงมาณกรุง |
” | ๘๓ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิให้พระยารามแต่งการป้องกันพระนคร |
” | ๘๔ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๔ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาติดพระนคร |
” | ๘๕ | |
พระมหาธรรมราชาเข้าสมทบทัพพระเจ้าหงสาวดี |
” | ๘๖ | |
กรุงศรีอยุธยาขอให้กรุงศรีสัตนาคนหุตยกทัพมาช่วย |
” | ๘๙ | |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิสวรรคต |
” | ๙๐ | |
(๑๖) รัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช ครั้งที่ ๒ | |||
พระมหาธรรมราชาลวงให้ส่งพระยารามออกไป |
” | ๙๖ | |
พระธรรมมาเป็นใส้ศึกอยู่ในกรุงฯ |
” | ๙๙ | |
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตยกทัพมาช่วยกรุงศรีอยุธยา |
” | ๑๐๑ | |
พระมหาอุปราชราชายกกองไปซุ่มโจมตีทัพกรุงศรีสัตนาคนหุตแตก |
หน้า | ๑๐๒ | |
พระมหาธรรมราชาให้พระยาจักรีไปเป็นใส้ศึกในกรุง |
” | ๑๐๓ | |
พระยาจักรีทำการทรยศต่อชาติไทย |
” | ๑๐๔ | |
เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พระเจ้าหงสาวดี |
” | ๑๐๕ | |
พระเจ้าหงสาวดีราชาภิเษกพระมหาธรรมราชา |
” | ๑๐๗ | |
(๑๗) รัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช | |||
พระราชนามาภิไธย |
” | ๑๐๗ | |
พระเจ้าหงสาวดียกทัพกลับไปทางเมืองกำแพงเพ็ชร |
” | ๑๐๘ | |
สมเด็จพระมหินทราธิราชสวรรคต |
” | ๑๐๘ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๑ พระยาละแวกยกกองมาปล้นพระนคร |
” | ๑๐๙ | |
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชป้องกันพระนคร |
” | ๑๑๑ | |
พระยาละแวกปล้นกรุงไม่สำเร็จ ยกกองกลับคืนไป |
” | ๑๑๑ | |
พระนเรศวรเสด็จขึ้นไปครองเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๑๑๒ | |
พระเจ้าหงสาวดียกทัพไปรบกรุงศรีสัตนาคนหุต เกณฑ์ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชไปในกองทัพด้วย |
” | ๑๑๒ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๒ พระยาละแวกยกกองมาปล้นพระนคร |
” | ๑๑๓ | |
พระยาละแวกปล้นกรุงไม่สำเร็จ ยกกองกลับคืนไป |
” | ๑๑๔ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๓ พระยาละแวกให้กองเรือมาปล้นเมืองเพ็ชรบุรี |
หน้า | ๑๑๔ | |
พระยาจีนจันตุขุนนางเขมรมาสวามิภักดิ |
” | ๑๑๕ | |
พระยาจีนจันตุคิดลอบหนีกลับออกไป |
” | ๑๑๕ | |
พระเจ้าหงสาวดีสวรรคต มังเอิงราชบุตรได้เสวยราชสืบสันตติวงค์ |
” | ๑๑๖ | |
เมืองรุม เมืองคัง แข็งเมืองต่อกรุงหงสาวดี |
” | ๑๑๖ | |
พระนเรศวรยกทัพไปช่วยปราบเมืองรุม เมืองคัง |
” | ๑๑๖ | |
พระนเรศวรจับเจ้าเมืองรุม เมืองคัง ได้ |
” | ๑๑๘ | |
พระนเรศวรเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา |
” | ๑๑๙ | |
ขยายกำแพงพระนคร แต่งป้อม และขุดคูขื่อหน้า |
” | ๑๒๐ | |
เกิดกบฎญาณพิเชียร |
” | ๑๒๐ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๔ พระยาละแวกยกกองเรือมาปล้นเมืองเพ็ชรบุรี |
” | ๑๒๐ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๕ พระยาละแวกให้กองทหารลาดเข้ามาในภาคตะวันออก |
” | ๑๒๒ | |
พระนเรศวรแต่งทัพขับไล่กองทหารเขมรแตกกลับไป |
” | ๑๒๓ | |
พระเจ้าหงสาวดีให้นันทสูกับราชสงครามมาอพยพหัวเมืองฝ่ายเหนือเพื่อตัดกำลังกรุงศรีอยุธยา |
” | ๑๒๓ | |
พระเจ้าหงสาวดีอ้างว่าเมืองอังวะเป็นกบฎ ขอให้พระนเรศวรยกทัพไปช่วย |
” | ๑๒๔ | |
พระนเรศวรยกทัพไปช่วยกรุงหงสาวดี |
หน้า | ๑๒๔ | |
ไทยใหญ่อพยพหนีพะม่าไปเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๑๒๕ | |
พระนเศวรเสด็จเมืองแครง |
” | ๑๒๖ | |
พระมหหาเถรคันฉองพาพระยาเกียรติ พระยาพระราม มาเฝ้าพระนเรศวร แล้วทูลเล่าเปิดเผยราชการลับของกรุงหงสาวดี |
” | ๑๒๖ | |
พระนเรศวรประกาศอิศระภาพของไทย |
” | ๑๒๗ | |
พระนเรศวรทรงพระแสงปืนนกสับยิงข้ามแม่น้ำสะโตงถูกสุระกำมานายกกองพะม่าตาย |
” | ๑๒๙ | |
นันทสูกับราชสงครามเลิกครัวเมืองกำแพงเพ็ชรอพยพไปกรุงหงสาวดี |
” | ๑๓๑ | |
พระนเรศวรเสด็จยกทัพตามตีนันทสูกับราชสงคราม |
” | ๑๓๑ | |
พระยาชัยบูรณ์ชนช้างกับนันทสู ขุนพศรีชนช้างกับราชสงคราม |
” | ๑๓๒ | |
นันทสูกับราชสงครามแตกหนีไป |
” | ๑๓๒ | |
พระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลกแข็งเมือง |
” | ๑๓๒ | |
พระนเรศวรเสด็จยกทัพจากเชียงทองไปเมืองสุโขทัยเพื่อปราบพระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลก |
” | ๑๓๓ | |
ประหารชีวิตพระยาพิชัยและพระยาสวรรคโลก |
” | ๑๓๕ | |
พระนเรศวรเสด็จกลับเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๑๓๕ | |
พระเจ้าหงสาวดีเตรียมทัพ |
” | ๑๓๖ | |
พระยาละแวกแต่งทูตมาขอเจริญพระราชไมตรี |
หน้า | ๑๓๖ | |
เทครัวอพยพชาวเมืองเหนือลงมาณกรุง |
” | ๑๓๘ | |
พระนเรศวรเสด็จจากเมืองพระพิษณุโลกลงมาประทับณกรุงฯ |
” | ๑๓๘ | |
ศึกหุงสาวดี ครั้งที่ ๑ พระเจ้าหงสาวดีให้พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาทางเมืองกำแพงเพ็ชร ให้พระยาพะสิมยกทัพมาทางเมืองกาญจนบุรี |
” | ๑๔๐ | |
ทัพเรือพระยาจักรีไปเมืองสุพรรณบุรี ตีทัพพระยาพะสิมถอยไปตั้งมั่นณเขาพระยาแมน |
” | ๑๔๐ | |
พระนเรศวรแลพระเอกาทศรฐเสด็จยกทัพไปถึงสามขนอน โปรดให้พระยาสุโขทัยเป็นนายกองยกไปตีทัพพระยาพะสิมแตกหนีกลับไปสิ้น |
” | ๑๔๐ | |
พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมายังนครสวรรค์ |
” | ๑๔๑ | |
พระเทพมนูตีทัพหน้าเชียงใหม่ถอย ทัพเชียงใหม่เลิกกลับไป |
” | ๑๔๒ | |
แต่งข้าหลวงไปกำหนดแดนกับเขมร |
” | ๑๔๓ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๒ พระเจ้าหงสาวดีให้พระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาทางนครสวรรค์ |
” | ๑๔๔ | |
พระยาละแวกให้พระศรีสุพรรณมาธิราชยกทัพมาช่วย |
” | ๑๔๕ | |
พระเจ้าเชียงใหม่เคลื่อนทัพลงมาตั้งมั่นที่ตำบลสระเกษ |
” | ๑๔๖ | |
พระเจ้าหงสาวดีให้พระมหาอุปราชาคุมพลมาตั้งทำนาเมืองกำแพงเพ็ชร |
หน้า | ๑๔๖ | |
พระนเรศวรกับพระเอกาทศรฐตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่แตกกลับไป |
” | ๑๔๗ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๓ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาทางเชียงทอง ตั้งมั่นที่ขนอนปากคู |
” | ๑๕๖ | |
พระนเรศวรกับพระเอกาทศรฐออกตีทัพหงสาวดี |
” | ๑๕๘ | |
พระเจ้าหงสาวดีถอยทัพไปตั้งปากโมกใหญ่ |
” | ๑๖๐ | |
พระนเรศวรกับพระเอกาทศรฐตามไปตีทัพหงสาวดีที่ปากโมกใหญ่ |
” | ๑๖๐ | |
พระเจ้าหงสาวดีเลิกทัพกลับไป |
” | ๑๖๑ | |
ศึกเขมร ครั้งที่ ๖ พระเจ้าละแวกให้กองทัพจู่มาตีหัวเมืองตะวันออก |
” | ๑๖๑ | |
พระยาศรีไสยณรงค์ยกไปตีทัพเขมรแตกยับเยิน |
” | ๑๖๒ | |
ศึกหงสาวดี ครั้งที่ ๔ พระเจ้าหงสาวดียกทัพมาทางกำแพงเพ็ชร ตั้งมั่นที่บางปะหัน |
” | ๑๖๒ | |
พระนเรศวรปีนค่ายหงสาวดี |
” | ๑๖๔ | |
พระเจ้าหงสาวดีเลิกทัพกลับไป |
” | ๑๖๕ | |
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชสวรรคต |
” | ๑๖๕ | |
(๑๘) รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช | |||
ศึกพระเจ้าหงสาวดี ครั้งที่ ๑ พระเจ้าหงสาวดีให้พระมหาอุปราชยกทัพมาทางพระเจดีย์สามองค์ |
หน้า | ๑๖๖ | |
ทัพไทยกออกไปขัดรับหน้าศึกที่ทุ่งหนองสาหร่าย |
” | ๑๗๐ | |
สมเด็จพระนเศวรมหาราชทรงชนช้างชะนะพระมหาอุปราชา |
” | ๑๗๘ | |
ทัพหงสาวดีแตกยับเยิน |
” | ๑๘๐ | |
โปรดให้ก่อพระเจดียฐานสวมศพพระมหาอุปราชาที่ตำบลตะพังตรุ |
” | ๑๘๑ | |
ปรึกษาโทษนายทัพนายกองที่โดยเสด็จไม่ทันในงานพระราชสงคราม |
” | ๑๘๒ | |
สมเด็จพระพนรัตนป่าแก้วขอพระราชทานโทษนายทัพนายกอง |
” | ๑๘๒ | |
โปรดให้พระยาจักรียกทัพไปตีเมืองตะนาวศรี ให้พระยาพระคลังไปตีเมืองทะวาย |
” | ๑๘๕ | |
กลับตั้งหัวเมืองฝ่ายเหนือ |
” | ๑๘๕ | |
พระเจ้าเชียงใหม่แต่งทูตมาขอสวามิภักดิ์ |
” | ๑๘๗ | |
พระเจ้าเชียงใหม่ขอกำลังขึ้นไปช่วยป้องกันทัพล้านช้าง |
” | ๑๘๙ | |
โปรดให้พระยาราชฤทธานนท์ยกทัพขึ้นไปช่วยเชียงใหม่ |
” | ๑๘๙ | |
พระยาจักรีตีเมืองตะนาวศรีแตก |
หน้า | ๑๙๐ | |
พระยาพระคลังตีเมืองทะวายแตก |
” | ๑๙๑ | |
โปรดให้พระยาศรีไสยณรงค์รั้งเมืองตะนาวศรี |
” | ๑๙๓ | |
พระยาจักรีให้ก่อพระเจดีย์ที่พรมแดนระหว่างไทยกับทะวายต่อกัน |
” | ๑๙๔ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปปราบพระเจ้าละแวก |
” | ๑๙๕ | |
สำเร็จโทษพระยาละแวกผู้ต้นเหตุทำให้เขมรและไทยเดือดร้อน |
” | ๒๑๖ | |
ทรงชุบเลี้ยงชาวเขมร |
” | ๒๑๘ | |
พระยาศรีไสยณรงค์เจ้าเมืองตะนาวศรีแข็งเมือง |
” | ๒๑๘ | |
โปรดให้สมเด็จพระเอกาทศรฐเสด็จไปปราบพระยาศรีไสยณรงค์ |
” | ๒๑๙ | |
ประหารชีวิตพระยาศรีไสยณรงค์ |
” | ๒๒๒ | |
โปรดให้พระยาราชฤทธานนท์เป็นเจ้าเมืองตะนาวศรี เมืองเมาะสำเลิงสวามิภักดิ์ |
” | ๒๒๒ | |
เจ้าฟ้าแสนหวีมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร |
” | ๒๒๓ | |
พระยาละแวก (ใหม่) สวามิภักดิ์ |
” | ๒๒๓ | |
โปรดให้เจ้าพระยาจักรียกทัพไปตั้งมั่นสะสมสะเบียง |
” | ||
ที่เมืองเมาะลำเลิง |
” | ๒๒๗ | |
เมืองเมาะตะมะ, เมืองละเคิ่ง, เมืองขลิก, เมืองบัวเผื่อน, เมืองพะสิม, เมืองตองอู, สวามิภักดิ์ |
” | ๒๒๗ | |
พระมหาเถรเสียมเพรียมยุให้พระเจ้าตองอูคิดการใหญ่ |
หน้า | ๒๒๘ | |
พระเจ้าตองอูมีหนังสือขู่เมืองต่าง ๆ ที่สวามิภักดิ์ต่อไทย |
” | ๒๓๒ | |
เมืองต่าง ๆ ที่ขอสวามิภักดิแล้วกลับเป็นปรปักษ์ต่อไทย |
” | ๒๓๒ | |
พระยาพะโรอพยพชาวเมืองเมาะลำเลิงยกหนีไปอยู่เมืองเมาะตะมะ |
” | ๒๓๓ | |
เสด็จยกทัพหลวงไปเมืองเมาะเลิง |
” | ๒๓๖ | |
พระเจ้าหงสาวดีประชวร ให้พระเจ้าตองอูยกทัพไปช่วยป้องกันกรุงหงสาวดี |
” | ๒๓๘ | |
พระเจ้าตองอูยกทัพไปตั้งอยู่นอกกรุงหงสาวดี |
” | ๒๔๐ | |
ทัพหลวงเสด็จจากเมืองเมาะลำเลิงไปปราบเมืองเมาะตะมะ |
” | ๒๔๒ | |
ทัพหลวงเสด็จจากเมืองเมาะตะมะไปปราบกรุงหงสาวดี |
” | ๒๔๔ | |
พระเจ้าตองอูเผากรุงหงสาวดี แล้วพาพระเจ้าหงสาวดีหนีไปเมืองตองอู |
” | ๒๔๔ | |
ทัพหลวงเสด็จจากกรุงหงสาวดีไปเหยียบเมืองตองอู |
” | ๒๔๕ | |
ขาดสะเบียงและเกิดความไข้ ทัพหลวงถอยจากเมืองตองอู |
” | ๒๕๒ | |
โปรดให้สมเด็จพระเอกาทศรฐเสด็จขึ้นไประงับการวิวาทระหว่างหัวเมืองขึ้นกับพระเจ้าเชียงใหม่ |
หน้า | ๒๕๒ | |
โปรดให้เจ้าแสนหวีไปครองเมืองแสนหวี |
” | ๒๕๘ | |
เขมรขอพระศรีสุพรรณมาธิราชออกไปครองเมือง |
” | ๒๖๗ | |
พระยาออนคิดกบฎต่อกรุงกัมพูชา |
” | ๒๖๗ | |
เขมรขอกำลังไปช่วยต่อสู้พระยาออน |
” | ๒๖๗ | |
โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชายกทัพไปช่วยเขมร |
” | ๒๖๘ | |
ทัพพระยาออนแตกกระจาย |
” | ๒๖๘ | |
สมเด็จพระเอกาทศรฐเสด็จประพาสเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๒๖๘ | |
เสือร้ายในเมืองพระพิษณุโลก |
” | ๒๖๘ | |
สมโภชพระชินราช พระชินศรี |
” | ๒๖๙ | |
เสด็จประพาสเมืองเพ็ชรบุรีถึงสามร้อยยอด |
” | ๒๗๐ | |
เตรียมทัพหลวงจะไปปราบอังวะ |
” | ๒๗๑ | |
เสด็จพระราชดำเนินทัพหลวงไปทางเชียงใหม่ |
” | ๒๗๒ | |
เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธสิหิงค์ในเมืองเชียงใหม่ |
” | ๒๗๓ | |
ทัพหลวงเสด็จไปทางเมืองหางหลวง |
” | ๒๗๓ | |
สมเด็จพระเอกาทศรฐเสด็จไปเมืองฝาง |
” | ๒๗๓ | |
สมเด็จพระนรศวรมหาราชทรงพระประชวรหนัก |
” | ๒๗๓ | |
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสวรรคต |
” | ๒๗๓ | |
(๑๙) รัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรฐ | |||
บรมราชาภิเษกสมเด็จพระเอกาทศรฐ |
หน้า | ๒๗๔ | |
อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชลงมาณกรุง |
” | ๒๗๕ | |
เมืองไทรบุรีให้ทูตนำเครื่องบรรณาการมาถวาย |
” | ๒๗๖ | |
พระราชพิธีสงครามาภิเษก |
” | ๒๗๗ | |
พระราชพิธีประเวสพระนคร |
” | ๒๗๘ | |
ปราบดาภิเษก |
” | ๒๗๘ | |
พระบรมนามาภิไชย |
” | ๒๗๙ | |
สถานาวัดพระวรเชษฐารามมหาวิหาร |
” | ๒๘๐ | |
สร้างพระไตรปิฎกและหอพระสัทธรรม |
” | ๒๘๐ | |
ถวายเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช |
” | ๒๘๐ | |
พระยาตองอูแต่งหนังสืออำพรางหัวเมืองขึ้นกรุงหงสาวดี |
” | ๒๘๑ | |
พระเจ้าหงสาวดีถูกวางยาพิษสวรรคต |
” | ๒๘๓ | |
พระยาตองอูแต่งราชทูตมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร |
” | ๒๘๔ | |
พระยาล้านช้างแต่งราชทูตมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร |
” | ๒๘๖ | |
สถาปนาพระที่นั่งอรรณพ |
” | ๒๘๖ | |
พระราชพิธีอาศวยุช |
” | ๒๘๗ | |
สถาปนาพระพุทธรูปฉลองพระองค์ |
” | ๒๘๘ | |
พระราชพิธีไล่เรือ |
” | ๒๘๙ | |
ตั้งพระราชกำหนกฎหมายพระอัยการ |
หน้า | ๒๙๑ | |
พระมหาอุปราชเสวยยาพิษทิวงคต |
” | ๒๙๑ | |
(๒๐) รัชกาลสมเด็จพระศรีเสาวภาค | |||
พระพิมลธรรม์อนันตปรีชาวัดระฆังเป็นกบฎ |
” | ๒๙๒ | |
สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๒๙๒ | |
(๒๑) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม | |||
ยี่ปุ่นคุมพวกจะยกเข้าประทุษร้ายสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๒๙๓ | |
พระมหาอำมาตย์คุมพลไร่รบยี่ปุ่นแตกหนีไป แล้วได้เลื่อนที่เป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ |
” | ๒๙๓ | |
ชักพระมงคลบพิตร์จากฝ่ายตะวันออกไปไว้ฝ่ายตะวันตก |
” | ๒๙๔ | |
เมืองตะนาวศรีเสียแก่พะม่า |
” | ๒๙๔ | |
พรานบุนพบรอยพระพุทธบาท |
” | ๒๙๔ | |
โปรดให้สถาปนามณฑปสวมพระพุทธบาท |
” | ๒๙๕ | |
แปลงปัถวีเรือชัยเป็นเรือกิ่ง |
” | ๒๙๕ | |
ทรงพระราชนิพนธ์มหาชาติคำหลวง |
” | ๒๙๖ | |
สร้างพระไตรปิฎก |
” | ๒๙๖ | |
(๒๒) รัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราช | |||
พระพันปีศรีสินราชอนุชาต้องหาว่าจะกบฎ |
” | ๒๙๖ | |
เจ้าพระยากลาโห⟨ม⟩สุริยวงศ์คิดกบฎ |
” | ๒๙๗ | |
สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๓๐๐ | |
(๒๓) รัชกาลสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ | |||
มุขมนตรีเชิญให้เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ขึ้นครองราชย์ |
หน้า | ๓๐๐ | |
ลดต่ำสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ |
” | ๓๐๑ | |
” | ๓๐๑ | ||
สถาปนาพระอนุชาเป็นพระศรีสุธรรมราชา |
” | ๓๐๓ | |
สถาปนาวัดชัยวัฒนาราม |
” | ๓๐๓ | |
โปรดให้ช่างไปถ่ายอย่างพระนครหลวงมาสร้างที่ริมวัดเทพจันทร์ |
” | ๓๐๓ | |
สร้างพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนตมหาปราสาท |
” | ๓๐๔ | |
สมภพพระนารายณ์ราชกุมาร |
” | ๓๐๕ | |
สถาปนาวัดชุมพลนิกายาราม |
” | ๓๐๕ | |
โสกันต์เจ้าฟ้าชัย |
” | ๓๐๕ | |
สมภพพระราชบุตร ๓ องค์ |
” | ๓๐๖ | |
โปรดให้สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ไปประทับเรือนเสาไม้ไผ่ริมวัดท่าทราย |
” | ๓๐๖ | |
เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาท |
” | ๓๐๖ | |
คนตื่นเอาตำราคุณไสยทิ้งน้ำ |
” | ๓๑๐ | |
โปรดให้ขยายกำแกงพระราชวัง |
” | ๓๑๐ | |
สร้างพระมหาปราสาทพระวิหารสมเด็จ |
” | ๓๑๐ | |
อสุนีลงต้องหลักชัย แต่ไม่ต้องพระนารายน์ราชกุมาร |
หน้า | ๓๑๐ | |
สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ยกพวกเข้าปล้นพระราชวัง |
” | ๓๑๑ | |
จับพวกสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ได้ ให้ประหารชีวิต |
” | ๓๑๑ | |
พระราชพิธีลบศักราช |
” | ๓๑๑ | |
อสุนีลงต้องหน้าบัน แต่ไม่ต้องพระนารายน์ราชกุมาร |
” | ๓๑๗ | |
เกิดเพลิงในพระราชวัง |
” | ๓๑๘ | |
(๒๕) รัชกาลสมเด็จเจ้าฟ้าชัย | |||
พระนารายณ์ราชกุมารกับพระศรีสุธรรมราชาคิดกบฎ |
” | ๓๒๐ | |
สำเร็จโทษสมเด็จพระจ้าแผ่นดิน |
” | ๓๒๐ | |
(๒๖) รัชกาลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช | |||
สมเด็จพระนารายณ์มหาอุปราชคิดกบฎ |
” | ๓๒๑ | |
เกิดศึกกลางเมือง |
” | ๓๒๒ | |
สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๓๒๕ | |
(๒๗) รัชกาลสมเด็จพระนารายน์ | |||
ปราบดาภิเษก |
” | ๓๒๖ | |
พระบรมนามาภิไธย |
” | ๓๒๖ | |
ลดส่วยษาอากร ๓ ปี |
” | ๓๒๗ | |
กำจัดพระไตรภูวนาทิตยวงศ์และพระองค์ทอง |
” | ๓๒๘ | |
หล่อเทวรูป |
” | ๓๔๐ | |
พระราชพิธีเบญจาพิศ |
” | ๓๔๑ | |
พระราชพิธีบัญชีพรหม |
หน้า | ๓๔๓ | |
ได้ช้างพังเผือกเมืองศรีสวัสดิ์ |
” | ๓๔๓ | |
หล่อพระพุทธรูปและเทวรูป |
” | ๓๔๕ | |
เขมรอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร |
” | ๓๔๖ | |
ต่างประเทศถวายบรรณาการ |
” | ๓๔๘ | |
พระเจ้าเชียงใหม่ขอกำลังไปช่วยต่อสู้ฮ่อ |
” | ๓๔๙ | |
เสด็จพระราชดำเนินไปเมืองพิษณุโลก |
” | ๓๕๐ | |
เสด็จพระราชดำเนินไปเมืองสุโขทัย |
” | ๓๕๓ | |
ละว้าสวามิภักดิ์ |
” | ๓๕๓ | |
มอญอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร |
” | ๓๕๗ | |
พระเจ้าอังวะให้มังสุระราชเป็นแม่ทัพยกออกตามจับกองมอญอพยพ |
” | ๓๕๘ | |
โปรดให้พระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) เป็นแม่ทัพยกไปขับไล่กองทัพพะม่า |
” | ๓๖๑ | |
กองทัพพะม่าแตกยับเยิน |
” | ๓๖๒ | |
ต้นฉบับขาด ๒ สมุด |
” | ๓๖๓ | |
สมเด็จพระนารายน์สวรรคต |
” | ๓๖๔ | |
(๒๘) รัชกาลสมเด็จพระเพทราชา | |||
พระบรมนามาภิไธย |
” | ๓๖๔ | |
สถาปนาวัดบรมพุทธาราม |
” | ๓๖๖ | |
พระยายมราช (สังข์) แข็งเมืองนครราชสีมา |
หน้า | ๓๖๗ | |
โปรดให้พระยาเดโชยกทัพไปปราบนครราชสีมา |
” | ๓๖๗ | |
พระยายมราช (สังข์) หนีไปซ่องสุมชาวเมืองนครศรีธรรมราชแข็งเมือง |
” | ๓๖๘ | |
โปรดให้พระยาเดโชยกทัพไปปราบเมืองนครราชสีมา |
” | ๓๖๘ | |
พระยายมราช (สังข์) ตายในที่รบ |
” | ๓๖๘ | |
สถาปนาและฉลองวัดพระยาแมน |
” | ๓๖๘ | |
ธรรมเถียรข้าหลวงเดิมเจ้าพระขวัญคิดกบฎ |
” | ๓๖๙ | |
ปราบกบฎธรรมเถียร |
” | ๓๖๙ | |
(๒๙) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ | |||
ได้ช้างเนียม |
” | ๓๗๑ | |
เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาท |
” | ๓๗๒ | |
พระราชจริยาที่เป็นเหตุให้ถวายพระนามว่าพระเจ้าเสือ |
” | ๓๗๗ | |
บานแผนกใหม่บอกเรื่องเจ้าพระยาพิพิธพิชัยแต่งพระราชพงศาวดารต่อตั้งแต่ปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายน์จนถึงเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พะม่า |
” | ๓๗๘ | |
(๒๗) รัชกาลสมเด็จพระนารายน์ | |||
พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์คิดกบฎ ลอบให้สำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัยทศราชอนุชา |
” | ๓๗๘ | |
สมเด็จพระนารายน์สวรรคต |
หน้า | ๓๗๙ | |
(๒๘) รัชกาลสมเด็จพระเพทราชา | |||
สำเร็จโทษกรมพระราชวังหลังและเจ้าพระยาสุรสงคราม |
” | ๓๘๑ | |
สมภพเจ้าตรัสน้อย |
” | ๓๘๒ | |
ราชทูตไทยกลับจากประเทศฝรั่งเศส |
” | ๓๘๓ | |
ได้ช้างเผือกเมืองสวรรคตโลก |
” | ๓๘๓ | |
สถาปนาวัดบรมพุทธาราม |
” | ๓๘๔ | |
กรุงกัมพูชาธิบดีถวายช้างเผือก |
” | ๓๘๔ | |
สถาปนาวัดพระยาแมน |
” | ๓๘๕ | |
ธรรมเถียรคิดกบฎ |
” | ๓๘๕ | |
ปราบพวกกบฎธรรมเถียร |
” | ๓๘๗ | |
เกิดกบฎที่เมืองนครราชสีมา |
” | ๓๘๘ | |
ทัพกรุงยกไปปราบพวกกบฎ |
” | ๓๘๘ | |
พระเจ้ากรุงศรีสันตนาคนหุตขอกองทัพไปช่วยต่อสู้เมืองหลวงพระบาง |
” | ๓๘๙ | |
โปรดให้พระยานครราชสีมาเป็นแม่ทัพยกไปช่วยกรุงศรีสัตนาคนหุต |
” | ๓๙๐ | |
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตถวายราชธิดา |
” | ๓๙๑ | |
โสกันต์เจ้าฟ้าตรัสน้อย |
” | ๓๙๑ | |
(๒๙) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ | |||
สถาปนาวัดโพทับช้าง |
หน้า | ๓๙๓ | |
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์สมคบกับสำเร็จโทษเจ้าฟ้าตรัสน้อย |
” | ๓๙๔ | |
เพลิงไหม้มณฑปพระวิหารสุมงคลบพิตร |
” | ๓๙๔ | |
ทรงตั้งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล |
” | ๓๙๕ | |
(๓๐) รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ | |||
สำเร็จโทษพระองค์ดำ |
” | ๓๙๕ | |
สมเด็จพระอัยกีเจ้ากรมพระเทพามาตย์สวรรคต |
” | ๓๙๖ | |
เขมรฝักฝ่ายข้างญวน ทัพกรุงยกไปปราบ |
” | ๓๙๗ | |
ขุดตัดคลองโคกขามให้ตรง |
” | ๓๙๘ | |
ต่อกำปั่นบรรทุกช้างออกไปขายต่างประเทศ ๔๐ ช้าง |
” | ๓๙๙ | |
กรมหลวงโยธาทิพทิวงคต |
” | ๓๙๙ | |
ชะลอพระพุทธไสยาศน์วัดป่าโมกเลื่อนเข้าไปวัดตลาด |
” | ๔๐๐ | |
มีพระราชโองการให้เจ้าฟ้าอภัยเสวยราชสมบัติ |
” | ๔๐๓ | |
(๓๑) รัชกาลสมเด็จเจ้าฟ้าอภัย | |||
กรมพระราชวังบวรคิดกบฎ |
” | ๔๐๓ | |
เกิดศึกกลางเมือง |
” | ๔๐๓ | |
สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน |
” | ๔๐๔ | |
(๓๒) รัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ | |||
ตั้งข้าราชการและพระราชวงศ์ |
หน้า | ๔๐๔ | |
ล้อมช้างแขวงเมืองลพบุรี |
” | ๔๐๖ | |
จีนนายไก้ยกพวกเข้าปล้นพระราชวังหลวง |
” | ๔๐๗ | |
กรุงกัมพูชาธิบดีถวายช้างพังเผือก |
” | ๔๐๘ | |
กรมหลวงโยธาเทพทิวงคต |
” | ๔๐๙ | |
สมโภชพระพุทธบาท |
” | ๔๑๐ | |
สมโภชพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี |
” | ๔๑๐ | |
สมโภชพระสารีริกบรมธาตุเมืองสวางคบุรี |
” | ๔๑๐ | |
ทรงตั้งกรมขุนเสนาพิทักษ์เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล |
” | ๔๑๑ | |
ปฏิสังขรณ์วัดพระราม |
” | ๔๑๑ | |
ได้ช้างเนียมเมืองไชยา |
” | ๔๑๒ | |
มอญหงสาวดีแข็งเมืองต่อพะม่า ยกสมิงทอขึ้นเป็นกษัตริย์ |
” | ๔๑๒ | |
กรุงรัตนบุระอังวะแต่งราชทูตมาเจริญทางพระราชไมตรี |
” | ๔๑๒ | |
ปฏิสังขรณ์วัดภูเขาทอง |
” | ๔๑๓ | |
พระยาพระรามและพระยากลางเมืองพรรคพวกสมิงทอแตกหนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมพาร |
” | ๔๑๔ | |
ตำบลบางสะพานเกิดที่ร่อนทอง |
” | ๔๑๕ | |
สมโภชพระพุทธบาท |
หน้า | ๔๑๕ | |
สมิงทอแตกหนีเข้ามาทางเมืองตาก |
” | ๔๑๕ | |
เขมรฝักฝ่ายข้างญวน ทัพกรุงยกออกไปปราบ |
” | ๔๑๖ | |
เจ้าพระยาชำนาญบุรีรักษ์ถึงอสัญญกรรม |
” | ๔๑๖ | |
ล้อมช้างป่าแขวงเมืองลพบุรี |
” | ๔๑๖ | |
กรมพระยาราชวังบวรต้องรับพระราชอาชญาจนทิวงคต |
” | ๔๑๗ | |
ได้ช้างเนียมเมืองนครชัยศรี |
” | ๔๑๙ | |
ทรงตั้งกรมขุนพรพินิจเป็นกรมพระราชวังบวร |
” | ๔๒๐ | |
สมโภชพระพุทธบาท |
” | ๔๒๐ | |
สำเร็จโทษเจ้าสามกรม |
” | ๔๒๒ | |
(๓๓) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร | |||
(๓๔) รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ | |||
กรมพระเทพามาตย์สวรรคต |
” | ๔๒๓ | |
เนรเทศกรมหมื่นเทพพิพิธออกไปไว้เกาะลังกา |
” | ๔๒๔ | |
พะม่ายกทัพมาตีเมืองมฤท เมืองตะนาวศรี |
” | ๔๒๔ | |
พะม่ายกทัพมาประชิดกรุง |
” | ๔๒๖ | |
พะม่าถอยทัพ พระเจ้าอังวะสวรรคตกลางทาง |
” | ๔๒๗ | |
มอญที่เขานางบวชคิดกบฎ |
” | ๔๒๘ | |
ปราบมอญเขานางบวช |
” | ๔๒๘ | |
เมืองเชียงใหม่ขอกองทัพไปช่วยต่อสู้พะม่า |
” | ๔๒๘ | |
โปรดให้พระยาพิษณุโลกยกทัพขึ้นไปช่วยเชียงใหม่ พอกองทัพไปบ้านระแหงก็ได้ข่าวว่าเชียงใหม่เสียแก่พะม่าแล้ว |
หน้า | ๔๒๘ | |
หุยตองจาแข็งเมืองทะวายต่อพะม่า |
” | ๔๒๙ | |
กรมหมื่นเทพพิพิธออกจากลังกามาอยู่เมืองมฤท โปรดให้รับมาไว้เมืองตะนาวศรีมีข้าหลวงกำกับ |
” | ๔๒๙ | |
สมโภชพระพุทธบาท |
” | ๔๒๙ | |
เตรียมป้องกันพระนคร |
” | ๔๒๙ | |
พะม่ายกทัพมาตีเมืองทะวาย เมืองมฤท เมืองตะนาวศรี เมืองเพ็ชรบุรี เมืองราชบุรี |
” | ๔๓๐ | |
พระยาพิษณุโลกลาพักหน้าที่ขึ้นไปปลงศพมารดา |
” | ๔๓๑ | |
โปสุพลาแม่ทัพพะม่ายกมาแต่เมืองเชียงใหม่ตีเข้ามาทางด่านสวรรคโลก |
” | ๔๓๑ | |
ชาวเมืองลำพูนไม่ช่วยพะม่ารบกรุง |
” | ๔๓๒ | |
พ่อค้าอังกฤษช่วยรบพะม่า |
” | ๔๓๒ | |
บ้านระจันตั้งค่ายสู้พะม่า |
” | ๔๓๓ | |
ค่ายบ้านระจันแตก |
” | ๔๓๔ | |
กรมหมื่นเทพพิพิธอพยพชาวหัวเมืองตะวันออกเข้าตั้งมั่นในปราจินบุรี |
” | ๔๓๔ | |
พะม่ายกทัพเรือไปตีปราจินบุรีแตก |
” | ๔๓๔ | |
กรมหมื่นเทพพิพิธและพระยารัตนาธิเบศรหนีไปอยู่ในแขวงเมืองนครราชสีมา |
หน้า | ๔๓๔ | |
กองทัพพะม่ายกเข้าล้อมกรุง |
” | ๔๓๕ | |
กองทัพเมืองแพร่ไม่ช่วยพะม่ารบกรุง |
” | ๔๓๕ | |
เกิดเพลิงไหม้ลุกลามในกรุง |
” | ๔๓๖ | |
โจรผู้ร้ายชุกชุมและคนอดโซมาก |
” | ๔๓๖ | |
กองทัพพะม่าเข้ากรุงได้ |
” | ๔๓๗ | |
กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พะม่าณวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุร นพศก จ.ศ. ๑๑๒๙ พ.ศ. ๒๓๑๐ |
” | ๔๓๗ |
งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า
- ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
- ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
- ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
- เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
- เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
- ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
- ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
- แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก