พจนานุกรมกฎหมาย/ห
หน้าตา
ห.
หญิงข้าคนในพระราชวัง
หญิงข้าคนในพระราชวัง | หญิงชาววัง | |
หญิงฉกรรจ์ | ดู หญิงสะกัน | |
หญิงนครโสเภณี | หญิงที่รับจ้างทำชำเราสำส่อนโดยได้รับเงินผลประโยชน์เป็นค่าจ้าง (พ.ร.บ. ป้องกันสัญจรโรค ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๔ วรรค ๓) | |
ตามกฎมณเฑียรบาลหมายถึงหญิงที่หาเลี้ยงชีพโดยทางบำรุงกามโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค (กฎม์ ว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๗ ข้อ ๖ และกฎม์ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๕๘ มาตรา ๑) | ||
หญิงแพศยา | หญิงคนชั่ว, หญิงมีชู้วันเดียว ๒ คนขึ้นไป (กฎห์ ลักษณะผัวเมีย บทที่ ๗ ซึ่งยกเลิกเสียเมื่อปี ร.ศ. ๑๑๗ แล้ว) | |
แต่ตามกฎมณเฑียรบาลหมายถึงหญิงที่หาเลี้ยงชีพโดยทางบำรุงกาม แต่มิใช่หญิงนครโสเภณี เป็นแต่มักสมจรกับชายหลายคนโดยอาการอันสำส่อนไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย (กฎม์ ว่าด้วยครอบครัวแห่งข้าราชการในพระราชสำนัก พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๗ ข้อ ๗ และกฎม์ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๕๘ มาตรา ๑) | ||
หญิงสะกัน | หญิงอายุระวาง ๒๑ ปีถึง ๓๐ ปี | |
หญิงมีสามี | หญิงที่กำลังอยู่กินเป็นเมียชาย แต่ยังมิได้เลิกกับชาย | |
หญิงหม้าย | หญิงที่เคยมีผัวมาแล้ว แต่ไม่ได้อยู่กินกับผัว โดยเลิกกับผัวหรือผัวตาย และยังมิได้มีผัวใหม่ | |
หญิงหม้ายเมียพราหมณ์ | หญิงหม้ายที่มามีผัวเป็นพราหมณ์ | |
หนังสือ | บรรดาจดหมายที่จะใช้เป็นพะยานแห่งถ้อยคำที่เขียนไว้ในนั้นได้ (ป.ก.อ. มาตรา ๖ (๑๘)) | |
หนังสือบริคณห์สนธิ | หนังสือที่ผู้เริ่มก่อการบริษัททำขึ้นในเมื่อเริ่มก่อการบริษัทนั้น (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๙๗) | |
หนังสือบริคณห์สนธิต้องมีรายการดั่งนี้— | ||
(๑)ชื่อบริษัทที่คิดจะตั้งขึ้น ต้องมีคำว่า "จำกัด" ไว้ปลายชื่อนั้นด้วยเสมอไป | ||
(๒)ที่สำนักงานของบริษัทจะตั้งอยู่ในที่ใดในพระราชอาณาเขตต์ | ||
(๓)วัตถุที่ประสงค์ของบริษัท | ||
(๔)ถ้อยคำสำแดงว่าความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะมีจำกัด | ||
(๕)จำนวนทุนเรือนหุ้นซึ่งบริษัทคิดกำหนดจะจดทะเบียนแบ่งออกเป็นหุ้นมีมูลค่ากำหนดหุ้นละเท่าใด | ||
(๖)ชื่อ สำนัก อาชีวะ และลายมือชื่อของผู้เริ่มก่อการ ทั้งจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อไว้คนละเท่าใด | ||
(ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๙๘) | ||
ต้องทำไม่น้อยกว่าสองฉะบับ ให้ลงลายมือชื่อของผู้เริ่มก่อการ และให้มีพะยานลงชื่อรับรองด้วยสองคน ต้องนำฉะบับหนึ่งไปจดทะเบียนและมอบไว้ณหอทะเบียนณที่ตั้งบริษัทนั้น (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๙๙) | ||
หนังสือพิมพ์ | หนังสือพิมพ์ภาษาใด ๆ ซึ่งมีข่าว หรือสะแดงความเห็น หรือประกาศแจ้งความอย่างใด ๆ กับทั้งหนังสือรีวิวและแมกาซินซึ่งออกโฆษนาหรือที่เห็นประจักษ์ว่ามีเจตนาจะนำออกโฆษนาเป็นระยะเวลามีกำหนดหรือเป็นระยะครั้งคราวอันไม่มีกำหนดแน่ | |
ข้อความที่คัดจากสมุด เอกสาร หรือหนังสือพิมพ์มาพิมพ์ขึ้นต่างหากจากสมุด และเอกสาร หรือหนังสือพิมพ์นั้น ๆ ก็ดี หรือที่คัดออกจากสมุด เอกสาร หรือหนังสือพิมพ์เช่นนั้นก็ดี ก็ถือว่าเป็นสมุด และเอกสาร หนังสือพิมพ์ แล้วแต่กรณีย์ (พ.ร.บ. สมุด เอกสาร และหนังสือพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ มาตรา ๔ วรรค ๔) | ||
หนังสือมหาชน | สรรพหนังสือหรือหลักถานซึ่งเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ได้จัดได้ทำให้มีขึ้นหรือรวบรวมรักษาไว้เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์แก่มหาชนหรือบุคคลทั่วไป | |
หนังสือราชการ | บรรดาหนังสือที่เจ้าหน้าที่เรียบเรียงหรือรับรองว่าเป็นของแท้ และหมายความตลอดถึงหนังสือที่เจ้าหน้าที่รับว่าเป็นสำเนาอันแท้จริงของหนังสือนั้น ๆ ด้วย (ป.ก.อ. มาตรา ๖ (๑๙)) | |
หนังสือสำคัญ | บรรดาหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือหนี้สิน และบรรดาหนังสือที่เป็นหลักถานแก่การเปลี่ยน แก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์หรือหนี้สินทุกอย่าง (ป.ก.อ. มาตรา ๖ (๒๐)) | |
หนังสือสำคัญสำหรับที่บ้าน | หนังสือสำคัญที่เจ้าพนักงานกระทรวงนครบาล (เดี๋ยวนี้เป็นมหาดไทย) ออกให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นสำคัญว่าเป็นที่ดินของใคร มีเขตต์เพียงไร ในเมื่อยังมิได้มีการออกโฉนดที่ดินมาแต่ก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีออกให้แล้ว (ดูคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๐/๑๑๙) | |
หนังสือเอกชน | สรรพหนังสือเอกสารสัญญาที่เกี่ยวแก่บุคคลโดยฉะเพาะตัว และเกี่ยวแก่คนบางคนหรือบางจำพวก | |
หน้าที่ | สิ่งที่บุคคลคนหนึ่งจะต้องกระทำให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งที่มีอำนาจที่จะขอร้องหรือบังคับให้กระทำตามกฎหมาย | |
หนี้ | ความเกี่ยวพันตามกฎหมายซึ่งผูกพันบุคคลสองคนหรือมากกว่าสองคน อันเป็นเหตุให้ฝ่ายหนึ่งต้องส่งทรัพย์สิน หรือกระทำหรือละเว้นทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง | |
คำว่า "หนี้" คำนี้ ตรงกับในภาษาอังกฤษว่า "Obligation" ซึ่งเดิมแปลกันว่า "หน้าที่ในทางแพ่ง" ก็มี "ความจำต้องทำ" ก็มี "ความผูกพัน" ก็มี และ "พันธธรรม" ก็มี | ||
หนี้เกลื่อนกลืนกัน | อำนาจและความรับผิดชอบในหนี้ตกอยู่แก่บุคคลเดียวกัน เว้นแต่หนี้นั้นตกไปอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อสลักหลังตั๋วเงินกลับคืน (ป.ก.พ. มาตรา ๓๕๓) | |
หมอความ | บุคคลผู้กระทำหน้าที่ในทางความ อันมิใช่กระทำโดยหน้าที่ราชการ และซึ่งมิได้เกี่ยวแก่การว่าต่างแก้ต่างตัวความในโรงศาล (ดู ทนายความ) | |
หมาย | (๑) หนังสือของศาลหรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ได้ออกเรียกหรือสั่งจับหรือยึดทรัพย์ผู้ใดในคดีความ (๒) หนังสือกะกำหนดการในการเสด็จพระราชดำเนิรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีบอกไปยังผู้มีหน้าที่ให้ทราบ | |
หมายค้น | หมายศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้ออกสั่งไปยังเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ให้ค้นทรัพย์สินบ้านเรือนผู้ใด เพื่อได้นำส่งไปยังผู้ออกหมายนั้น | |
หมายจับ | หมายของศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้ออกไปให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ให้จับตัวผู้ใดผู้หนึ่งส่งไปตามทางการ | |
หมายนัด | หมายที่ศาลนัดคู่ความให้ไปยังศาล | |
หมายบังคับ | หมายที่ศาลบังคับให้คู่ความทำตามคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล | |
หมายพะยาน | หมายที่ศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้มีเรียกไปยังผู้ใดให้มาเบิกความเป็นพะยาน | |
หมายยึดทรัพย์ | หมายที่ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ไปยึดทรัพย์สมบัติของผู้ที่จะต้องถูกยึดในคดีความ | |
หมายเรียก | หมายที่ศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้ออกเรียกผู้ใดให้ไปยังศาลหรือเจ้าพนักงานที่ออกหมายนั้น | |
หมายส่งตัวคน | หมายศาลส่งตัวจำเลยในคดีอาชญา ที่มีไปยังเจ้าพนักงานกองเรือนจำให้คุมขังจำเลยไว้ | |
หมายส่งฟ้อง | หมายที่ศาลนำส่งฟ้องของโจทก์ไปให้จำเลยแก้คดี | |
หมิ่นประมาท | การกล่าวด้วยวาจา หรือขีดเขียนเป็นหนังสือ หรือสะแดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะให้ผู้ถูกกล่าวเสียชื่อเสียงหรือให้คนทั้งหลายดูหมิ่นหรือเกลียดชังในส่วนตัวผู้ถูกกล่าว ในตำแหน่งหน้าที่ ในวิชชาหากิน หรือในการค้าขายของผู้ถูกกล่าว (ดู หลักกฎหมายประทุษฐร้ายส่วนแพ่ง ของพระยาเทพวิฑูร (บุญช่วย วณิกกุล) หน้า ๑๓๗) | |
หมิ่นประมาทในทางอาชญานั้นแบ่งออกได้เป็น ๒ อย่าง คือ— | ||
(๑)หมิ่นประมาทโดยใส่ความ คือว่า ผู้ใดกล่าวหรือกระทำการอย่างใด ๆ ใส่ความผู้อื่นซึ่งอาจจะให้เขาเสียชื่อเสียงหรืออาจจะให้คนทั้งหลายดูหมิ่นหรือเกลียดชังเขา โดยได้กล่าวต่อหน้าคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปก็ดี หรือกล่าวแก่บุคคลนับแต่สองคนขึ้นไปก็ดี (ป.ก.อ. มาตรา ๒๘๒) เว้นไว้แต่จะได้กล่าวสะแดงความคิดเห็นซึ่งคิดเห็นโดยสุจริตในลักษณะการเหล่านี้ จึงจะไม่มีความผิด คือ | ||
(ก)ในการที่จะสะแดงความชอบธรรมของตน หรือในการที่จะต้องต่อสู้ป้องกันตน หรือในการป้องกันประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายก็ดี | ||
(ข)เจ้าพนักงานกล่าวความในรายงานตามตำแหน่งหน้าที่ของตนก็ดี | ||
(ค)การที่กล่าวสรรเสริญและติเตียนบุคคลหรือสิ่งใด ๆ โดยสุภาพ อันเป็นวิสัยธรรมดาสาธารณะชนย่อมกล่าวกันก็ดี | ||
(ฆ)การที่โฆษนาหรือกล่าวถึงการที่ดำเนิรอยู่ในโรงศาลใด ๆ หรือในที่ประชุมชนใด ๆ และกล่าวแต่โดยสุภาพก็ดี | ||
(ป.ก.อ. มาตรา ๒๘๓) | ||
อนึ่ง คำให้การและคำชี้แจงซึ่งคู่ความหรือทนายของคู่ความกล่าวด้วยวาจาก็ดี ด้วยจดหมายก็ดี ในเวลาพิจารณาคดี ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท (ป.ก.อ. มาตรา ๒๘๕) | ||
ผู้ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทจะสืบความจริงว่าเป็นดั่งที่กล่าวไม่ได้ นอกจากคดีมีรูปความดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ คือ— | ||
(ก)เมื่อศาลพิจารณาเห็นว่าที่กล่าวนั้นมีเจตนาที่จะให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ประการหนึ่ง | ||
(ข)ข้อความที่กล่าวนั้นกล่าวโทษเจ้าพนักงานว่ากระทำความผิดในตำแหน่งหน้าที่ราชการ ประการหนึ่ง | ||
(ค)เมื่อโจทก์ร้องขอให้ศาลพิจารณาข้อที่ใส่ความ และขอให้ศาลพิพากษาว่าความที่ใส่นั้นเป็นจริงหรือไม่ ประการหนึ่ง | ||
(ป.ก.อ. มาตรา ๒๘๔) | ||
(๒)หมิ่นประมาทโดยดูถูก คือว่า ผู้ใดกล่าวถ้อยคำต่ำช้าว่าเขา เป็นการหมิ่นประมาทซึ่งหน้า | ||
(ป.ก.อ. มาตรา ๓๓๙ (๒)) | ||
ในทางแพ่งนั้น ผู้หมิ่นประมาทจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ถูกหมิ่นประมาท เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การหมิ่นประมาทนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้ | ||
(ป.ก.พ. มาตรา ๔๒๓) | ||
หมู่บ้าน | ท้องที่ ๆ รวมบ้านหลาย ๆ บ้านเข้าอยู่ในปกครองของผู้ใหญ่บ้านหนึ่ง | |
หลบฝาก | ชายผู้สู่ขอหญิงมาอยู่เรือนบิดามารดาหญิง และทำการให้โดยมีกำหนดเวลา แล้วชายจึงระได้หญิงเป็นภรรยา (กฎห์ ลักษณะผัวเมีย บทที่ ๑๐๒) | |
หลักทรัพย์ | ทรัพย์สินอันเป็นหลักแก่การประกันการชำระหนี้ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "Security" | |
หลักทรัพย์ทองคำ | หลักทรัพย์ที่ใช้ต้นและดอกเบี้ยด้วยเงินตราของประเทศที่ใช้มาตราทองคำ (พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๔ วรรค ๕) | |
หลาน | ลูกของลูก, ลูกของพี่หรือน้อง | |
หลือ | ลูกของเหลน | |
ห้องฉายภาพยนตร์ | ห้องที่ตั้งเครื่องสำหรับฉายด้วยโคมไฟหรือด้วยเครื่องฉายอันประกอบด้วยแรงไฟทุกชะนิด (พ.ร.บ. ป้องกันภยันตรายอันเกิดแต่การเล่นมหรสพ พ.ศ. ๒๔๖๔ มาตรา ๔ วรรค ๓) | |
ห่อวัตถุ | ห่อของ ถุง หีบ ตะกร้า และของสิ่งอื่น ๆ (รวมทั้งผลไม้ ผัก ปลา เป็ด ไก่ ห่าน ฯลฯ) ที่ได้บรรทุกในขบวนรถโดยสารของรถไฟตามอัตราระวางบรรทุกห่อวัตถุ (พ.ร.บ. จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ. ๒๔๖๔ มาตรา ๓ (๑๐)) | |
หักกลบลบหนี้ | การที่บุคคลสองคนต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน และหนี้ทั้งสองรายนั้นถึงกำหนดจะชำระแล้ว ลูกหนี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมหลุดพ้นจากหนี้ของตน โดยหักกลบลบกันได้เพียงเท่าจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ทั้งสองฝ่าย เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ฝ่ายหนึ่งจะไม่เปิดช่องให้หักได้ (ป.ก.พ. มาตรา ๓๔๑ วรรค ๑) | |
หัดถภาระ | ถุง ย่าม ห่อผ้า หรือกระเป๋าถือทุกชะนิด ซึ่งผู้โดยสารรถไฟนำไปในห้องรถโดยสารเพื่อใช้สอยเองหรือเพื่อความสะดวก (พ.ร.บ. จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ. ๒๔๖๔ มาตรา ๓ (๘)) | |
หัวงารราชการ | ผู้ที่เป็นหัวแรง | |
หัวหน้าครอบครัว | บุรพบุรุษคนหนึ่งซึ่งยังมีชีวิตอยู่ เป็นผู้ใหญ่มีอายุสูงในครอบครัวนั้น (พ.ร.บ. ขนานนามสกุล พ.ศ. ๒๔๕๖ มาตรา ๑๐) | |
หางน้ำนม | น้ำนมหรือแป้งน้ำนมอย่างใด ๆ ที่ได้แยกมันซึ่งตามธรรมดาที่มีอยู่นั้นออกเสียส่วนหนึ่ง หรือมีส่วนมันเนยต่ำกว่ามาตราซึ่งกรมสาธารณกำหนดไว้ (พ.ร.บ. หางน้ำนม พ.ศ. ๒๔๗๐ มาตรา ๓ วรรค ๒) | |
หางว่าว | บัญชีคน | |
ห้างหุ้นส่วน | บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการนั้น (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๑๒) | |
ห้างหุ้นส่วนจำกัด | ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่งซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนที่ต้องรับผิดชอบโดยจำกัดพวกหนึ่ง กับไม่จำกัดอีกพวกหนึ่งรวมกัน (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๗๗) | |
ห้างหุ้นส่วนชะนิดนี้ต้องจดทะเบียน มีรายการดั่งนี้ | ||
(๑)ชื่อห้างหุ้นส่วน | ||
(๒)ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วนนั้น | ||
(๓)ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง | ||
(๔)ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดพวกจำกัดความรับผิด และจำนวนเงินที่ได้ลง | ||
(๕)ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้ที่เป็นหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดความรับผิด | ||
(๖)ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ | ||
(๗)ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการอันจะผูกพันห้างประการใด ให้ลงไว้ด้วย | ||
จะลงรายการอื่นที่ประสงค์จะให้ประชาชนทราบก็ได้ การลงทะเบียนต้องลงลายมือชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และต้องประทับตราของห้างหุ้นส่วนด้วย (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๗๘) | ||
ห้างหุ้นส่วนสามัญ | ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๒๕) | |
"ห้ามเปลี่ยนมือ" | เป็นข้อความที่ผู้ทรงเช็คได้เขียนลงในเช็คขีดคร่อมทั่วไปหรือเช็ดขีดคร่อมโดยฉะเพาะ ไม่ให้เช็คนั้นเปลี่ยนมือกันต่อไป (ป.ก.พ. มาตรา ๙๙๕ (๓)) | |
หุ้น | จำนวนเงิน หรือทรัพย์สิน หรือแรง (เว้นแต่หุ้นจำกัดตาม ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๘๓ จะลงแรงไม่ได้) ที่ผู้ถือหุ้นเอามาลงทุนกระทำการร่วมกันเพื่อหาประโยชน์จากคนภายนอกมาแบ่งปัน (ดู ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๑๒ และ ๑๐๒๖) | |
หุ้นบุริมสิทธิ | หุ้นที่มีสิทธิพิเศษยิ่งกว่าหุ้นธรรมดา เช่น หุ้นที่กำหนดไว้ว่าในเวลาปันผลจะต้องได้ส่วนแบ่งกำไรจำนวนเท่านั้นเท่านี้ก่อนหุ้นธรรมดา เป็นต้น | |
หุ้นส่วนผู้จัดการ | ผู้ที่ถือหุ้นเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วน (ป.ก.พ. มาตรา ๑๐๓๕) | |
หุ้นส่วนสามัญ | หุ้นที่ไม่มีบุริมสิทธิ (ดู หุ้นบุริมสิทธิ) | |
เหตุสุดวิสัย | เหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดี ไม่มีใครอาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสพหรือใกล้จะต้องประสพนั้น จะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะเช่นนั้น (ป.ก.พ. มาตรา ๘) | |
เหมือง | ที่ใด ๆ ซึ่งเป็นที่ทางแร่ก็ดี ที่ลานแร่ก็ดี หรือที่อย่างใด ๆ ซึ่งคนขุดทำการหาแร่ (พ.ร.บ. การทำเหมืองแร่ พ.ศ. ๒๔๖๑ มาตรา ๓ ข้อ ๑๐) | |
เหรียญกระษาปณ์ | เหรียญเงิน เหรียญทองขาว และเหรียญทองแดง (พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๗) | |
เหรียญกระษาปณ์บุบสลาย | เหรียญที่ถูกตัด หรือถูกตอกตีเป็นรอย หรือถูกเปลี่ยนแปลงอย่างใด ๆ ในดลภาค หรือในรูปซึ่งอาจสังเกตได้ทันทีว่าไม่ใช่สึกหรอไปโดยธรรมดา (พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. ๒๔๗๑ มาตรา ๔ วรรค ๒) | |
เหลน | ลูกของหลาน | |
ให้ | สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสนหาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับ และผู้นับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น (ป.ก.พ. มาตรา ๕๒๑) | |
การให้ย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ (ป.ก.พ. มาตรา ๕๒๓) | ||
ให้สิทธิอันมีตราสาร ต้องส่งมอบตราสารและมีหนังสือไปบอกแก่ลูกหนี้ (ป.ก.พ. มาตรา ๕๒๔) | ||
ให้ทรัพย์สินที่ซื้อขายจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน เมื่อได้ทำหนังสือและจดทะเบียนแล้ว จึงจะเป็นพันสมบูรณ์โดยไม่ต้องส่งมอบ (ป.ก.พ. มาตรา ๕๒๕) | ||
ผู้ให้จะเรียกทรัพย์ที่ให้คืนได้ เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ แต่จะเรียกได้ในกรณีย์ดั่งจะกล่าวต่อไปนี้— | ||
(๑)ผู้รับประทุษฐร้ายผู้ให้เป็นความผิดอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา ฤๅ | ||
(๒)ผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง ฤๅ | ||
(๓)ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ | ||
(ป.ก.พ. มาตรา ๕๓๑) | ||
การให้ดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ จะถอนคืนเหตุเนรคุณไม่ได้ คือ— | ||
(๑)ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ | ||
(๒)ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน | ||
(๓)ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา | ||
(๔)ให้ในการสมรส | ||
(ป.ก.พ. มาตรา ๕๓๕) | ||
ให้การ | ดู คำให้การ | |
ให้โดยระดอก | ให้โดยไม่คิดเอาบำเหน็จค่าน้ำนมเข้าป้อน | |
ให้บังวาย | จะให้ภายหลัง |