พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา พุทธศักราช 2477 (ฉะบับที่ 3)
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาว่า สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญาบางมาตรา
จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดั่งต่อไปนี้
มาตรา๑พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา พุทธศักราช ๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๓)”
มาตรา๒ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา๓ให้เติมความต่อไปนี้เข้าเป็นวรรค ๒ ของมาตรา ๑๑๘ แห่งกฎหมายลักษณะอาญา
“ถ้าข้อความที่เอามาแจ้งตามที่กล่าวมาในวรรคต้นนั้นเกี่ยวกับการกระทำความผิดอาชญาใด ๆ ท่านว่า มันมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
มาตรา๔ให้ยกเลิกอัตราโทษในมาตรา ๑๕๕–๑๕๖–๑๕๘–๑๕๙ และ ๑๖๐ แห่งกฎหมายลักษณะอาชญา และใช้อัตราโทษต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๕๕. . .“จำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
มาตรา ๑๕๖. . .“จำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
มาตรา ๑๕๘ วรรคหนึ่ง. . .“จำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสามปี และปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
วรรค ๒. . .“จำคุกตั้งแต่หกเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
มาตรา ๑๕๙. . .“จำคุกไม่เกินสามปี และปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
มาตรา ๑๖๐ วรรค ๑. . .“จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปจนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
วรรค ๒. . .“จำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไปจนถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองร้อยบาทขึ้นไปจนถึงพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
วรรค ๓. . .“จำคุกตั้งแต่สิบปีขึ้นไปจนถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองร้อยบาทขึ้นไปจนถึงสองพันบาทด้วยอีกโสดหนึ่ง”
ประกาศมาณวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชชกาลปัจจุบัน
- นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
- นายกรัฐมนตรี
บรรณานุกรม
[แก้ไข]- "พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาชญา พุทธศักราช 2477 (ฉะบับที่ 3)". (2477, 1 พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 51, ตอน 0 ก. หน้า 886–889.
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"