พระราชสาส์นในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปยังประเทศอังกฤษ/ผู้วายชนม์

จาก วิกิซอร์ซ
หลวงรัตนเทพ (นพวรรณ บุรณศิริ)
  • ชาตะ ๒๑ สิงหาคม ๒๔๔๓
  • มตะ ๒๗ มกราคม ๒๕๐๒

ประวัติ

หลวงรัตนเทพ (นพวรรณ บุรณศิริ)

เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวายเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ณ โรงพยาบาลศิริราช ธนบุรี รวมอายุได้ ๕๙ ปี.

หลวงรัตนเทพเกิดที่จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนสุดท้องของหมื่นมหาสนิท (มานพ บุรณศิริ) เกิดแต่มารดาชื่อ พิศ มีพี่น้องร่วมบิดาและมารดาเดียวกัน ๓ คน

หลวงรัตนเทพจบการศึกษาจาก ร.ร. อัสสัมชัญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘

อายุ ๓๔ ปี ได้ทำการสมรสกับนางละออ บุรณศิริ มีบุตร ๑ คน ชื่อ มานิต บุรณศิริ

อายุ ๒๑ ปี ได้เริ่มเข้ารับราชการ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งนายเวรสถานกงสุลใหญ่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔

ตำแหน่งราชการต่อมามีลำดับดังนี้ คือ:–

พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้รับพระราชทานยุศเป็นรองอำมาตย์เอก ผู้ช่วยสถานทูตกรุงวอชิงตัน

พ.ศ. ๒๔๗๒ ผู้ช่วยสถานทูตกรุงโตกิโอ

พ.ศ. ๒๔๗๓ ปลัดกรม ชั้น ๒ กรมการเมือง

พ.ศ. ๒๔๗๔ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงรัตนเทพ

พ.ศ. ๒๔๗๗ เลขานุการตรี สถานทูตกรุงโตกิโอ

พ.ศ. ๒๔๘๑ เลขานุการตรี ประจำกระทรวง

พ.ศ. ๒๔๘๒ กงสุลประจำเมืองไซ่ง่อน

พ.ศ. ๒๔๘๓ เลขานุการโทประจำกระทรวง

พ.ศ. ๒๔๘๔ เลขานุการเอกประจำกระทรวง

พ.ศ. ๒๔๘๙ ประจำกรมการเมืองตะวันตก

พ.ศ. ๒๔๙๓ หัวหน้ากองสัญญา กรมการเมืองตะวันตก หัวหน้ากองการแปล กรมสนธิสัญญา

พ.ศ. ๒๔๙๖ กงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

พ.ศ. ๒๕๐๒ ลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญ

ตำแหน่งราชการพิเศษ

พ.ศ. ๒๔๗๓ เป็นอนุกรรมการรับรองคณะผู้แทนต่างประเทศในการประชุมเวชชกรรมเมืองร้อนแห่งบุรพเทศ ครั้งที่ ๘ ที่กรุงเทพฯ

พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะผู้แทนรัฐบาลไทยในการประชุมเรื่องฝิ่นสูบ ที่กรุงเทพฯ

พ.ศ. ๒๔๘๖ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศตรวจข่าวกรมประชาสัมพันธ์

พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นกรรมการในคณะกรรมการสร้างวัดไทยที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย

ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ จตุรถาภรณ์มงกุฎไทย.
" ๓๐ มีนาคม " ๒๔๘๑ อาทิตย์อุทัย ชั้น ๕.
" ๒๐ กันยายน " ๒๔๘๓ จตุรถาภรณ์ช้างเผือก.
" ๑๘ กันยายน " ๒๔๘๕ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย.
" ธันวาคม " ๒๔๘๙ เหรียญจักรพรรดิ์มาลา.
" พฤษภาคม " ๒๔๙๓ เหรียญเงินบรมราชาภิเษก.
" ธันวาคม " ๒๕๐๐ ทวิติยาภรณ์มงกุฎไทย

พ่อของลูก

พ่อได้จากไปแล้ว การจากของพ่อครั้งนี้เป็นจากการไปอย่างไม่มีวันกลับของพ่อ พ่อจากไปเร็วเหลือเกิน เร็วจนไม่มีใครจะคาดถึง จริงอยู่ อาการป่วยของพ่อค่อนข้างจะหนักอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่แพทย์จะเยียวยาได้ แต่ในที่สุด พ่อก็ต้องสิ้นบุญด้วยโรคจรไปอย่างกระทันหัน หัวใจของพ่อวายลงไปอย่างปัจจุบันทันด่วน ถึงแม้นายแพทย์จะได้พยายามช่วยพ่อจนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตของพ่อไว้ได้

ตามปรกติ พ่อเป็นคนแข็งแรงและมีความอดทนมาก ระหว่างที่พ่อล้มป่วยลง พ่อพยายามทุกทางที่จะไม่ให้ครอบครัวของพ่อต้องพลอยล้มตามไปด้วย พ่อพูดเสมอว่า พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ร่างกายของพ่อภายนอกแสดงให้เห็นได้ดีว่า อาการของพ่อนั้นไม่น้อยเลย พ่อผอมลง ๆ จนเห็นได้ชัดและน่าใจหาย พ่อเริ่มเบื่ออาหาร แม้แต่ยาที่รักษาพ่อก็พลอยเบื่อไปด้วย ครอบครัวเป็นห่วงพ่ออย่างที่สุด พ่อไม่ยอมเข้าโรงพยาบาลโดยยืนยันเจตนาเดิมว่า พ่อไม่เป็นอะไรมาก เรี่ยวแรงของพ่อน้อยลงตามลำดับ แม้แต่จะทรงกายก็ไม่ไหวเสียแล้ว ในทีุ่สด ก็อ้อนวอนให้พ่อเข้าโรงพยาบาลจนได้

ครอบครัวของพ่อเล็กเต็มที ภาระในการวิ่งเต้นก็ต้องวางมือจากพ่อไปชั่วขณะ สำหรับการอยู่เ้า การนำพ่อเข้าโรงพยบาล จึงน่าจะพูดได้ว่า เป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร เพราะไม่แน่ใจว่า จะได้ห้องหรือไม่?

ในที่สุด พ่อเข้าโรงพยาบาลได้ด้วยความอนุเคราะห์ของนายแพทย์เสนอ อินทรสุขศรี ที่ช่วยกรุณาจัดหาห้องให้ นายแพทย์เสนอ อินทรสุขศรี ได้ให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวของพ่อตลอดมา นับตั้งแต่พ่อได้ล้มป่วยลง พ่อได้รับการช่วยเหลือในการพยาบาลด้วยความเอาใจใส่และใกล้ชิดจากคุณประมวล เกษแก้ว พยาบาลแห่งสถานสงเคราะห์แม่และเด็กกรุงเทพฯ ได้กรุณาสละเวลามาช่วย ทำให้ครอบครัวของพ่อมีความเห็นใจในความกรุณาในครั้งนี้เป็นอย่างมาก พ่อไม่มีโอกาสได้อยู่ตอบแทนความกรุณาอันนี้ได้ เพราะพ่อต้องจากไปในที่สุด ภาระในการจัดการเรื่องการรดน้ำศพของพ่อได้รับความอนุเคราะห์จากคุณชลอ สงวนศักดิ์ จนเป็นที่เรียบร้อย ความกรุณาของท่านที่ได้กล่าวนามมานี้อดที่จะกล่าวไว้ ณ ที่นี้เสียมิได้ จะขอน้อมระลึกไว้จนชั่วอายุขัย

สิ้นบุญพ่อแล้ว ก็เหมือนขาดร่มโพธิ์ร่มไทรที่เคยให้ความร่มเย็นและอบอุ่น คิดถึงพ่อครั้งไรก็ใจหาย นับวันพ่อจะห่างไกลออกไปทุกที แม้พ่อจะจากไปแล้วก็จริง แต่พระคุณของพ่อยังอยู่ให้ลูกได้น้อมระลึกถึงอีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ความหวังและความตั้งใจของพ่อที่มีต่อลูกก็พลอยสิ้นไปด้วยกับการจากไปของพ่อ

ลูกไม่มีโอกาสจะได้รับความร่มเย็นและความอบอุ่นจากพ่ออีกต่อไปแล้ว แต่พระคุณของพ่อยังทำให้ลูกระลึกอยู่เสมอว่า เป็นความร่มเย็นและอบอุ่นที่พ่อได้ทิ้งไว้ให้ ลูกไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณของพ่อในโอกาสแห่งวันฌาปนกิจศพที่ลูกและแม่ได้จัดขึ้นนี้ เหนือไปจากกุศลกรรมที่ลูกและแม่ได้ทำเพื่ออุทิศผลบุญแก่พ่อแล้ว ลูกจะขอจารึกพระคุณของพ่อไว้ในส่วนลึกของหัวใจลูกด้วย หากสวรรค์มีจริง ความดีงามคงจะนำวิญญาณของพ่อสู่สวรรค์โดยแท้ และลูกจะรอเกิดเป็นลูกของพ่อและขอตอบแทนพระคุณของพ่อทุกชาติสืบไป.

จากลูก
๒๓ เมษายน ๒๕๐๒