ข้ามไปเนื้อหา

หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 4

จาก วิกิซอร์ซ
๏หนังสือจดหมายเหตุ๚


Bangkok Recorder.

Vol. 1. เล่ม ๑. บังกอก เดือนสิบ ปีมโรง จุลศักราช ๑๒๐๖. October, 1844.
ใบ ๔. No. 4.
คริศศักราช ๑๘๔๔.



ในหนังสือจดหมายเหตุเดือนกอ่นนั้น, ได้ว่าลมอากาษนิ้วแลนิ้วทั่วแผ่นดินหนักสิบชั่ง, เท่ากันกับน้ำฦกได้ห้าวากับ ๗ นิ้ว. ถ้าจะเอาท่อสูงหกวาให้ต้นข้างหนึ่ง, ให้เตมดว้ยน้ำแล้วกลับท่อนั้นลงในชาม, น้ำในท่อนั่นก็จะทรุดลงคงอยู่แต่ห้าวากับเจดนิ้วเท่านั้น, ไม่ได้ทรุดลงอีกเลย. เปนทั้งนี้เพราะลมอากาษได้ดันน้ำที่ปากท่อนั้นไว้, นิ้วแลนิ้วหนักสิบชั่ง, เหมือนที่ว่ามาแล้วนั้น. คนทั้งปวงได้รู้ดั่งนั้นแล้ว, จึ่งทำเปนสูบน้ำ. สูบนั้นมีหลายอย่างต่าง ๆ กัน, คือสูบน้ำ, แลสูบลม, แต่ทว่าได้ทำตามวิชาลมอากาษที่ว่ามาแล้วนั้น. แลเครื่องสูบน้ำอย่างหนึ่งที่จะทำได้ง่าย, ที่คนได้ใช้มากนั้นเขาทำอย่างนี้, ให้ทำเปนท่อเลกใหญ่ตามใจมิได้กำหนฏ, ริมปากท่อข้างในที่จะจุมลงในน้ำนั้น, ให้มีประตูลมเปิดขึ้นแลปิดลงได้, ที่ลูกสูบนั้นก็ทำให้มีประตูลมเปิดขึ้นแลปิดลงเหมือนกัน, เอาท่อสูบนั้นจุมลงในน้ำนอ่ยหนึ่ง. ถ้าชักลูกสูบขึ้นเพียงใด, น้ำก็จะเข้าตามช่องประตูข้างล่างเพียงเสมอลูกสูบเท่านั้น, แลน้ำเข้าไปในสูบนั้นเพราะไม่มีลมอยู่ข้างใน, ลมอากาษจึ่งดันน้ำข้างนอกท่อ, ให้ดันประตูสูบเข้าไปได้. ถ้ากดลูกสูบลงไปน้ำก็ไม่ออกได้, เพราะดันประตูข้างล่างให้ปิดไว้, น้ำจะดันขึ้นให้ประตูที่ลูกสูบนั้นเปิดออก, แลชักลูกสูบขึ้นอีกทีหนึ่ง, น้ำก็จะไหลออกตามท่อข้างบน, ตั้งแต่นั้นน้ำจะไหลออกทุกทีชักลูกสูบมิได้ขาด. เครื่องสูบน้ำอย่างนี้เขาได้ใช้มาก, ได้สูบน้ำให้ออกจากทอ้งกำปั่นบ้าง, ได้สูบน้ำในบ่อ, แลในแม่น้ำให้ขึ้นบนเรือนบ้าง. เขาได้ใช้ในกำปั่นนั้นสองสูบให้พร้อมกันบ้าง, ลางลำก็ใช้สูบสี่ใบบ้างให้ไปพร้อมกัน. แลประตูช่องลมในสูบข้างล่างนั้น, ให้สูงกว่าน้ำห้าศอกหกศอกก็ได้, ถ้าประตูนั้นสูงกว่าห้าวากับเจดนิ้ว, ถึงจะชักสูบสักเท่าใด ๆ, น้ำก็มิได้ขึ้นเลย, เพราะกำลังลมข้างในกับข้างนอกดันไว้เท่ากัน. อีกประการหนึ่งประตูลูกสูบนั้นอย่าให้มีรูสักหนิดหนึ่งเลย, ถ้ามีรูประมาณเท่าช่องเขม, ลมจะเข้าไปข้างในได้, จะชักน้ำไม่ขึ้นเลย.

สูบน้ำอีกอย่างหนึ่ง, ก็ทำเหมือนกันกับสูบที่ว่ามาแล้ว, ผิดกันแต่ไม่มีประตูช่องลมที่ลูกสูบ, แต่ประตูที่สูบข้างล่างนั้นมีเหมือนกัน. แต่ทว่ามีท่อเลกที่น้ำจะพุออกนั้น, ทำให้ต่ำลงมาให้เหนือประตูนอ่ยหนึ่ง. เมื่อชักลูกสูบขึ้น, ประตูจะเปิด, น้ำจะเข้าในสูบ, เมื่อกดลงน้ำจะดันประตูให้เปิด, แล้วน้ำจะพุออกตามท่อเลกนั้น. ท่ออย่างนี้สำหรับเขารดต้นดอกไม้, ภ้าจะให้น้ำโปรยออกไปไกล, ก็ตอ้งกดลูกสูบลงให้แรงตามปราถนาจะให้ใก้ลแลไกล. แลเครื่องสูบนี้เมื่อชักลูกสูบขึ้นก็อยุดมิได้พุออก, เมื่อกดลงน้ำจึ่งพุออกได้ทุกที. จะว่าถึงสูบน้ำอีกอย่างหนึ่ง, กระทำเหมือนกันกับสูบที่ว่ามาในที่สองต่างกันแต่อย่างใหม่ที่ว่านี้มีหีบลมดว้ย, จึ่งทำให้ท่อเลกที่น้ำจะพุออกนั้นเข้าไปในหีบลม, แลให้มีประตูปิดเปิดได้ที่ปลายท่อเลกที่อยู่ในหีบลมนั้นดว้ย. แล้วจึ่งให้มีท่อเลก ๆ อีกอันหนึ่ง, ให้อยั่งลงมากลางหีบลมนั้น, ให้สูงพ้นพื้นก้นหีบลมสองนิ้วสามนี้วก็ได้, แต่ปลายท่อนั้นให้สูงกว่าหีบลมขึ้นไปสองศอกสามศอกก็ได้, ให้ขึ้นไปเหมือนกันกับลูกสูบนั้น. เมื่อชักลูกสูบขึ้นจะดูดน้ำเข้าตามช่องประตูให้น้ำเข้าไปในสูบ, เมื่อกดลงประตูสูบน้ำจะปิด, ประตูที่อยู่ปลายท่อเลกที่อยู่ในหีบลมจะเปิด, น้ำจะเข้าในหีบลมทั้งหมด. เมื่อชักลูกสูบขึ้นอีก, น้ำในหีบลมนั้นจะดันประตูที่ปลายท่อเลกนั้นให้ปิด, น้ำจะกลับไปในสูบนั้นไม่ได้, น้ำข้างนอกจะเข้าในสูบได้, เพราะชักลูกสูบขึ้นประตูสูบนั้นเปิด. เมื่อกดลูกสูบลงอีก, น้าจะเข้าไปในหีบลมอีก, จะอัดลมอยู่ข้างในลมจะออกไม่ได้, เพราะน้ำถว้มปลายท่อข้างล่างที่อยั่งลงในหีบลมนั้น. เมื่อชักลูกสูบขึ้น, แลกดลงหลายที, ก็ยิ่งอัดลมในหีบนั้นนัก, ลมจะดันน้ำให้ขึ้นตามท่อในหีบลมที่ออกข้างบนแรงยิ่งนัก, น้ำจะพุ่งออกทุกทีชักลูกสูบแลกดลงมิได้อยุดเลย. เครื่องสูบน้ำนี้, ก็เปนเครื่องสำหรับดับไฟ. แลที่สุดปลายสูบน้ำนั้น, เขาให้มีท่อทำดว้ยหนังสัตว, ต่อติดไปจะให้ไกลห้าเส้นหกเส้นก็ได้, ให้ปลายท่อหนังนั้นลงในบ่อก็ได้, ในแม่น้ำก็ได้, ยังสูบน้ำอีกหลายอย่าง, ก็กระทำตามวิชานี้ทั้งหมด.

แลเดือนข้างหน้า, เราจึ่งจะว่าภึงเครื่องสำหรับกำหนฏจะให้รู้ว่า ลมออ่นแลลมก้ลา, ที่พ่อค้าได้ใช้ในกำปั่น, อังฤษเรียกชื่อว่า, บรัมอิเตอ อย่างหนึ่ง, สินสัมอิเตอ อย่างหนึ่ง.

ข่าวว่า ปีมะโรง มีฝีดาษในเมืองกาลกัตตานั้นร้ายนัก, เดือน ๔ เดือน ๕ มีคนตายมากนัก. แลเมื่อฝีดาษนั้นคลายแล้ว, ก็บังเกิดเจบลงราก, คนตายดว้ยลงรากนั้นมากหนักหนา. หนังสือข่าวว่า คนทั้งปวงมีใจเภิกเฉยเสีย, มิได้ปลูกฝีโค, คนจึ่งตายมาก. เมื่อยังไม่มีฝีดาษ เขาไม่ได้ปลูกฝีโคให้ลูก, ดว้ยคนทั้งปวงนั้นคิดว่า จะคอ่ย ๆ ปลูกต่อภายหลัง. แล้วเมื่อฝีดาษมาบังเกิดขึ้น, เขาก็ปลูกฝีโคไม่ใค่รทัน. ถ้าท่านปราถนาจะไม่ให้ฝีดาษบังเกิดแก่ลูก, จงภาลูกมาปลูกฝีโคให้กันฝีดาษเสียเถิด. อย่าผัดไปเลย, กลัวจะปลูกไม่ทัน.

ข่าวว่ากระษัตรอังกฤษถอดเจ้าเมืองอินเดีย, ผู้ชื่อ เอเลนบะไร เสีย, ให้กลับไปเมืองอังกฤษ. เปนเหตุอย่างไรหนังสือข่าวไม่ว่า, แต่คนทั้งปวงสังเกดว่า, เจ้าเมืองอินเดียนั้นจองหองนัก, จึ่งตอ้งถอดเสีย. มีคนหนึ่งชื่อ ฮาดินเชร ตั้งเปนเจ้าเมืองแทน. ฮาดินเชรนั้นแต่กอ่นเปนนายทัพย์ เปนคนก้ลาหารนัก. แต่กอ่น, เมื่อโบเนปาดเปนกระษัตรในเมืองฝรั่งเสศ, ฮาดินเชรได้รบกับทหารฝรั่งเสศ, เสียแฃนข้างหนึ่ง. เพราะเสียแฃนข้างหนึ่ง กระษัตรอังกฤษจึ่งพูนบำเหนจ์ให้เขาปีละสองพันสี่รอ้ยบาททุกปี ๆ. ฮาดินเชรออกมาจากเมืองอังกฤษเดือนเจด แรมเจดค่ำ, มาถึงเมืองกาลกัตตาเดือนแปด ทุติยาสาตร์ ขึ้นเก้าค่ำ. ตั้งแต่ออกจากเมืองอังกฤษมาถึงเมืองกาลกัตตาเปนแต่สี่สิบเจดวัน.

มีหนังสือข่าวตีภิมในเมืองเกาะหมากนั้นเดือนหก ขึ้นสี่ค่ำ, ว่า ในหกเดือนที่ลวงไปกอ่นตีภิมนั้น, ในเมืองเกาะหมากมีคนปล้นเปนอันมาก. คนพวกปล้นนั้นเข้าไปสวนจันเทษ, ทุบตีคนเฝ้าสวนให้ตายบ้างมิตายบ้าง, แล้วเกบเอาลูกจันเทษไป. ลางทีก็เกบเอาหลายพันลูกในคืนเดียว.

ในเมืองรูเซียนั้นเคยมีคนมากเปนคนมีอายุศม์ยืน. แลมีสี่ร้อยหกสิบเก้าคน, มีอายุศม์กว่ารอ้ย, ตามเมื่อปีชวด. ในสี่รอ้ยหกสิบเก้าคนนั้นมีสองรอ้ยสามสิบหกคนมีอายุศม์ถึงรอ้ยกับห้าปี, มีอีกรอ้ยแปดคนมีอายุศม์ถึงรอ้ยกับสิบปี, มีอีกห้าสิบเก้าคนมีอายุศม์ได้ถึงรอ้ยกับสิบสองปี, มีอีกสี่สิบห้าคนมีอายุศม์ได้ถึงรอ้ยยี่สิบปี, แลมีอีกสองคนมีอายุศม์ได้ถึงรอ้ยกับสี่สิบห้าปี. คนเหล่านี้ตายในปีชวดสิ้นทั้งนั้น.

สาศนาเมืองตุระเกียนั้นคือสาศนามะหะมัศ. แต่กอ่นในเมืองตุระเกียนั้น, เปนทำเนียมถ้าผู้ใดทิ้งเสียซึ่งสาศนามะหะมัศนั้นเจ้าเมืองก็ฆ่าเสีย. เมื่อสองสามปีส่วงไปแล้ว มีคนหนึ่งละเสียซึ่งสาศนามะหะมัศนั้น, เขาได้ฆ่าเสียแล้วตามกฎหมาย. แต่เมื่อคนนั้นตายแล้ว, ทูตเมืองอังกฤษกับทูตเมืองฝรั่งเศศ, สองคนนั้นไปฃอแก่เจ้าเมืองตุระเกียนั้น, ให้เลิกทำเนียมนั้นเสีย. แลหนังสือข่าวที่เข้ามาใหม่นั้นว่า, เจ้าเมืองตุระเกียนั้นยอมให้, ว่าตั้งแต่นี้ไป, ภึงจะละเสียซึ่งสาศนามะหะมัศ, เราก็มิได้ฆ่าเสียเลย.

ประเทษยูในติษเทษนั้น, มีเมืองหนึ่งชื่อ กะเนติกัด ที่เขาทำนารกามาก, ทำดว้ยไม้บ้าง, ดว้ยทองเหลืองบ้าง. ในปีฃาน เขาทำดว้ยไม้ได้ ๕ แสนใบ. ในเมืองกะเนติกัดนั้น มีหวัวเมืองแห่งหนึ่งที่เขาเคยทำนารกาไม้วันละพันใบทุกวัน ๆ.

ข่าวว่า เจ้าเมืองฝรั่งเศศนั้นตั้งพระไทยว่า จะให้ปล่อยซึ่งทาษที่มีอยู่ในเมืองที่เปนเมืองขึ้นแก่ฝรั่งเศศนั้น, ไม่ให้มีทาษต่อไปอีกเลย, ให้มีแต่ลูกจ้างเท่านั้น.

ข่าวเมืองนอกว่า, กระษัตรเมืองรูเซียไปเยี่ยมกระษัตรเมืองอังกฤษ, ถึงเมืองลันดันซึ่งเปนเมืองหลวงเดือนเจด แรมสองค่ำ, อยู่ในเมืองนั้นศักสิบวัน แล้วกลับไปเมืองรูเซีย. ๏ ข่าวว่า ในเมืองทวายนั้น, มีคนศักสามหมื่นห้าพันเจดรอ้ยสิบสองคน.

มีข่าวมาแต่เมืองกาลกัดตา, ว่า เจ้าเมืองอังวะซื้อกำปั่นไฟลำหนึ่ง, เท่ากับกำปั่นไฟที่มาเมืองนี้. บัดนี้กำปั่นนั้นแล่นขึ้นไปถึงเมืองอังวะแล้ว.

มีคำสุภาสิตว่า, เมื่อท่านจะให้ทาน, ที่มือขวาให้นั้น, ก็อย่าให้มือทร้ายรู้. แปลว่า, ถ้าท่านจะให้ทาน, ก็ให้ดว้ยใจบริสุทธิแท้. อย่าให้ดว้ยคิดว่าจะเอาหน้า, จะให้ชื่อของตนฦๅชาปรากฏ. อนึ่ง คือ อย่าเหนแก่หน้าเหนแก่บุทคล. ถ้าทำเช่นนั้นก็ไม่เปนทานเลย.

ถ้าเหนแผลโลหิตกับน้ำเหลืองปนกันอยู่, ก็พึงรู้ว่า แผลนั้นรอ้นอยู่เพราะโลหิตมารวมกันคั่งอยู่ที่ตรงแผลนั้น. เนื้อนั้นจึ่งเน่าเรวดว้ยรอ้น. ปากแผลโดยรอบนั้น, แดงมากขักให้เสกดดำไป. แผลพันนี้ตอ้งพอกเข้าต้มเสียกอ่น, เข้าต้มนั้นเคี่ยวให้เปื่อยเกือบเปนบอระมาร, พอกวันละสามหน, กินดีเกลือหมั่นถ่ายให้บอ่ย ๆ . รักษาอย่างนี้ให้เหนเนื้อแดงขึ้นเปนลูกมะระแล้ว, จึ่งเอาขี้ผึ้งในจดหมายเหตุใบสามรักษาไปเถิด.

แผลอีกอย่างหนึ่ง, พองขึ้นเปนหนอง, แล้วก็เปื่อยออกไป, ปากแผลโดยรอบนั้น, ชักดำเข้าขอบแผลฃ้างนอกนั้นก็ไม่สู้บวมไม่สู้แดง, แผลเช่นว่ามานี้, เหตุดว้ยเนื้อตรงแผลนั้นตายเสียไปแล้ว, ให้เนื้อนั้นเอย๊นมาก, จึ่งชักให้ปากแผลนั้นดำไป. มักให้ตัวรอ้นเทพจรกำเริบ. ถ้าจะรักษาก็เอายาที่สำเราไม่สู้รอ้นไม่สู้เอย๊นให้กินให้เดิน ๆ ไว้, แล้วจึ่งให้กินยาขาวที่อังกฤษเรียกว่าคีนีลนั้น, ให้กินหนักเท่าเมดเข้าเปลือกที่ได้ขนาดวันละสี่หน. ถ้าไม่ให้กินยาคีนีล, ก็ให้กินยาแดงผงที่มาแต่เมืองอเมริกาชื่อซินคนา, ต้มน้ำกินก็ได้เหมือนกัน. ถ้าไม่มียาสองขนานนี้กินแล้ว, ก็ให้. เอาการะบูรร์หนักหุนหนึ่ง, น้ำประสารดีบุกหุนหนึ่ง, ปูนขาวหุนหนึ่ง, บดกินวันละ ๒ หน ๓ หน. รักษาอย่างนี้เพื่อจะให้เนื้อนั้นกลับเปนปรกติขึ้น. ถ้าเหนว่าตัวรอ้นหนัก, ก็ให้กินดินประสิวขาวที่สอาษทำผงลลายน้ำเข้าเชดมื้อละ ๒ หนกินวันละ ๔ หน ๕ หน. ยานี้กินให้ตัวเอย๊น, ให้เทพจรหย่อนลง. ถ้าเหนตัวเอย๊นแล้ว, จึ่งให้กินยาขาวยาแดง๒ขนานนั้นตามแต่จะให้กินขนานหนึ่งเถิด. ถ้าจะฌะแผลก็ให้เอาน้ำกรดดินประสิว ๕๐ อยด, น้ำท่าทนานหนึ่ง. ถ้าน้ำกรดไม่มี, ก็ให้เอาดินประสิวขาวหนักสลึง, ลลายน้ำครึ่งทนาน, ทำน้ำฌะดีแล. น้ำฌะอย่างหนี่ง, เอาน้ำกรดกำมะถัน ๗๐ อยด, น้ำท่าครึ่งทนานเปนน้ำฌะ. ถ้าไม่มีแล้วก็เอาน้ำดินประสิวฌะไปตามที่ว่ามานั้นเถิด.

แผลอย่างหนึ่ง, ที่ปากแผลเล๊กแต่ฃ้างในนั้นกินพลอนใป. ลางทีกัดฦกเปนขุมลงไป, ถ้าแผลนั้นกินชอนเข้าไปฦกแล้ว, เอากระบอกฉิดใส่น้ำท่าฉิดล้างเสียกอ่น, แล้วเอาจุลษรีลลายน้ำลงภอศรีน้ำเฃียว ๆ ออ่น ๆ, แล้วใส่กระบอกฉิดเข้าไป, ให้กัดชำระฝ้าแลหนอง, แลน้ำเหลืองเสียแล้ว. จึ่งเอาน้ำฌะเช่นว่ามานั้น, ฉิดล้างน้ำจุลษรีเสียอีกครั้งหนึ่ง. ถ้าเหนหนองยังติดค้างอยู่บ้าง, ก็ให้เอาผ้าภับเข้าให้หลายชั้น, กดลงที่ริมแผลรีดหนอง, ให้ออกเสียให้หมด. แล้วเอาผ้ารัดแผลไว้, เอาสำลีปิดปากแผลเสีย. รักษาอย่างนี้, เนื้องอกติดกันออกมาแต่ฃ้างในกอ่น, เพราะรัดไว้ไม่ให้หนองค้างอยู่ได้หายเรว. ถ้าเปนแผลปากแผลนั้นเลก, แต่กินชอนเข้าไปไม่สู้ฦกนัก, ก็เอามีดสอดเข้าไปตามแผลที่ชอนนั้น. ตัดเนื้อที่อมหนองนั้นออกเสีย, ให้ปากแผลกว้างแล้ว, ฉิดน้ำจุลษรีชำระเสียกอ่น, จึ่งเอาสำลีใสคาปากแผลไว้อย่าให้ชิดกันเข้าได้. กระทำดั่งนี้, เพราะจะให้เนื้อแดงนั้นงอกแต่ข้างในออกมา, จนเตมปากแผล, แต่ให้เปลี่ยนสำลีวันละสองหน.

ถ้าเปนฝีปะคำรอ้ยแล้ว, แต่ภอแลเหนเงาหนองขึ้นมา, ก็ให้เอามีดที่ปลายแหลมแทงตรงหนองเสีย, ให้ปากแผลกว้าง, หนองไหลคล่องแล้ว, ฉิดน้ำจุลษรีก็ได้, น้ำดินประสิวก็ได้, ยิ่งได้น้ำกรดยิ่งดี. แล้วเอาสำลีบิดให้แน่น, ทำเปนหมุดใส่ไว้ให้ดูดหนอง, แลน้ำเหลือง, อย่าให้ปากแผลติดกันเข้าได้, ให้เอาขี้ผึ้งเข้าน้ำมันดินหนัก ๓ ส่วน, ในจดหมายเหตุใบที่หนึ่งนั้น, ทากระดาดหนังแลผ้าขาวบางปิดไว้ถ้าจะรักษาฝีปะคำรอ้ย, ที่เปนมานานแล้ว, ถ้าเหนหนองนั้น, กัดหนังตามปากแผลนั้น, ชอนบางไปก็ให้เอามีดผ่าเสีย, ให้แผลกว้างออกไว้, อย่าให้ติดกันได้, จะอมหนองเสีย. แล้วชำระดว้ยน้ำฌะเสียกอ่น, แล้วเอาขี้ผึ้งนั้นปิดไป. ให้เปลี่ยนขี้ผึ้งออกฌะแผลเสีย, วันละสองหน, เปลี่ยนขี้ผึ้งก็สองหนเหมือนกัน. ให้กินยาภายในดว้ย, เอาโกฏน้ำเต้าหุนหนึ่ง, ยาดำหุนหนึ่ง, บดกินทุกวัน, วันละมื้อ. อีกขนานหนึ่งเรียกว่าใอโอคีน, เปนยารักษาฝีปะคำรอ้ย, แลโรคอื่นหลายอย่างมีคุณนักให้กินให้ทาทุกวัน.

ทุกวันนี้พวกหมออเมริกาปลูกฝีโคกันฝีดาษได้ง่ายดายคล่องนัก. แต่ในเดือน ๘ เดือน ๙ ปลูกเปนส่วน ๑, ไม่เปน ๒ ส่วน, เปนเหตุเพราะทอ้งอากาษเปนเมฆหมอกมัวอยู่มากไม่ผ่องไส. บัดนี้พื้นอากาษนั้นผอ่งแผ้วเกือบจะสิ้นเมฆหมอกเพราะฝนตกลงมาหลายครั้ง, ชำระหมอกมัวนั้นบริสุทธิแล้ว, จึ่งปลูกเปนง่าย. ตั้งแต่ต้นเดือนแปดทุติยาสาท, ได้ปลูกฝีให้นับได้คนประมาณ ๕๐๐, แต่ติดดีเปนฝีโคแท้นั้นประมาณ ๒๐๐, คนนอกนั้นไม่เปน, มาฃนเดือนสิบข้างขึ้น จนตกแรมมาปลูก ๑๐ คน, ไม่เปนศักสองคน, เปนมากกว่าไม่เปนศัก ๘ ส่วน. ตั้งแต่นี้ไปเปนเวลาฤกฃ์ดี, เชิญท่านทั้งหลายที่มีลูกหลานบ่าวไพ่รภากันมาปลูกเสียเถิด, อย่านิ่งนอนใจอยู่เลย. เราจะปลูกบ้านหมอบ้านบน, วันจันทร์ เพลาช้าว ทุกวันจันทร์. หมอพวกเราที่บ้านล่าง, ก็จะปลูกให้วันจันทร์ เพลาช้าว ทุกวันจันทร์เหมือนกัน. เพลาบ่ายวันประหัศนั้น จะไปปลูกที่ตึกหน้าวัดสามปลื้ม, ที่หน้าวัดเกาะนั้น ก็ทุกวันประหัศเหมือนกัน. หมอนาคลูกสิษเราก็จะไปปลูกที่บ้านฝรั่งวัดสมอรายทุกวันเสาร์. ผู้ใดได้อ่านหนังสือนี้แล้ว ฃอให้ป่าวรอ้ง, ให้รู้ทั่ว ๆ กันเถิด.

หมอบรัดเลอวยพรมาถึงท่านทั้งหลาย, ที่เปนโรคจักขุเปนต้อกระจกนั้น. ให้เชิญมาหาข้าพเจ้าเถิด, จะรักษาให้, ดว้ยได้เคยรักษาหายเปนหลายสิบคนแล้ว. แต่คนที่มีจักขุบอดมืดทีเดียวเราก็ได้รักษาหาย, จนเหนเปนปรกตินั้นมาก, ที่เรารักษาหายนั้นประมาณ ๓ ส่วน, ที่ไม่หายนั้นศักส่วน ๑, ที่รักษาไม่หายนั้นก็ไม่มีอันตราย, เปนเสมอโรคเดิมอยู่ยังนั้น. อนึ่ง ท่านทั้งปวงที่เปนต้อ อย่าคิดกลัวว่า วิทีที่หมอรักษานั้น, จะทำให้เจบปวดหนักนั้นหามิได้, เจบแปลบเดียวเท่านั้นดอก, ภอทนได้, เชิญมาเถิด, เราไม่เอาวัถุสิ่งใดเลย, ปราถนาจะทำคุณแก่ท่านทั้งปวงเท่านั้นแล.

Price Current. บาด เฟื้อง บาด เฟื้อง
แผ่นทองแดงแลตะปูทองแดง หาบละ ๕๐ ๕๓
ผ้าใบ พับละ ๑๓ ๑๕
ขี้ผึ้ง หาบละ ๕๐ ๕๓
กำญานอย่างกลาง หาบละ ๕๘ ๖๑
หมากแห้ง หาบละ
เข้าแฟมาแต่ยะกะตรา หาบละ ๑๔
ฝ้ายดีห่อหนักสองหาบยี่สิบสี่ชั่ง ห่อละ ๒๕ ๒๖
ฝ้ายอื่นมาแต่บำเบ ห่อละ ๑๓ ๒๖
งาช้างใหญ่ หาบละ ๑๖๗ ๑๘๓
งานช้างเลก หาบละ ๑๐๐ ๑๓๓
หนังควายดี หาบละ
ครามไท หาบละ
น้ำมันมะพร้าวไท หาบละ ๑๐
พริกไท หาบละ
พริกลอ่น หาบละ ๑๔
พริกเทด หาบละ
เข้าสารดีเกียนหนึ่งหนัก ๔๐ หาบ เกียนละ ๑๐๘
น้ำตายซายเมืองไท หาบละ
เกลือเมืองไท เกียนละ ๓๖
ฝางเมืองไท หาบละ
ครั่งเมืองไท หาบละ ๑๑
ตะกั่วเกรียบ หาบละ ๒๕ ๒๗
รง หาบละ ๑๑๗
ด้ายดิบ หาบละ ๓๐ ๕๕

หนังสือฃ่าวนี้ตีภิมหน้าวัดเจ้าคุณพระคลัง, ที่บ้านพวกครูอเมริกาอาไศรย. ตีเดือนละแผ่น, คือ ปีหนึ่งสิบสองแผ่น. ราคา, ถ้าซื้อเปนปี, ก็เปนบาทหนึ่ง. ถ้าซื้อเปนแผ่น, ก็เปนแผ่นละเฟื้อง.

The Recorder is published on the first Thursday of every month, at the press of the mission of the A. B. C. F. M. in Siam. Prince, one tical, or sixty cents, a year.