ข้อนี้ให้ยกเสีย ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อน่า ถ้าโจทย์จำเลยอ้างพยานระบุชื่อปรากฎแล้ว ก็ให้ตระลาการเสมียนผู้คุมสืบพยานที่โจทย์จำเลยระบุชื่อไว้ก่อนให้จงได้ แล้วจึ่งให้สืบพยานที่ยังไม่ได้ระบุชื่อต่อภายหลัง
มาตรา๗ผู้มีอรรถคดีเปนความแก่กัน ตระลาการพิจารณาจะถึงสืบพยานโจทย์จำเลย เหนว่าสำนวนบกพร่อง กลัวความจะแพ้ แกล้งกำหนดอ้างพยานฝ่ายละ ๒๐ คนบ้าง ๓๐ คนบ้าง ๔๐ คนบ้าง เพื่อประสงค์จะหาพยานสืบให้สมข้อความของตน แลคิดจะเหนี่ยวหน่วงถ่วงความให้เนิ่นช้ามิให้ตระลาการพิจารณาให้เสร็จลงได้ กฎหมายแต่ก่อนก็หาได้มีบังคับให้กำหนดพยานว่าเท่าใดไม่ ตั้งแต่นี้สืบไป ถ้าผู้มีอรรถคดีเปนความกันณโรงศาลกรมใด ๆ ตระลาการพิจารณาจะถึงสืบพยาน ให้โจทย์จำเลยกำหนดอ้างพยาน ถ้าความ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ให้กำหนดอ้างพยานแต่ข้อละ ๓ คน ถ้าความหลายข้อขึ้นไป ก็ให้กำหนดอ้างพยานในสำนวนฝ่ายละ ๑๒ คน ถ้าโจทย์จำเลยจะอ้างมากกว่า ๑๒ คนขึ้นไป ห้ามอย่าให้ตระลาการเสมียนรับจดกำหนดพยานไว้เปนอันขาดทีเดียว อนึ่ง โจทย์จำเลยนำตระลาการเสมียนผู้คุมไปสืบพยาน ๆ สาบาลตัวให้การแก้ค้านเสร็จแล้ว ฝ่ายโจทย์แลจำเลยที่มิได้เปนผู้อ้างร้องต่อตระลาการเสมียน