หน้า:กม ร ๕ - ๒๔๓๙.pdf/25

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
20
ศก ๑๑๕
 

กันนั้นจงทุก ๆ ข้อ แต่ให้อธิบดีผู้พิพากษาแสดงความเห็นของตนภายหลังผู้พิพากษาทั้งปวง แลให้วินิจฉัยข้อความทุก ๆ ข้อเปนตกลงกันตามความเห็นของผู้พิพากษาซึ่งมากกว่ากันนั้น

๒๓ ให้ตัดสินโดยที่เห็นมากกว่า
ถ้าในข้อความอันเดียวกันนั้น มีผู้พิพากษาแสดงความเห็นแตกต่างกันออกไปกว่า ๒ พวกแล้ว แลถ้าจะวินิจฉัยความข้อนั้นเอาเปนตกลงกันตามความเห็นของผู้พิพากษาซึ่งเห็นมากกว่ากันนั้นไม่ได้แล้ว ดังนี้ ก็ให้ผู้พิพากษาผู้ซึ่งมีความเห็นว่าจำเลยมีพิรุทแรงกว่าผู้พิพากษาคนอื่น ๆ นั้นยอมลงเนื้อเห็นด้วยกับผู้พิพากษาผู้อื่นซึ่งมีความเห็นว่าจำเลยมีพิรุทน้อยกว่าความเหนนั้น
ในการลงความเหนในข้อความที่ควรฟังเอาเปนจริงฤๅไม่ก็ดี ในข้อบทกฎหมายที่ประกอบใช้นั้นก็ดี ให้ผู้พิพากษาทั้งปวงพิจารณาเอาแต่โดยที่เหนบริสุทธิ์แก่ใจ แลปราศจากอะคะติ ๔ ประการ อย่าได้ปล่อยให้จิตรของตนลำเอียงไปด้วยความเหนแก่น่าบุทคล ฤๅเหนแก่พวกพ้องฤๅประชุมชนใด ๆ เพื่อว่าคำพิพากษาตัดสินของผู้พิพากษาเหล่านี้จะได้ประกอบไปด้วยความสัตย์แลความยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะเปนไปได้