หน้า:กม ร ๕ - ๒๔๓๙.pdf/30

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
ศก ๑๑๕
25
 

ซึ่งต้องอุทธรณ์ แล้ววางบทปรับโทษในครั้งที่สุดตามแต่ศาลอุทธรณ์จะดำริห์เหนว่าศาลเดิมควรต้องวางบทปรับโทษฉะนั้น คือ พิพากษาให้ปล่อยตัวจำเลยหลุดพ้นไป ฤๅพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามความผิด ฤๅลดหย่อนผ่อนโทษ ฤๅทวีโทษขึ้นซึ่งศาลเดิมได้พิพากษาปรับไว้แต่เดิม สุดแต่ะจะเหนชอบด้วยกฎหมายแลยุติธรรม

๓๔ ศาลอุทธรณ์แก้คำตัดสินได้ตามความเหน
มาตรา๓๕การพิจารณาความตามพระราชบัญญัตินี้ ห้ามอย่าให้เรียกค่าฤชาธรรมเนียมอย่างหนึ่งอย่างใด เว้นไว้แต่คดีที่ฟ้องหาเรียกเอาค่าสินไหมเติมกับโทษด้วย จึงให้เรียกค่าธรรมเนียมขึ้นศาลจากโจทย์นั้น ๓๕ ค่าธรรมเนียม

มาตรา๓๖คำตัดสินความมีโทษทั้งปวงย่อมเปนที่สุด แลจะได้กระทำตามคำตัดสินนั้น คือ— ๓๖ คำตัดสินความมีโทษเปนที่สุดเมื่อ
ข้อเมื่อศาลชั้นแรกได้ตัดสินแล้ว ไม่มีฟ้องอุทธรณ์ภายในกำหนด ฤๅคู่ความทั้งสองฝ่ายลงลายมือยอมตามคำตัดสินอย่างหนึ่ง กับ— ๑ ศาลชั้นแรกตัดสินแล้วไม่มีอุทธรณ์