หน้า:กม ร ๕ - ๒๔๓๙.pdf/31

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
26
ศก ๑๑๕
 
ข้อเมื่อศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินแล้ว แลไม่มีฎีกา ก็ต้องกระทำโทษตามคำตัดสินนั้น เว้นไว้แต่คำตัดสินโทษประหารชีวิตร ฤๅริบทรัพย์สมบัติ จึ่งต้องงดไว้ทำตามความที่ว่าไว้ในมาตรา ๓๙ ต่อไปนี้ ๒ แลเมื่อศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินแล้ว
มาตรา๓๗เมื่อคำตัดสินได้ถึงที่สุดแล้ว ผู้ต้องหานั้นไม่มีโทษแล้ว ก็ต้องปล่อยตัวเสียทันที แลจะกลับเอาตัวมากักขังฤๅตัดสินลงโทษในคดีอันเดียวกันอีกนั้นไม่ได้ ๓๗ คำตัดสินถึงที่สุดให้ปล่อยแล้ว จะกลับชำระทำโทษอีกไม่ได้
มาตรา๓๘เมื่อศาลที่ได้พิจารณาชั้นแรกนั้นได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิตร ฤๅริบทรัพย์สมบัติ แลจำคุกจนตลอดชีวิตรในคดีเรื่องใด ต้องให้ส่งสำนวนคดีเรื่องนั้นมาให้ศาลอุทธรณ์ตรวจก่อน ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามนั้นแล้ว จึ่งจะเปนถึงที่สุดได้ ๓๘ คำตัดสินประหารชีวิตรศาลใด ๆ ต้องให้ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนด้วย จึงเปนที่สุด
มาตรา๓๙คำตัดสีนอันใดอันหนึ่งซึ่งถึงที่สุดแล้ว แลเปนคำตัดสินมีโทษประหารชีวิตร ริบทรัพย์สมบัติ ฤๅจำคุกจนตลอดชีวิตรก็ดี ต้องให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมนำคำตัดสีนนั้นทูลเกล้าฯ ถวาย ถ้ามีฎีกาของผู้ต้องตัดสินโทษนั้นด้วย ก็ให้ทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกัน