หม่อมราชวงศ์ประยูร มารับประทานร่วมวงด้วยอีกคนหนึ่ง นายเช้าซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ณ ที่นั้นและหม่อมราชวงศ์ประยูร ได้ยินพระสุรรณชิตพูดกับนายลีว่า เรื่องที่พูดไว้ต้องทำให้สำเร็จ จะเลี้ยงดูตลอดชีวิต นายลีรับว่าจะพยายามกระทำให้สำเร็จ แล้วหลวงสงครามวิจารณ์จึงพูดกับหม่อมราชวงศ์ประยูรว่า เรื่องที่สั่งไว้ต้องทำให้สำเร็จ ทำอะไรขอให้พร้อมใจกันและต้องทำจริง ๆ ทำอย่างเด็ดขาด ความกล้าหาญหมายความว่าฝืนใจหรือหักใจจึงจะเป็นผลสำเร็จ ตายก็ตายด้วยกัน ถ้าไม่ตายเงินทองมาเอง พวกที่อยู่ด้วยกันทุกคนนี้เป็นเพื่อนร่วมตายด้วยกันทั้งนั้น แล้วพระสุรรณชิตพูดว่า จงพยายามทำกันให้หมดความสามารถ ต้องทำกันเด็ดขาด เมื่อทำสำเร็จแล้วเงินทองจะมาภายหลัง ต่อจากนี้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ ณ ที่นั้นพูดขึ้นว่า เอาเถอะถึงแม้จะพลาดพลั้งจะส่งเสีย นายลีได้ยิ้มแย้มแสดงกิริยาเป็นที่พอใจใจคำพูดเหล่านั้น สักครึ่งชั่วโมงหลวงสงครามวิจารณ์ได้ขับรถยนตร์ไปส่งหม่อมราชวงศ์ประยูรที่วังปารุสกวัน ครั้นถึงหน้าวัดเบญจมบพิตร หลวงสงครามวิจารณ์ได้ควักห่อยาส่งให้หม่อมราชวงศ์ประยูร ๑ ห่อ สั่งให้ใส่ลงในอาหารเพื่อให้พระยาพหลพลพยุหเสนารับประทานในคืนนั้น ถ้าไม่สำเร็จให้ใส่ในวันรุ่งขึ้น แต่หม่อมราชวงศ์ประยูร ได้ทิ้งห่อยานั้นเสียที่คลองเม่งเสงโดยไม่มีกำลังใจที่จะกระทำแก่พระยาพหลพลพยุหเสนาตามคำสั่งของหลวงสงครามวิจารณ์ได้ ส่วนหลวงสงครามวิจารณ์นั้นเมื่อส่งหม่อมราชวงศ์ประยูรแล้ว ก็กลับไปร้านนายเช็งนำตามเดิมอีก พอค่ำต่างก็พากันขึ้นรถกลับไป
ได้ความตามคำให้การนายร้อยเอกเผ่า ศรียานนท์, นายร้อยตรีผล สมงาม และพันจ่าตรีทองดี จันทนะโลหิต พะยานโจทก์ต่อไปว่า วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๑ เวลาค่ำ หลวงพิบูลสงครามกับภริยากำลังแต่งตัวจะไปรับประทานอาหารในการเลี้ยงที่กระทรวงกลาโหม ส่วนพันจ่าตรีทองดีได้นำเอาปืนพกชะนิดโคลท์รีวอลเวอร์มาไว้ในรถยนตร์คันที่เตรียมจะไปกระทรวงกลาโหม ครั้นเวลา ๑๙ นาฬิกามีเสียงปืนลั่นขึ้นที่ห้องชั้นบนในห้องของหลวงพิบูลสงคราม ๑ นัด ในทันใดนั้นหลวงพิบูล