ถ้าหากว่าได้มาอยู่คงจะไม่ได้อยู่วัดอื่น คงอยู่วัดนี้เป็นแน่ ออกจากวัดไปที่หลักเมือง ซึ่งอยู่มุมท้ายวัดอยู่ในระหว่างวัดกับวัง แล้วไปที่วัง ๆ นี้มีแนวเชิงเทินดินต่ำ ๆ รอบ ไม่เห็นมีกำแพงเหลือเลย เห็นจะใช้ระเนียดไม้เช่นเมืองพม่าเขาก็ยังใช้อยู่ ยาว ๖ เส้น กว้าง ๕ เส้น ไว้ชานในระหว่างรเนียดชั้นนอกพอสมควร พอการพิทักษ์รักษาแลบริษัทบริวารจะอยู่ ชั้นในขุดคูรอบคงจะมีรเนียดปากคูข้างในอีกชั้น ๑ มีถนนเดิรเข้า ๓ ด้าน เว้นด้าน ๑ ดูภูมิฐานคล้าย ๆ สระแก้วเมืองพิษณุโลก ในกลางวังมีสระใหญ่รูปรีสระหนึ่ง ไม่มีรอยก่อสร้างเลย เห็นจะเป็นเรือนไม้ทั้งนั้น เขาปลูกพลับพลาแลปรำที่พักในที่นี้ มีราษฎรมาประชุมอยู่เป็นอันมาก ภรรยาข้าราชการแลผู้ดีในเมืองนี้ทำสำรับมาเลี้ยงหลายสิบสำรับ หน้าพลับพลาทำเป็นรูปเต่ารูปช้างเผือกโผล่จากดิน รูปเสือแลรูปงูอยู่ที่ต้นไม้ริมพลับพลา เป็นความคิดนายอำเภอบ้านพรานกระต่ายทำ ได้กินของเลี้ยงแลถ่ายรูปคนงามเมืองกำแพงเพชร
ซึ่งได้สั่งให้เลือกหาไว้ก่อน เขาคัดเอาแต่ลูกผู้ดี ความจริงราษฎรที่มานั่งอยู่ทั้งหมู่หน้าตาดีกว่าก็มี ผู้หญิงเมืองนี้นับว่ารูปพรรณสันฐานดีกว่าเมืองอื่นในข้างเหนือ คนงามทั้ง ๔ ที่จะมาถ่ายรูปนั้นเขาให้ถือกระเช้าหมากคอยแจกเลี้ยง คือหวีดบุตรหลวงพิพิธอภัย อายุ ๑๖ ปี คนนี้รู้จักนั่งโปสต์ถ่ายรูป จึงได้ถ่ายรูปฉเพาะคนเดียว ยังอีก ๓ คนนั้นชื่อ ประคอง