๑ เดิมวันที่ ๑๐ ธันวาคม ศก ๑๒๔ ปีนี้ เวลาบ่ายประมาณ ๖ โมงเย็น พระโตอยู่ในวัดปาโมกข์ ป่วยเป็นไข้อหิวาตกะโรค หมอรักษาก็ไม่บันเทา ขณะนั้นอูบาสิกาเหลียน อยู่บ้านเอกราชแขวงปาโมกข์ เมืองอ่างทอง จึงมาขอยา ตั้งความสัตยาธิฐานต่อพระพุทธไสยาสน์ แล้วก็เอาใบไม้ที่สมมตว่าเป็นยานั้นเอามาต้มให้พระโตที่ป่วยนั้นฉัน พระโตก็ฉันยาเข้าไป โรคของพระโตก็หายสมประสงค์ พระโตที่ป่วยกับอุบาสิกาเหลียนนั้นเป็นลุงหลานกัน
๒ อุบาสิกาเหลียนมาแจ้งความต่ออาตมาภาพกับพระภิกษุสงฆ์ในวัดปาโมกข์ ว่าพระพุทธไสยาสน์นี้ท่านเป็นหลวงพ่อฉัน ฉันจะธุระนึกเอาอันใดใปหาท่าน มีเสียงออกจากพระอุระมาเสมอ ๆ ท่านไม่ขัดฉัน อาตมาภาพถามอุบาสิกาเหลียนว่าเสียงพูดออกมาจากพระอุระพระพุทธไสยาสน์ได้จริงหรือ อุบาสิกาเหลียนตอบว่าจริงเจ้าข้า
๓ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๔ เพลา ๖ ทุ่ม ๗ ทุ่ม เลิกประชุม อาตภาพจัดให้พระสงฆ์ในวัดป่าโมกข์ประมาณ ๑๐ รูป คฤหัสถ์ ๕ คน ศิษย์วัดด้วย รวมพระสงฆ์คฤหัสถ์ศิษย์วัดประมาณ ๓๐ คนพากันไปที่พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ อุบาสิกาเหลียนก็ไปด้วย ขณะนั้นอาตมาภาพจึงให้พระสงฆ์จุดโคมไฟให้แสงสว่างทั่วไปในพระวิหารนั้น อาตภาพได้ให้พระสงฆ์ตรวจดูว่าจะเป็นผู้ใดทำกลมารยา เร้นซ่อนเข้ามาพูดกับอุบาสิกาเหลียน กลัวว่าอุบาสิกาเหลียนจะเป็นคนเท็จทุจริต พระสงฆ์ก็ตรวจดูตามทาง คือพระวิหารแลฝาผนังองค์พระทั่วไป ก็ไม่เห็นมีคนที่จะเข้ามาแอบแฝงอยู่ในที่นั้นได้ แล้วอาตมภาพจึงให้พระสงฆ์