หน้า:ฎ ๒๕๖๑-๐๗-๒๕.djvu/3

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

แต่อย่างไรก็ดี ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุมากถึง ๗๐ ปี นับว่าอยู่ในวัยชรา ซึ่งตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ได้ความว่า จำเลยเจ็บป่วยมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอาการเกือบอัมพาตไปครึ่งซีกทางข้างขวา ประกอบกับตามคำให้การพร้อมเอกสารแนบท้ายของจำเลย ปรากฏว่าจำเลยพร้อมครอบครัวได้ไปกล่าวขอพระราชทานอภัยโทษและเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติหลายครั้ง กับได้บริจาครถสามล้อเพื่อการบรรทุกให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนา จำนวน ๑ คัน มูลค่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งยังแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ อีกทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุ สุขภาพ สภาพความผิด และพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรปรานีเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีและจักได้มีจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ลงโทษปรับจำเลยกระทงละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ กระทง ปรับ ๔๐,๐๐๐ บาทอีกสถานหนึ่ง และให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ ๓ ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐.


นายอดิศักดิ์ ปัตรวลี

นายชัยชนะ ตัญจพัฒน์กุล

นางพนมวรรณ ทองวิทูโกมาลย์