หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๕) - ๒๔๖๒.pdf/42

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๑

แต่งให้บุตรชายอยู่รักษาเมือง ๒ คน คือ พระภักดีบริรักษ์ (แสง) เปนเจ้าเมือง นายนุดเปนปลัด กับให้นายกล่อม ๑ นายภู ๑ นายม่วง๑ หลวงประชาบาล ๑ เปนผู้ช่วยอยู่รักษาเมืองไทรบุรี แล้วพระยานครให้กวาดครัวแขกไปไว้เมืองนครศรีธรรมราชคราวนี้มากนัก ครั้นปีมะเมีย จัตวาศก พ.ศ. ๒๓๖๕ (จ.ศ. ๑๑๘๔) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยานคร (น้อย) ขึ้นเปนเจ้าพระยานคร แลตั้งพระภักดี บริรักษ (แสง) เปนพระยาอภัยธิเบศร์ผู้ว่าราชการเมือง ตั้งนายนุดเปนพระเสนานุชิตปลัดเมืองไทรบุรี (ตอนนี้พงษาวดารเมืองไทรบุรีว่า ปีมะเสง เบญจศก (จ.ศ. ๑๑๘๕) ในรัชกาลที่ ๓ เจ้าพระยานครยกไปตีเมืองไทรบุรีได้)

ครั้นปีวอก ฉอศก พ.ศ. ๒๓๖๗ (จ.ศ. ๑๑๘๖) พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๓ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเศกแล้ว ถึงปีจอ อัฐศก พ.ศ. ๓๓๖๙ (จ.ศ. ๑๑๘๘) พระยาพัทลุง (เผือก) ว่าราชการอยู่ ๙ ปี มีความชราลงมาก อายุ ๗๐ ปีเศษ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าไปรับราชการอยู่กรุงเทพฯ พระราชทานที่บ้านสนามควายให้เปนที่อยู่อาศรัย บรรดาบุตรหลานสมัคบ่าวไพร่ก็เข้าไปตั้งเรือนอาไศรยอยู่ที่บ้านสนามควายกับด้วยพระยาพัทลุง (เผือก) ทั้งสิ้น โปรดเกล้าฯ ให้นายครุธบุตรคนใหญ่พระยาพัทลุง (เผือก) เปนหลวงพิทักษ์ราชาเจ้ากรมเกณฑ์บุญ ทำราชการอยู่กรุงเทพฯ ได้สืบบุตรหลานต่อมา