หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๕) - ๒๔๖๒.pdf/43

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๒

พวกบ้านสนามควายจึงยังพูดสำเนียงชาวพัทลุงอยู่จนทุกวันนี้ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเสน่หามนตรี (น้อยใหญ่) บุตรชายใหญ่เจ้าพระยานครฯ เปนพระยาอุทัยธรรมฯ เปนเจ้าเมืองพัทลุง ๆ ได้เกณฑ์ไพร่ตัดไม้ต่อเรือรบ ๓๐ ลำ ปากกว้าง ๓ วาบ้าง ๔ วาบ้าง ตั้งทำการต่อเรือที่ชายทะเลสาปหน้าวัดป่าเลลัยเดี๋ยวนี้ ๑ แห่ง ที่อ่าวจงเก ๑ แห่ง (เดี๋ยวนี้เรียกที่นั้นว่าท่าต่อเรือมาจนทุกวันนี้) แต่หาทันสำเร็จไม่ ทำการต่อเรือประมาณครึ่งหนึ่งก็ติดราชการศึกเมืองไทรเกิดขึ้น การต่อเรือจึงค้างอยู่ ไม้ที่ตัดมาทำเรือก็สาบสูญไป

ครั้น พ.ศ. ๒๓๗๓ (จ.ศ. ๑๑๙๒) ปีขาน โทศก ในรัชกาลที่ ๓ กรุงเทพฯ ต่วนกูเด็น หลานเจ้าพระยาไทรซึ่งหนีไปอยู่เมืองเกาะหมาก มาตีเมืองไทรบุรีได้ในเดือน ๓ แรมค่ำ ๑ พระยาไทร (แสง) บุตรเจ้าพระยานครหนีมาอาศรัยอยู่กับพระยาพัทลุงผู้พี่ แล้วบอกไปเมืองนครศรีธรรมราชแลกรุงเทพฯ เจ้าพระยานครเกณฑ์ไพร่เมืองนคร เมืองพัทลุง ไปตีเมืองไทร เจ้าเมืองพัทลุงเปนคนพิการเสียขา แลเปนคนสูบฝิ่นติดด้วย จึงให้พระปลัด (จุ้ย) คุมกองทัพไปแทนตัว รวมกับทับเจ้าพระยานครฯ ยกไปล้อมเมืองไทรไว้ ต่วนกูเด็นสู้ไม่ได้ จึงฆ่าตัวตาย เจ้าพระยานครเข้าเมืองไทรได้ ให้พระยาไทร (แสง) บุตรอยู่รักษาต่อไป (ตอนนี้พงษาวดารเมืองไทรกล่าวปีแลศักราชผิด